สี่สัปดาห์ก่อนวันคริสตสมภพ
เป็นช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญถึงการทรงเรียกและพระประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเราแต่ละคน
แล้วเราจะตอบสนองการทรงเรียกดังกล่าวด้วยท่าทีแบบไหน
และด้วยการอุทิศทุ่มเทชีวิตอย่างไร
อ่านมัทธิว 2:12-16
...พวกนักปราชญ์ได้รับคำเตือนในความฝัน
ไม่ให้กลับไปเฝ้าเฮโรด
พวกเขาจึงกลับไปยังเมืองของตนทางอื่น
เมื่อพวกเขา(นักปราชญ์)ไปแล้ว
...ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันแล้วบอกว่า
“จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปประเทศอียิปต์ และคอยอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกเจ้า
เพราะเฮโรดจะแสวงหาพระกุมารเพื่อประหารชีวิตเสีย”
ใน...กลางคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์
(มัทธิว 2:12-14 ฉบับมาตรฐาน)
การที่เรายอมรับกระแสการทรงเรียกของพระเจ้า
และตัดสินใจที่จะเชื่อฟังและกระทำตามการทรงเรียกดังกล่าว มิใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่บ่อยครั้งกลับต้องพบกับปัญหาอุปสรรค ความทุกข์ยากลำบาก บางครั้งพบกับอันตรายที่อยู่ข้างหน้า
บ่อยครั้งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับความเลวร้ายของชีวิตอย่างไรดี และมักเกิดคำถามในใจว่า แล้วเมื่อไหร่ความทุกข์ยากลำบากเหล่านี้จะสิ้นสุดลงสักที ยิ่งกว่านั้น
บางท่านอาจจะเกิดความสงสัยว่า
มีแต่สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นในชีวิตเช่นนี้
นี่คงมิใช่การทรงเรียกของพระเจ้ากระมัง
เราคิดหรือสำคัญผิดไปเองหรือเปล่า
เราหันหลังกลับดีไหมก่อนที่จะถลำลึกชีวิตลื่นลงร้ายกว่านี้?
ทำไมเมื่อเรายอมทำตามกระแสเรียกของพระเจ้าแล้วยังต้องพบกับความทุกข์ยากล้มเหลวในชีวิต?
ทำไมเรายอมทำตามการทรงเรียกของพระเจ้าแล้วยังต้องพบปัญหาอุปสรรค
ผู้คนที่คอยขัดขวางมากมาย?
จากเรื่องราวในพระคัมภีร์ตอนนี้ชี้ชัดให้เราเรียนรู้ว่า การทำตามการทรงเรียกบ่อยครั้งนักที่เราต้องพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก อันตราย
ต้องทุกข์ทน การกระทำตามการทรงเรียกมิได้หมายความว่าเราจะพบแต่ความสะดวกสบาย พบกับรางวัลชีวิต พบกับความสมหวัง ได้รับเกียรติ
รับการนับหน้าถือตา รับการเคารพ รับการสนับสนุนเสมอไป
ในการที่ใครก็ตามที่ยอมมอบกายถวายทั้งชีวิตให้เป็นไปตามการทรงเรียก ให้สำเร็จตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ว่าจะได้รับความรู้สึกว่าสุขสำเร็จ หรือ ทุกข์ยากล้มเหลว
เราจะไม่ตกลงเป็นเบี้ยล่างของความรู้สึกที่ถูกครอบงำจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบข้าง แต่เราต้องมั่นใจว่า นี่คือการทรงเรียกของพระเจ้า สถานการณ์จะเป็นไปตามการทรงควบคุมของพระองค์ ดังนั้น
อะไรจะเกิดขึ้นก็ตามพระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ และที่สำคัญคือพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจเคียงข้างเราเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตามพระประสงค์ของพระองค์ ในทุกสถานการณ์
พระองค์จะทรงชี้ชัดว่าพระองค์ประสงค์ให้เราทำอะไรในสถานการณ์นั้นๆ
เรื่องราวที่เราอ่านจากพระคัมภีร์ในตอนนี้ พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์สำแดงชี้แนะแก่ทั้งนักปราชญ์ทั้งสาม
และ โยเซฟว่า เขาจะต้องทำอย่างไร เมื่อเฮโรดต้องการไล่ล่าตามฆ่าพระกุมารเยซู
ทูตสวรรค์เตือนนักปราชญ์ผ่านความฝันว่า “ไม่ให้กลับไปเฝ้าเฮโรด”
พวกเขาต้องหาทางอื่นเพื่อหลบลี้หนีไปในเส้นทางที่ไม่ต้องพบกับกษัตริย์เฮโรด
ทูตสวรรค์บอกกับโยเซฟในความฝันว่า
“จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์”
ในสถานการณ์ชีวิตที่ตอบสนองการทรงเรียกของพระเจ้าที่ต้องตกทุกข์ได้ยากและเผชิญหน้ากับอันตราย พระเจ้ามิได้นั่งดูจากสวรรค์ แต่พระองค์ลงมาคลุกในท่ามกลางสถานการณ์นั้น และดำเนินกระทำตามแผนการของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังทรงสำแดงชี้แนะว่าเราควรจะกระทำเช่นไรในสถานการณ์ดังกล่าว
บ่อยครั้ง เมื่อเรายอมตนถวายตัวดำเนินชีวิตตามการทรงเรียกของพระองค์ และตกที่นั่งลำบาก ถูกถล่มจนต้องทุกข์ยาก ถูกทำร้ายด้วยแผนการที่ชั่วร้าย เมื่อได้รับการทรงสำแดงชี้แนะ บางครั้งเราไม่ยอมรับวิธีการที่ทรงชี้แนะ
เพราะเรามองว่าวิธีนั้นไม่น่าจะเป็นวิธีการที่พระเจ้าต้องการให้เราทำ!
เพราะวิธีการที่พระเจ้าทรงสำแดงชี้แนะนั้นไม่ได้เป็นตามกรอบคิด
กรอบความต้องการของเรา
ถ้าเราเป็นโยเซฟในสถานการณ์ปัจจุบัน เราจะมองว่า
เป็นไปได้อย่างไรที่พระเจ้าทรงสำแดงชี้แนะให้เรา “ต้องหนี” เพราะตามความคิดของเราแล้วพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์เดชสูงสุดทำไมจะต้องหนีกษัตริย์เฮโรดที่เลวร้าย
เป็นไปได้อย่างไรเพราะเราไม่ได้ทำผิดอะไรเลยแล้วทำไมเราต้องหนี? วิธีนี้เป็นหนทางของผู้พ่ายแพ้ต่างหาก แผนการของพระเจ้าต้องไม่ใช้วิธีการของ
“ผู้แพ้”
เป็นอันว่า
เราเอากรอบคิด กรอบความต้องการของเรา เข้าไปแทนที่แผนการของพระเจ้า
เอาความต้องการของเราเข้าไปแทนที่พระประสงค์ของพระเจ้า “เราต้องชนะ
พระเจ้าต้องใช้เราด้วยวิธีการที่ชนะ”
“เราแพ้ไม่ได้ พระเจ้าต้องไม่แพ้”?
ในที่สุดเราตัดสินใจที่เผชิญหน้าและสู้กับสถานการณ์ที่เลวร้ายดังกล่าวตามวิธีการของเราเอง
เราตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตตามการทรงเรียกของพระเจ้า แต่ต้องด้วยวิธีการของเราเอง?
เราหนีไม่ได้ เราต้องการพิสูจน์ว่าเราเป็นผู้ถูกต้อง เราเป็นผู้บริสุทธิ์ เราเสียหน้าไม่ได้ เราแพ้ไม่ได้
เราต้องชนะ เราต้องบริสุทธิ์ในสายตาของคนรอบข้าง?
บางครั้งเราที่ตกในสถานการณ์อย่างโยเซฟเราลืมไปว่า
ในสถานการณ์นี้เรากำลังกระทำตามการทรงเรียกของพระเจ้า เราเป็นเพียงผู้ร่วมในพระราชกิจของพระเจ้า เราต้องทำตามแผนการของพระองค์
แต่เรากลับลืมตัวทำตนเป็นเหมือนเจ้าของพระราชกิจ วางแผนว่าจะสู้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้ เราลืมไปว่า
“พระเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ที่ต่อสู้กับกษัตริย์เฮโรด” มิใช่โยเซฟ หรือ ตัวเราเอง เราเป็นเพียงผู้ร่วมในพระราชกิจของพระองค์ที่กระทำตามที่พระองค์ทรงใช้เท่านั้น!
ในช่วงเวลาคริสตสมภพนี้
เป็นเวลาที่เราแต่ละคนต้องกลับมามองเข้าไปในชีวิตจิตใจของเรา ในยุคที่ชีวิตพบแต่ความทุกข์ยากลำบาก สิ่งที่พึงแสวงหาคือ พระประสงค์ของพระเจ้าและวิธีการที่พระองค์ทรงชี้นำในการจัดการชีวิตของเราให้ดำเนินการตามแผนการของพระองค์
หนึ่งปีที่ผ่านมา ชีวิตของเราต้องเหน็ดเหนื่อย ลำบาก พ่ายแพ้
ท้อแท้ใจ ให้สงบชีวิตของเรา
นิ่งต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าอย่างโยเซฟและนักปราชญ์
เพื่อที่จะได้ยินได้เห็นถึงการทรงสำแดงชี้แนะของพระเจ้าสำหรับการดำเนินชีวิตของเรา
ถ้าเรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาตลอดปี พระเจ้าทรงรักและเมตตาเราที่ยอมทำตามการทรงเรียกของพระองค์ในภาระการงานและชีวิตครอบครัว
พระเจ้ากำลังชี้แนะและแจ้งถึงพระประสงค์ของพระองค์สำหรับเราในวันนี้และปีใหม่ข้างหน้า ขอให้เราให้ได้ยินและเห็นเฉกเช่นนักปราชญ์และโยเซฟได้รับการทรงสำแดงชี้แนะจากพระเจ้า
แล้วกระทำอย่างโยเซฟ
“ใน...กลางคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้น พาพระกุมารกับมารดาหนีไปยังประเทศอียิปต์”
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น