“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ในยามเช้าพระองค์ทรงได้ยินเสียงข้าพระองค์
ในยามเช้าข้าพระองค์นำคำร้องทูลมาต่อหน้าพระองค์
และจดจ่อรอคอยคำตอบจากพระองค์”
(สดุดี 5:3 อมธ.)
เมื่อเราทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เราจะรอคอยด้วยความคาดหวัง
เราอธิษฐานต่อพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อในพระสัญญาของพระองค์ พระเจ้าเป็นเหมือนพ่อที่ดีผู้สัญญาว่าจะประทานในสิ่งที่เราจำเป็นสำหรับเราเสมอ เมื่อเรารอคอยด้วยความคาดหวัง
เราได้แสดงออกถึงความเชื่อศรัทธาของเราด้วยความเชื่อว่า พระเจ้าจะทำในสิ่งที่พระองค์ได้สัญญาไว้
ความคาดหวัง
เราไม่ได้หวังในสิ่งที่เราพึงมีสิทธิที่จะได้รับ
สิทธิที่พึงจะได้รับบอกว่า
“ฉันควรจะได้รับในสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องการจากพระเจ้า ฉันสมควรจะได้รับเพราะฉันได้อ่านพระคัมภีร์ 5 ครั้งในสัปดาห์นี้ และได้ไปร่วมกิจกรรมที่คริสตจักร 2 ครั้ง
ดังนั้นพระเจ้าจะต้องให้สิ่งที่ฉันต้องการจำเป็น” (??) แต่ความคาดหวังเป็นการกล่าวว่า
“พระเจ้าจะให้สิ่งที่ฉันจำเป็นเพราะพระองค์ประสงค์ที่จะให้สิ่งที่ดีสำหรับฉัน ตามแผนการชีวิตของพระองค์สำหรับชีวิตฉัน”
การรอคอยสิ่งที่เราคาดหวังไม่ใช่เรื่องง่าย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่มีกำลังอำนาจ
เมื่อเราไว้วางใจในพระเจ้ากระทำสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ในชีวิตสมรส
หรือในอาชีพการงาน
หรือในความสัมพันธ์
และเวลาของพระเจ้าดูเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า เป็นการยากที่เราจะยังไว้วางใจในพระองค์
อย่าท้อแท้ ไม่ยอมแพ้
ถึงแม้ว่า
เราไม่รู้ว่าทำไมพระเจ้าถึงยังไม่ตอบคำอธิษฐานของเรา
เรายังสามารถที่จะไว้วางใจว่าพระองค์จะรักษาพระสัญญาของพระองค์
เรายังมั่นใจว่าทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของพระเจ้า
ไม่มีผู้ใดที่จะมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพระองค์ ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ของเราเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยสำหรับพระองค์
ขณะที่เรากำลังรอคอยคำตอบจากพระเจ้า
พระองค์กำลังกระทำพระราชกิจของพระองค์
พระองค์กำลังเสริมสร้างความเชื่อศรัทธาของเราให้เข้มแข็งมั่นคงขึ้น ทรงสอนสัจจะความจริงที่เรายังไม่รู้ไม่เข้าใจแก่เรา ทรงกระทำให้เราใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น
และเสริมสร้างให้เรามีชีวิตที่เป็นเหมือนพระคริสต์มากยิ่งขึ้น
พระเจ้าทรงล่วงรู้ถึงความจำเป็นต้องการในชีวิตของท่านยิ่งกว่าที่ท่านรู้จักตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น