26 ธันวาคม 2555

ขอบพระคุณในความทุกข์ยากลำบาก?


อ่านสดุดี 119:65-72

“ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก  เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้กฎเกณฑ์ของพระองค์
 สำหรับข้าพระองค์  ธรรมบัญญัติจากพระโอษฐ์ของพระองค์ก็ดีกว่าทองคำและเงินเป็นพันๆ แท่ง”  (ข้อ 71-72 ฉบับมาตรฐาน)

ธรรมดาทั่วไปแล้วเราขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระเจ้าทรงกระทำดีต่อเรา   เพราะพระองค์ทรงอวยพระพรแก่เรา   หรือเพราะพระองค์ทรงช่วยเหลือเราในเวลาที่เราทูลขอและพึ่งพิงพระองค์ 

แต่จะให้ขอบพระคุณพระเจ้าในเวลาที่ทุกข์ยากลำบาก   ดูมันฝืดๆ อย่างไรชอบกลครับ!

ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อเราต้องพบเจอกับความทุกข์ยากลำบาก   หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์  หรือสถานการณ์ที่เราต้องการหลุดรอดออกจากสถานการณ์นั้นๆ   เรามักจะทูลขอพระเจ้าว่า  ขอทรงเคลื่อนสถานการณ์นั้นให้ผ่านเลยไป  หรือขอช่วยเอาเราออกจากสถานการณ์นั้น  ใช่ไหมครับ?

แต่ผู้ประพันธ์บทเพลงสดุดีที่เราอ่านในวันนี้   ท่านกลับกล่าวว่า

“ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก...” (ข้อ 71)   ผู้เขียนสดุดีเห็นถึงพระคุณของพระเจ้าในสถานการณ์ที่ทุกข์ยากเลวร้ายที่เขาผ่านพบในชีวิต   แม้เขาจะไม่ชอบไม่ประสงค์ที่ชีวิตของเขาต้องถูกความเลวร้ายทุกข์ยากทับถม   แต่เขาได้เห็นถึงพระหัตถ์อันชูช่วยของพระเจ้าท่ามกลางชีวิตที่ทุกข์ยาก  และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาขอบพระคุณพระเจ้าท่ามกลางชีวิตที่เลวร้ายนั้น

ทั้งนี้เพราะ... 
1) เขาเห็นถึงความสัตย์ซื่อของพระเจ้าที่ทรงรักษาพระสัญญาหรือพระวจนะของพระองค์ (ข้อ 65)  

2) ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากลำบากนั้น  เขาได้รับการสอนจากพระเจ้า   มิใช่สอนให้มีความรู้เท่านั้น แต่ทรงกระตุ้นสำนึกและสร้างเสริม “วิจารณญาณ” แก่เขาที่จะใช้ในการพิจารณาถึงสถานการณ์ชีวิตและใช้เป็นรากฐานในการตัดสินใจ (ข้อ 66, 68)   และ

3) เขาสำนึกได้ว่า  ก่อนหน้าที่เขาต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากนั้น   เพราะชีวิตของเขา “หลงเจิ่น”  ออกนอกลู่นอกทางแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า  เขาจึงต้องตกลงในความทุกข์ยาก   แต่ในความทุกข์ยากนั้นเขากลับพบว่าพระเจ้าติดตามเขา   และกระทำกับเขาด้วยความรักเมตตาตามพระสัญญาของพระองค์  และนี่ต่างหากที่ทำให้เขาสามารถขอบพระคุณพระเจ้าในความทุกข์ยากได้ (ข้อ 67)  

4) ยิ่งกว่านั้น  เพราะพระคุณของพระเจ้าที่ทรงสำแดงแก่เขาในความทุกข์ยากครั้งนั้น   ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา   ถึงแม้เขาจะถูกกล่าวร้ายป้ายสีอย่างเลวร้ายแค่ไหนก็ตาม   แต่เขาบอกว่า “แต่ข้าพระองค์จะรักษาข้อบังคับของพระองค์ด้วยสุดใจ (ข้อ 69

5) ที่สำคัญคือ   พระคุณของพระเจ้าได้เปลี่ยนจิตใจของเขาให้ปีติชื่นชมที่จะมีชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้า (ข้อ 70

ผู้เขียนสดุดีตอนนี้สรุปประสบการณ์ชีวิตของเขาไว้อย่างสวยงามว่า
“ดีแล้วที่ข้าพระองค์ทุกข์ยาก  เพื่อข้าพระองค์จะเรียนรู้กฎเกณฑ์ของพระองค์
 สำหรับข้าพระองค์  ธรรมบัญญัติจากพระโอษฐ์ของพระองค์ก็ดีกว่าทองคำและเงินเป็นพันๆ แท่ง”  (ข้อ 71-72 ฉบับมาตรฐาน)

นี่คืออีกมุมมองหนึ่งของคริสตชนที่มีต่อสถานการณ์ความทุกข์ยากในชีวิต   ถึงแม้ว่าการที่เราต้องตกลงในสถานการณ์ที่เลวร้ายเพราะการตัดสินใจที่เราเลือกทำที่  “หลงทาง” จากพระประสงค์ของพระเจ้า แต่คริสตชนมองว่า   ในสถานการณ์เช่นนั้นพระเจ้ายังติดตามและเคียงข้างเราครับ   พระองค์พร้อมจะเยียวยา  รักษา  และเสริมสร้างเราขึ้นใหม่  

ด้วยรากฐานความเชื่อเช่นนี้ชี้ชัดว่า  คริสตชนมิใช่คนที่นิยมความทุกข์ หรือ ที่ต้องการใช้ความทุกข์กล่อมเกลาชีวิตจิตวิญญาณของตน   แต่คริสตชนมองเห็นว่า  พระเจ้าทรงทำงานในชีวิตของเราขณะที่ต้องจมจ่อมอยู่ในความทุกข์ยาก   และด้วยพระคุณของพระองค์ที่ทรงสร้างชีวิตจิตวิญญาณของเราขึ้นใหม่   เราจึงสำนึกในพระคุณของพระองค์

ในวันนี้  เมื่อเราต้องพบเจอกับสถานการณ์ทุกข์ยากหรือถึงขั้นเลวร้าย  

สิ่งแรก  ขอให้เราเชื่อและไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า   ในความทุกข์ยาก และ ความเลวร้ายนั้น    พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเรา

ประการที่สอง  ให้เราสงบจิตใจของเรายอมรับสถานการณ์นั้นแม้เราจะไม่พึงพอใจ หรือ พึงประสงค์เพียงใดก็ตาม   การยอมรับมิใช่การยอมแพ้   แต่การยอมรับเป็นการเปิดใจของเราที่จะพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาตรฐานแห่งพระวจนะของพระเจ้า   และที่สำคัญการเปิดใจนั้นเป็นการเปิดพื้นที่ชีวิตของเรายอมรับการ “สอน” และ การ “เสริมสร้าง” ใหม่จากพระเจ้า

ประการที่สาม   เราต้องตระหนักว่า  ในสถานการณ์ที่ทุกข์ยากและเลวร้ายนี้   เราอาจจะหมดแรง  ท้อแท้  สิ้นหวัง   แต่ในสภาพที่เรากำลัง “อ่อนกำลัง”  หมดทางสู้นี้เอง  พระเจ้าจะช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะพึงพิงพระกำลัง  ความอดทน   และเรียนรู้ที่จะรอคอย “เวลาของพระเจ้า”   และเหล่านี้คือประสบการณ์ใหม่ในชีวิตของเรา   และจะนำเราให้ขอบพระคุณพระเจ้าครับ   เพราะเมื่อมองย้อนกลับเราก็พบว่า  เราได้เติบโตขึ้นในชีวิตคริสตชนครับ

ในหนึ่งปีที่ผ่านมา   ท่านได้ผ่านและพบกับสถานการณ์ชีวิตที่เลวร้าย  ทุกข์ยากครั้งสำคัญในเหตุการณ์ใดบ้าง?   ในเหตุการณ์ครั้งนั้นท่านได้พบกับพระหัตถ์ที่ชูช่วย   ท่านได้สัมผัสกับพระคุณของพระเจ้าอย่างไรบ้าง?  ท่านขอบพระคุณพระองค์อย่างไร?

ชีวิตของท่านในตอนนี้   ท่านต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรบ้างที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตของท่านปัจจุบัน    แต่ด้วยมุมมองใหม่  ความคิดใหม่  ความเชื่อใหม่ที่เราพบจากสดุดีในตอนนี้ท่านจะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นอย่างไร?  

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพระองค์ขอเปิดพื้นที่จิตใจและชีวิตของข้าพระองค์    เพื่อรับการทรงตรวจสอบ และ เสริมสร้างใหม่จากพระองค์   ข้าพระองค์เชื่อและไว้วางใจในพระองค์   ข้าพระองค์ยอมมอบชีวิตของข้าพระองค์ให้อยู่ภายใต้การครอบครองของพระองค์   โปรดเสริมสร้างข้าพระองค์ขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ของพระองค์   ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงอยู่เคียงข้าง และ เสริมสร้างข้าพระองค์ขึ้นใหม่ในวันนี้  อาเมน

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น