05 ธันวาคม 2555

พระเจ้าเป็นใหญ่แค่ไหนในชีวิตเรา?


“ระหว่างที่พระองค์ประทับที่หมู่บ้านเบธานี  ในบ้านของซีโมนคนที่เคยเป็นโรคเรื้อน   ขณะเมื่อประทับและเสวยอาหารอยู่นั้นมีหญิงคนหนึ่งถือผอบน้ำมันหอมนารดาที่มีราคาแพงมากมาหาพระองค์   แล้วเปิดผอบเทน้ำมันนั้นชโลมลงบนพระเศียรของพระองค์”  (มาระโก 14:3 ฉบับมาตรฐาน)

ในพระธรรมมาระโกได้บอกเราชัดเจนว่า   บ้านที่พระเยซูไปประทับในครั้งนี้อยู่ในหมู่บ้านเบธานี   หมู่บ้านเดียวกับบ้านของมารีย์และมาธา   ยิ่งกว่านั้นมาระโกยังบอกอีกว่า   บ้านที่พระเยซูประทับรับประทานอาหารในครั้งนี้เป็นบ้านของคนที่ชื่อว่าซีโมนที่เคยเป็นโรคเรื้อนมาก่อน   ซึ่งน่าจะเป็นการเลี้ยงขอบพระคุณพระเยซูที่ทรงรักษาเจ้าของบ้านให้หายจากโรคเรื้อน   เพราะในพระธรรมยอห์นเขียนไว้ว่า  “ที่นั่นมีงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระเยซู” (ยอห์น 12:2 อมตธรรม)

ยอห์นได้ให้รายละเอียดมากกว่านั้นว่า   ลาซารัส ที่พระเยซูทรงให้ฟื้นจากความตายก็ร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย   และมารีย์ซึ่งเป็นพี่น้องกับลาซารัสได้นำน้ำหอมบริสุทธิ์ราคาแพงมาชโลมพระเยซูด้วย   ยอห์นเขียนไว้ว่า

“...พระเยซูเสด็จมาถึงหมู่บ้านเบธานีถิ่นที่อยู่ของลาซารัส  ผู้ซึ่งพระเยซูทรงให้ฟื้นขึ้นจากตาย   ที่นั่นมีงานเลี้ยงเป็นเกียรติแด่พระเยซู  มารธาคอยปรนนิบัติอยู่   ขณะนั้นลาซารัสเป็นคนหนึ่งที่ร่วมโต๊ะกับพระองค์...”  (ยอห์น 12:1-2)

เป็นไปได้อย่างสูงว่า   ที่หมู่บ้านเบธานีได้จัดให้มีการเลี้ยงเป็นเกียรติและขอบพระคุณพระเยซู  และเป็นการขอบพระคุณพระเจ้า   ที่พระองค์ทรงมีพระคุณต่อลาซารัสที่ทรงให้เป็นขึ้นจากความตาย  และซีโมนได้หายจากการเป็นโรคเรื้อน   ทำให้เขาสามารถกลับมามีชีวิตร่วมในชุมชนและครอบครัวอย่างปกติ   ชีวิตกลับมีค่าอีกครั้งหนึ่ง   และงานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นในบ้านของซีโมน   โดยมีครอบครัวของมารีย์และมารธามาร่วมปรนนิบัติในงานเลี้ยงนี้ด้วย   ส่วนลาซารัสก็มาร่วมโต๊ะเสวยกับพระเยซูด้วย

ในการขอบพระคุณพระเจ้า และ การเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแด่พระเยซูครั้งนี้   เหตุการณ์สำคัญมิใช่การเลี้ยงเฉลิมฉลองเท่านั้น   แต่มารีย์ต้องการยกย่อง เทิดทูนพระเยซูคริสต์ว่าเป็นผู้ที่มีสำคัญที่สุดในชีวิตของนาง   นางแสดงการเทิดทูนสูงสุดนี้ด้วยการนำสิ่งที่เธออดออมสะสมสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอคือผอบน้ำมันหอมนารดาราคาแพงมาชโลมแด่พระเยซู   มาระโกบันทึกว่าเธอชโลมที่พระเศียรของพระเยซู   แต่ยอห์นบันทึกว่า  เธอชโลมน้ำมันหอมที่พระบาทของพระเยซูและเช็ดด้วยผมของเธอ   ยอห์นบันทึกไว้ว่า

“มารีย์นำน้ำมันหอมบริสุทธิ์ราคาแพงประมาณครึ่งลิตร (ในภาษากรีกว่า 1 ลิตรา)   มารินรดพระบาทของพระเยซูและใช้ผมของนางเช็ด   กลิ่นน้ำมันหอมตลบอบอวลทั่วทั้งบ้าน” (ข้อ 3 อมตธรรม)

แต่ในสายตาของนักการเงินการคลังอย่างยูดาสอิสคาริโอทมองว่าการกระทำเช่นนี้ของมารีย์เป็นการกระทำที่สิ้นเปลืองอย่างไร้ค่า   เป็นการกระทำที่ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ”  เพราะยอห์นได้บันทึกและให้รายละเอียดในตอนนี้  ด้วยคำท้วงติงของยูดาสว่า

“ทำไมไม่ขายน้ำมันหอมนี้และนำเงินไปแจกจ่ายแก่คนยากจน   น้ำมันหอมนี้มีมูลค่าเท่ากับค่าแรงงานหนึ่งปี (ในภาษากรีกว่า 300 เดนาริอัน)ทีเดียว” (ข้อ 5 อมตธรรม)

ถ้าเป็นปัจจุบัน   ยูดาสคงท้วงติงว่า  พระเยซูรู้ไหมว่า  น้ำมันหอมครึ่งลิตรที่ชโลมพระองค์เพียงไม่กี่นาทีมันมีค่าถึง 90,000-100,000 บาทเลยทีเดียว   ฟังดูยูดาสก็มีเหตุผลนะ   การกระทำของมารีย์ทำให้เสียของ  และพระเยซูทำไมไม่ห้าม!  มาระโกใช้คำว่า  “...เขาตำหนินางอย่างรุนแรง”  (มาระโก 14:4 อมตธรรม)

ยูดาสคาดหวังว่าพระเยซูจะเป็นผู้นำประชาชนปฏิวัติปลดแอกจากการปกครองของพวกโรมัน   การที่จะปลดแอกได้ต้องมีกองกำลัง   และกองกำลังจะมีได้ประชาชนต้องเข้ามาร่วม   การทำการอัศจรรย์และการรักษาโรคของพระเยซูก็เป็นหนทางหนึ่งที่ได้ประชาชนเข้ามาร่วมเป็นกองกำลังถ้าพระเยซูต้องการจะทำเช่นนั้น   และอีกหนทางหนึ่งคือการที่มีเงินและหว่านเงินให้กับคนยากคนจนซึ่งมีจำนวนมากในเวลานั้นก็จะได้กองกำลังมากมายทีเดียว   และถ้าขายน้ำมันหอมนี้แล้วเอาเงินมาหว่านซื้อคนยากคนจนสร้าง “ประชานิยม” พระองค์ก็จะมีกองกำลังช่วยปลดแอกจากโรมันได้

แต่ยอห์นได้บันทึกข้อมูลสำคัญของยูดาสว่า  ที่ยูดาสพูดเช่นนี้มิใช่เพราะ “ห่วงใยคนจน แต่เพราะเขาเป็นขโมย   ในฐานะผู้ถือกระเป๋าเงินเขาเคยยักยอกเงินที่ใส่ไว้ในนั้นไป” (ข้อ 6 อมตธรรม)   จึงสันนิษฐานได้ว่า  ที่ยูดาสเสียดายน้ำมันหอมเพราะเขาไม่ได้ประโยชน์จากการกระทำของมารีย์ต่างหาก   และไม่มีเงินไปหว่านซื้อเสียง “ประชานิยม” เพื่อสร้างฐานอำนาจของตนมากกว่า

ครอบครัวของซีโมนจัดงานเลี้ยงขอบพระคุณและเป็นเกียรติแด่พระเยซู   ครอบครัวของลาซารัสและมารธา มารีย์ชโลมพระเยซูด้วยน้ำมันหอมราคาแพงก็เพราะทั้งสองครอบครัวนี้สำนึกในพระคุณของพระเจ้า   และได้เทิดทูนพระองค์ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ สูงสุดในชีวิตของเขา   และนี่คือ “การนมัสการพระเจ้า” จากชีวิตจิตวิญญาณและด้วยความจริงใจและสุดจิตสุดใจของเขา   การนมัสการเช่นนี้ไม่ “เสียของ” ไม่ “เสียเวลา”   ซึ่งแตกต่างและตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับมุมมองของนักการเงินการคลัง  นักการเมือง   นักฉกฉวยและขู่กรรโชกผลประโยชน์จากพระราชกิจของพระเจ้าอย่างยูดาส 

พระเยซูตอบสนองการกล่าวตำหนิอย่างรุนแรงของยูดาสอิสคาริโอทว่า  “อย่ายุ่งกับนาง   ไปกวนใจนางทำไม  หญิงคนนี้ได้ทำสิ่งดีงามให้เรา  ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ  ท่านสามารถช่วยพวกเขาได้ทุกเวลาตามที่ท่านต้องการ   แต่เราจะไม่ได้อยู่กับท่านเสมอไป” (มาระโก 14:6-7 อมตธรรม)   จากเหตุการณ์ครั้งนี้   ยูดาสอิสคาริโอทมั่นใจแล้วว่า  พระเยซูจะไม่ทำอย่างที่ตนต้องการทางการเมือง   ทั้งมาระโก และ ยอห์น ต่างบันทึกเหมือนกันว่า   ยูดาสกลายเป็น “นกสองหัว”  เขาไปเข้ากับฝ่ายตรงกันข้ามของพระเยซู   แล้วสัญญาจะช่วยศัตรูขจัดพระเยซู   และปุโรหิตก็สัญญาว่าจะให้เงินแก่ยูดาส (ดูมาระโก 14:10)   และยูดาสก็ทำตัวยอมเป็นทาสรับใช้ของฝ่ายที่ให้เงินและผลประโยชน์แก่ตน

ทั้งมาระโก และ ยอห์นได้บันทึกเหตุการณ์ตอนนี้เพื่อชี้และสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงของผู้ที่มีจิตใจที่ “นมัสการพระเจ้า”   คือผู้มีพระเจ้าเป็นเอกเป็นใหญ่เป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิต   ที่นำสิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิตของตนถวายอุทิศแด่พระเจ้า    กับผู้ที่มีจิตใจผูกติดกับทรัพย์สิน ผลประโยชน์  เงินทอง  และอำนาจแห่งตน  จะ “ฮุบ” เอาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพระเจ้ามาเป็นของตน   และพร้อมที่จะแปรพรรคทรยศต่อพระเจ้าเพื่อผลประโยชน์และความมั่งคั่ง และการมีอำนาจของตนเอง

สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นกับเราที่เรียกตนเองว่าคริสตชน หรือ เป็นสาวกของพระคริสต์

แต่พึงระวังว่า  ยูดาสอิสคาริโอทก็เป็นสาวกแถวหน้าคนหนึ่งของพระเยซูคริสต์เช่นกัน

การมีตำแหน่งทางศาสนา  การเป็นผู้นำในคริสตจักร   มิใช่เครื่องค้ำประกันได้ว่าคนๆ นั้นจะสัตย์ซื่อสูงสุดในชีวิตต่อพระเจ้า  หรือ คนๆ นั้นจะยอมตนอุทิศรับใช้พระประสงค์ของพระองค์   เพราะหลายคนในกลุ่มนี้ที่ทรยศต่อพระเจ้าและทำทุกอย่างเพื่อรับใช้ตนเองก็มากมายครับ

การที่เราทุ่มเททุกสิ่งทั้งสิ้นที่เรามีในชีวิต และ กระทำทุกวิถีทางเพื่อให้พระนามของพระเจ้าได้รับการนมัสการ การสรรเสริญ  และการยกย่องเทิดทูน   นั่นมิใช่การสิ้นเปลืองเสียของ   แต่นั่นเป็นการที่เราสำนึกในพระคุณของพระเจ้า  และมีพระองค์ทรงเป็นเอกเป็นต้นและเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราต่างหาก

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ31 มีนาคม 2566 เวลา 10:19

    ภาพต่างของท่าทีคน2คน ขอบคุณพระเจ้า

    ตอบลบ