12 ธันวาคม 2555

ช่วงเวลาใคร่ครวญชีวิตคริสตชน (3): เมื่อพระเจ้าทรงเรียก...ขอให้เป็นไปตามแผนการของพระเจ้า


สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน   แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร

อ่านลูกา 1:26-38
“...พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลมายัง...นาซาเร็ธ...ไปหาหญิงพรหมจารีคนหนึ่งที่หมั้นไว้กับชายที่ชื่อโยเซฟ...หญิงคนนี้ชื่อมารีย์ ...แล้ว(ทูตสวรรค์)บอกกับมารีย์ว่า  เธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานมาก   จงชื่นชมยินดีเถิด  องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับเธอ
มารีย์ตกใจเพราะคำพูดนั้น...ทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่นางว่า  มารีย์เอ๋ย  อย่ากลัวเลย  เพราะเธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน...เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย  จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู   บุตรนั้นจะเป็นใหญ่  และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด...พระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิด...ให้แก่ท่าน...
มารีย์จึงพูดกับทูตสวรรค์องค์นั้นว่า  เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร   เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยหลับนอนกับชายใด   ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอ   ฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ  เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า
นี่แนะ  ถึงแม้นางเอลีซาเบธญาติของเธอจะชราแล้วก็ยังตั้งครรภ์บุตรชาย   บัดนี้นางนั้นที่คนเขาถือว่าเป็นหมันก็มีครรภ์ได้หกเดือนแล้ว   เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงกระทำไม่ได้
มารีย์จึงกล่าวว่า  นี่แนะ  ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพเจ้าพร้อมจะเป็นไปตามคำของท่าน  (ฉบับมาตรฐาน)

จากตอนที่แล้ว  เราพบว่าพระเจ้าทรงเรียกเศคาริยาห์พร้อมทั้งเอลีซาเบธเข้าร่วมในพระราชกิจแห่งการทรงกอบกู้ของพระเจ้า   เป็นการยากอย่างยิ่งที่จะเข้าใจถึงการทรงเรียกนั้นที่มิได้ดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ธรรมชาติที่ควรจะเป็น  แต่เป็นไปตามแผนการและพระประสงค์ของพระองค์   ในฐานะผู้นำศาสนาเศคาริยาห์ไม่รู้จะอธิบายแก่ผู้คนรอบข้างอย่างไร   วิธีการของพระเจ้าคือให้เศคาริยาห์เป็นใบ้   ไม่จำเป็นที่ทุกเรื่องที่ทรงเรียกเราให้ทำต้องพิสูจน์  หรือจะต้องอธิบายให้ผู้คนเข้าใจได้ถ่องแท้ชัดเจน   หลายต่อหลายเรื่องไม่สามารถพิสูจน์หรืออธิบายได้   จนกว่าเมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นเป็นจริงแล้วผู้คนรอบข้างจะประจักษ์ด้วยตัวเขาเอง   ทูตสวรรค์จึงบอกเศคาริยาห์ว่า     เศคาริยาห์จะเป็นใบ้  พูดไม่ได้จนกว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้น (ข้อ 20)   และเมื่อเอลีซาเบธรู้ว่าตนตั้งครรภ์ในห้าเดือนแรกนางเก็บตัว “อยู่กับบ้านอย่างเงียบๆ” (ข้อ 24 ฉบับมาตรฐาน)

เรื่องในทำนองคล้ายกันนี้ได้เกิดขึ้นกับมารีย์ หญิงพรหมจารีที่หมั้นกับโยเซฟ   เมื่อทูตสวรรค์องค์เดียวกันนี้มาแจ้งแก่เธอว่า   เธอเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า และ พระเจ้าสถิตกับเธอ   และบอกอีกว่าเธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย   พระคัมภีร์บอกว่า  “มารีย์ตกใจเพราะคำพูดนั้น” (ข้อ 29)   และในข้อเดียวกันนี้บอกต่อไปอีกว่า  “เธอรำพึงว่า คำทักทายมีความหมายว่าอย่างไร”  

ลักษณะพิเศษในที่นี้คือ  มารีย์ตกใจในสิ่งที่ทูตสวรรค์บอกเธอ   แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธหรือก็มิได้ไม่ยอมเชื่อสิ่งที่ทูตสวรรค์บอก   แต่เธอรำพึง  คิด ใคร่ครวญคำพูดเหล่านั้นของทูตสวรรค์ว่าหมายความว่าอย่างไรกันแน่!

อะไรในคำพูดของทูตสวรรค์ที่ทำให้มารีย์ตกใจ

ประการแรก   เธอเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง  มิได้เป็นคนดีเด่นสำคัญอะไรเลย  แต่ทูตสวรรค์มาบอกเธอว่า  เธอเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน  และพระเจ้าสถิตอยู่กับเธอ   สำหรับสามัญชนในวัฒนธรรมคนยิวที่มีบุรุษเป็นใหญ่และสำคัญ   สิ่งที่ทูตสวรรค์ทักทาย ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับมารีย์ได้  เพราะเธอเป็นเพียงเด็ก และ ผู้หญิง   คำพูดนี้ทำให้เธอตกใจ   แต่เธอใคร่ครวญ คิด รำพึงว่ามันหมายความว่าอะไรกันแน่

ประการที่สอง  ทูตสวรรค์บอกเธอว่า เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย   ในขณะนั้นมารีย์ได้หมั้นกับ   โยเซฟแล้ว   ตามวัฒนธรรมยิวเรื่องการหมั้นการแต่งงานมีสามขั้นตอนสำคัญคือ   ขั้นตอนแรก เมื่อเด็กหญิงชายยังเล็กอยู่พ่อแม่จะหมายหมั้นกันไว้ก่อน  ในขั้นตอนนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้     ขั้นตอนที่สอง เมื่อมีความแน่นอนในระดับหนึ่ง พ่อแม่จะจัดการหมั้นเด็กหนุ่มหญิงสาวให้เป็นคู่หมั้นกัน   ในขั้นตอนนี้ค่อนข้างแน่นอนแล้ว   แต่หนุ่มสาวคู่นี้จะยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน    ขั้นที่สาม  เมื่อถึงเวลาอันควรหนุ่มสาวก็เข้าสู่พิธีแต่งงานและร่วมหอลงเรือนด้วยกัน

สำหรับมารีย์และโยเซฟอยู่ในขั้นตอนที่สอง  คือได้ทำพิธีหมั้นแล้ว   และในช่วงนี้ถ้าฝ่ายหญิงเกิดตั้งครรภ์ก่อนแต่ง  หญิงและชู้จะต้องถูกหินขว้างตาย  และโยเซฟคู่หมั้นที่เธอรักจะคิดอย่างไรกับเธอ   คงต้องคิดว่าเธอไปคบชู้แน่   และนี่คือสิ่งที่ทำให้มารีย์ตกใจ

ประการที่สาม   ทูตสวรรค์แจ้งแก่เธอว่า  บุตรชายที่เธอจะคลอดนั้นมิใช่เด็กชายธรรมดา   แต่จะเป็นพระบุตรของพระเจ้า   เป็นเด็กที่เกิดมาโดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์   เรื่องนี้ยากที่เธอจะเข้าใจได้   แต่เธอรำพึง ใคร่ครวญในเรื่องนี้ว่าหมายความว่าอย่างไร   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอไม่รู้จะบอกคนอื่นอย่างไร  หรือถ้าจะพูดจะบอกใครก็เกรงว่า   ผู้คนจะมองว่าเธอ “เพี้ยนไปแล้ว” หรือไม่ก็ “เธอท่าจะบ้า”   หรือถ้าพูดไม่ถูกกาลเทศะจะพาลให้เธอถูกหินขว้างตายก็ได้  เพราะการพูดเช่นนี้เป็นการพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า  และประการนี้ก็ทำให้มารีย์ตกใจเช่นกัน

ประการที่สี่   ทูตสวรรค์บอกกับเธอว่า   เด็กชายที่จะเกิดมานี้จะเป็นกษัตริย์ที่สืบทอดราชบัลลังก์จากกษัตริย์ดาวิด   นั่นหมายความว่า  บุตรชายของเธอที่จะเกิดมานี้จะเป็นผู้นำในการปฏิวัติปลดแอกการปกครองของพวกโรมัน  เพื่อสถาปนาอาณาจักรอิสราเอลขึ้นใหม่   ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่งด้วยสาเหตุคือ   เธอจะให้กำเนิดบุตรชายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งตามพระสัญญาของพระเจ้า   และอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าตกใจคือ  บุตรชายของเธอจะกลายเป็น “กบฏแผ่นดิน” กลายเป็นคนนอกกฎหมาย  คนที่ถูกตามล้างตามฆ่าจากทั้งกษัตริย์ที่ปกครองอิสราเอลซึ่งในตอนนั้นคือเฮโรดมหาราช   และกองกำลังที่แข็งแกร่งของจักรวรรดิโรมัน   ชีวิตของเธอไม่มีความสงบสุขแน่   นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าตกใจสำหรับมารีย์เช่นกัน

แต่จากการรำพึง ใคร่ครวญ ของมารีย์ต่อคำพูดของทูตสวรรค์  ที่สร้างความตกใจแก่เธอนั้น   ทำให้เธอได้ยินถึงการทรงเรียกของพระเจ้า  ให้เธอเข้าร่วมในพระราชกิจครั้งสำคัญของพระองค์   ดังนั้น  มารีย์จึงตอบสนองการทรงเรียกด้วยการตอบทูตสวรรค์ที่ว่า   “...ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน”  (ข้อ 38 ฉบับมาตรฐาน)

ในการตอบสนองการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างมารีย์มีสองประการที่สำคัญคือ

หนึ่ง   มารีย์สำนึกว่า ตนเป็น “ทาส” รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า   ในการเข้าร่วมในพระราชกิจที่พระเจ้าทรงเรียกเราในชีวิตประจำวัน   เรามิได้เข้าร่วมในพระราชกิจเพราะเรามีบางสิ่งบางอย่างที่คิดว่าต้องทำ  หรือ  เพราะเรามีความสามารถที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง  หรือเพราะเรามีตำแหน่งสูง  แต่การเข้าร่วมในพระราชกิจที่พระเจ้าทรงเรียกนั้น   เรายอมตนที่จะทำตามที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ   เราทำตาม “กระแสรับสั่ง” จากพระเจ้า  เพราะเราสำนึกว่า “ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

สอง   มารีย์พร้อมที่จะรับทุกสถานการณ์ชีวิตที่จะเกิดขึ้น   ชีวิตของเธอพร้อมที่จะเป็นไปตามแผนการของพระเจ้า   มิใช่แผนการของเธอเอง   มิใช่ตามแผนการความคิดที่เธอคิดวางไว้   แต่พร้อมที่จะเดินไปตามที่พระเจ้ามีแผนการให้เธอเดินไป  มารีย์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน”

ในช่วงสี่สัปดาห์ที่เราใคร่ครวญชีวิตคริสตชนถึงการทรงเรียกของพระเจ้า 

1. ท่านเคยมีประสบการณ์ที่วางใจในการกระทำตามการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่?   เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในครั้งนั้น?   และเกิดผลเช่นไรบ้าง?

2. วันนี้ ท่านได้เปิดชีวิตฟังให้ได้ยินถึงเสียงแห่งการทรงเรียกหรือไม่?   อย่างไร?

3. ท่านพร้อมที่วางใจในพระประสงค์ และ แผนงานของพระองค์สำหรับชีวิตและอนาคตของท่านหรือไม่?  ท่านวางใจด้วยการกระทำอย่างไรบ้าง?

4. ในการยอมดำเนินชีวิตตามการทรงเรียกและแผนการของพระเจ้า  อาจนำความกลัวและความเสี่ยงเข้าในชีวิตของท่าน   ท่านจะจัดการกับความกลัวและความเสี่ยงดังกล่าวอย่างไร?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น