21 ธันวาคม 2555

ช่วงเวลาใคร่ครวญชีวิตคริสตชน (7): เมื่อพระเจ้าทรงเรียก...แม้ลำบากแค่ไหนก็เชื่อฟัง


สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน   แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร

อ่านมัทธิว 2:12-16

...พวกนักปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน ไม่ให้กลับไปเฝ้าเฮโรด   พวกเขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น

เมื่อพวกเขา(นักปราชญ์)ไปแล้ว   ...ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า   “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์   และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า   เพราะเฮโรดจะแสวงหาพระกุมารเพื่อประหารชีวิตเสีย”

ใน...กลางคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้น  พาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์
(มัทธิว 2:12-14 ฉบับมาตรฐาน)

การที่เรายอมรับกระแสการทรงเรียกของพระเจ้า   และตัดสินใจที่จะเชื่อฟังและกระทำตามการทรงเรียกดังกล่าว   มิใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น   แต่บ่อยครั้งกลับต้องพบกับปัญหาอุปสรรค  ความทุกข์ยากลำบาก  บางครั้งพบกับอันตรายที่อยู่ข้างหน้า   บ่อยครั้งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับความเลวร้ายของชีวิตอย่างไรดี   และมักเกิดคำถามในใจว่า   แล้วเมื่อไหร่ความทุกข์ยากลำบากเหล่านี้จะสิ้นสุดลงสักที   ยิ่งกว่านั้น  บางท่านอาจจะเกิดความสงสัยว่า  มีแต่สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นในชีวิตเช่นนี้   นี่คงมิใช่การทรงเรียกของพระเจ้ากระมัง   เราคิดหรือสำคัญผิดไปเองหรือเปล่า   เราหันหลังกลับดีไหมก่อนที่จะถลำลึกชีวิตลื่นลงร้ายกว่านี้?

ทำไมเมื่อเรายอมทำตามกระแสเรียกของพระเจ้าแล้วยังต้องพบกับความทุกข์ยากล้มเหลวในชีวิต?

ทำไมเรายอมทำตามการทรงเรียกของพระเจ้าแล้วยังต้องพบปัญหาอุปสรรค ผู้คนที่คอยขัดขวางมากมาย?

จากเรื่องราวในพระคัมภีร์ตอนนี้ชี้ชัดให้เราเรียนรู้ว่า  การทำตามการทรงเรียกบ่อยครั้งนักที่เราต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก  อันตราย  ต้องทุกข์ทน   การกระทำตามการทรงเรียกมิได้หมายความว่าเราจะพบแต่ความสะดวกสบาย   พบกับรางวัลชีวิต   พบกับความสมหวัง  ได้รับเกียรติ  รับการนับหน้าถือตา  รับการเคารพ  รับการสนับสนุนเสมอไป

ในการที่ใครก็ตามที่ยอมมอบกายถวายทั้งชีวิตให้เป็นไปตามการทรงเรียก  ให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า   ไม่ว่าจะได้รับความรู้สึกว่าสุขสำเร็จ  หรือ ทุกข์ยากล้มเหลว   เราจะไม่ตกลงเป็นเบี้ยล่างของความรู้สึกที่ถูกครอบงำจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้าง   แต่เราต้องมั่นใจว่า  นี่คือการทรงเรียกของพระเจ้า   สถานการณ์จะเป็นไปตามการทรงควบคุมของพระองค์   ดังนั้น  อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามพระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์   และที่สำคัญคือพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจเคียงข้างเราเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์   ในทุกสถานการณ์   พระองค์จะทรงชี้ชัดว่าพระองค์ประสงค์ให้เราทำอะไรในสถานการณ์นั้นๆ

เรื่องราวที่เราอ่านจากพระคัมภีร์ในตอนนี้   พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์สำแดงชี้แนะแก่ทั้งนักปราชญ์ทั้งสาม และ โยเซฟว่า  เขาจะต้องทำอย่างไร   เมื่อเฮโรดต้องการไล่ล่าตามฆ่าพระกุมารเยซู

ทูตสวรรค์เตือนนักปราชญ์ผ่านความฝันว่า  “ไม่ให้กลับไปเฝ้าเฮโรด”  พวกเขาต้องหาทางอื่นเพื่อหลบลี้หนีไปในเส้นทางที่ไม่ต้องพบกับกษัตริย์เฮโรด

ทูตสวรรค์บอกกับโยเซฟในความฝันว่า “จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์”

ในสถานการณ์ชีวิตที่ตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าที่ต้องตกทุกข์ได้ยากและเผชิญหน้ากับอันตราย   พระเจ้ามิได้นั่งดูจากสวรรค์   แต่พระองค์ลงมาคลุกในท่ามกลางสถานการณ์นั้น   และดำเนินกระทำตามแผนการของพระองค์   ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงสำแดงชี้แนะว่าเราควรจะกระทำเช่นไรในสถานการณ์ดังกล่าว

บ่อยครั้ง  เมื่อเรายอมตนถวายตัวดำเนินชีวิตตามการทรงเรียกของพระองค์   และตกที่นั่งลำบาก  ถูกถล่มจนต้องทุกข์ยาก   ถูกทำร้ายด้วยแผนการที่ชั่วร้าย   เมื่อได้รับการทรงสำแดงชี้แนะ   บางครั้งเราไม่ยอมรับวิธีการที่ทรงชี้แนะ   เพราะเรามองว่าวิธีนั้นไม่น่าจะเป็นวิธีการที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ!

เพราะวิธีการที่พระเจ้าทรงสำแดงชี้แนะนั้นไม่ได้เป็นตามกรอบคิด กรอบความต้องการของเรา

ถ้าเราเป็นโยเซฟในสถานการณ์ปัจจุบัน   เราจะมองว่า  เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าทรงสำแดงชี้แนะให้เรา “ต้องหนี”  เพราะตามความคิดของเราแล้วพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์เดชสูงสุดทำไมจะต้องหนีกษัตริย์เฮโรดที่เลวร้าย   เป็นไปได้อย่างไรเพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแล้วทำไมเราต้องหนี?   วิธีนี้เป็นหนทางของผู้พ่ายแพ้ต่างหาก   แผนการของพระเจ้าต้องไม่ใช้วิธีการของ “ผู้แพ้”  

เป็นอันว่า เราเอากรอบคิด กรอบความต้องการของเรา เข้าไปแทนที่แผนการของพระเจ้า  เอาความต้องการของเราเข้าไปแทนที่พระประสงค์ของพระเจ้า  “เราต้องชนะ  พระเจ้าต้องใช้เราด้วยวิธีการที่ชนะ”  “เราแพ้ไม่ได้  พระเจ้าต้องไม่แพ้”?

ในที่สุดเราตัดสินใจที่เผชิญหน้าและสู้กับสถานการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าวตามวิธีการของเราเอง

เราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตตามการทรงเรียกของพระเจ้า  แต่ต้องด้วยวิธีการของเราเอง?

เราหนีไม่ได้   เราต้องการพิสูจน์ว่าเราเป็นผู้ถูกต้อง  เราเป็นผู้บริสุทธิ์  เราเสียหน้าไม่ได้   เราแพ้ไม่ได้

เราต้องชนะ   เราต้องบริสุทธิ์ในสายตาของคนรอบข้าง?

บางครั้งเราที่ตกในสถานการณ์อย่างโยเซฟเราลืมไปว่า   ในสถานการณ์นี้เรากำลังกระทำตามการทรงเรียกของพระเจ้า   เราเป็นเพียงผู้ร่วมในพระราชกิจของพระเจ้า   เราต้องทำตามแผนการของพระองค์   แต่เรากลับลืมตัวทำตนเป็นเหมือนเจ้าของพระราชกิจ   วางแผนว่าจะสู้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้    เราลืมไปว่า  “พระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ที่ต่อสู้กับกษัตริย์เฮโรด”   มิใช่โยเซฟ หรือ ตัวเราเอง   เราเป็นเพียงผู้ร่วมในพระราชกิจของพระองค์ที่กระทำตามที่พระองค์ทรงใช้เท่านั้น!

ในช่วงเวลาคริสตสมภพนี้   เป็นเวลาที่เราแต่ละคนต้องกลับมามองเข้าไปในชีวิตจิตใจของเรา   ในยุคที่ชีวิตพบแต่ความทุกข์ยากลำบาก   สิ่งที่พึงแสวงหาคือ พระประสงค์ของพระเจ้าและวิธีการที่พระองค์ทรงชี้นำในการจัดการชีวิตของเราให้ดำเนินการตามแผนการของพระองค์

หนึ่งปีที่ผ่านมา   ชีวิตของเราต้องเหน็ดเหนื่อย ลำบาก  พ่ายแพ้  ท้อแท้ใจ   ให้สงบชีวิตของเรา  นิ่งต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าอย่างโยเซฟและนักปราชญ์   เพื่อที่จะได้ยินได้เห็นถึงการทรงสำแดงชี้แนะของพระเจ้าสำหรับการดำเนินชีวิตของเรา

ถ้าเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาตลอดปี   พระเจ้าทรงรักและเมตตาเราที่ยอมทำตามการทรงเรียกของพระองค์ในภาระการงานและชีวิตครอบครัว   พระเจ้ากำลังชี้แนะและแจ้งถึงพระประสงค์ของพระองค์สำหรับเราในวันนี้และปีใหม่ข้างหน้า   ขอให้เราให้ได้ยินและเห็นเฉกเช่นนักปราชญ์และโยเซฟได้รับการทรงสำแดงชี้แนะจากพระเจ้า

แล้วกระทำอย่างโยเซฟ

“ใน...กลางคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้น  พาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์” 

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น