คนทั้งสามก็ตีฝ่าแนวรบของฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อนั้น(ใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮม)มาให้
แต่ดาวิดไม่ยอมดื่ม กลับรินลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า...
(2ซามูเอล 23:16 อมต.)
การขึ้นเถลิงราชบัลลังก์ของดาวิดมิได้เป็นไปด้วยความสะดวกราบเรียบ
ภายหลังที่เขาได้รับการเจิมจากผู้เผยพระวจนะซามูลเอล
ดาวิดก็ไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจของทางราชบัลลังก์จนเขาต้องหนีเร่ร่อนระหกระเหินเพื่อเอาชีวิตรอด เขาต้องหนีไปซ่อนตัวในถ้ำ
ในถิ่นทุรกันดารนอกกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกลุ่มที่ติดตามเขาไปด้วยความจงรักภักดี ซึ่งพระคัมภีร์เรียกกลุ่มคนนี้ว่า
“ยอดนักรบของดาวิด” (อมต.)
ในพระธรรม 2 ซามูเอล
ได้เล่าเรื่องหนึ่งว่า
เมื่อดาวิดกระหายน้ำและเปรยขึ้นว่า
“ถ้ามีใครไปนำน้ำจากบ่อใกล้ประตูเมืองเบธเลเฮมมาให้ดื่มก็จะดี!” (23:15 อมต.)
ซึ่งในเวลานั้น
เยรูซาเล็มถูกกองกำลังของฟีลิสเตียศัตรูตัวร้ายกาจล้อมอย่างเข้มแข็งแน่นหนา
เมื่อได้ยินคำเปรยของดาวิด “ยอดนักรบ”สามคนของดาวิดได้ตีฝ่าแนวรบของฟีลิสเตียไปตักน้ำจากบ่อใกล้เยรูซาเล็มมาให้ดาวิด พวกเขาสามารถหนีรอดและปลอดภัยจากการติดตามไล่ล่าของกองกำลังฟีลิสเตีย กลับมาถึงที่ซ่อน และนำน้ำนั้นมาให้แก่ดาวิด
แต่นักรบผู้แกร่งกล้าทั้งสามต้องประหลาดใจ เมื่อดาวิดไม่ยอมดื่มน้ำที่ทั้งสามยอมเสี่ยงตายนำมา แต่ดาวิดกลับรินลงต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดาวิดมิได้ปฏิเสธที่จะรับน้ำนั้นจากยอดนักรบที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปนำมา แต่ดาวิดกลับยกย่องวีรกรรมที่ยอมเสียสละสุดๆ ของทั้งสาม
ซึ่งเป็นการเสียสละที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
เกินกว่าที่ดาวิดจะยอมดื่มน้ำนั้นอย่างเห็นแก่ตัว ดาวิดทูลต่อพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ไม่อาจดื่ม(น้ำนี้)ได้! นี่คือเลือดของคนที่เสี่ยงชีวิตเอามาไม่ใช่หรือ?” (ข้อ 17 อมต.)
ภาพของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนนี้ ทำให้เราคริสตชนต้องกลับมาทบทวนถึงการดำเนินชีวิตของเราที่เรียกตนเองว่าเป็นคริสตชน
หรือ คนที่ติดตามพระเยซูคริสต์
เปาโลกล่าวใน 2โครินธ์ 5:15
ว่า
เพราะว่าพระคริสต์ได้ยอมสิ้นชีวิตเพื่อเราทุกคน...
“เพื่อบรรดาคนที่มีชีวิตอยู่จะไม่อยู่เพื่อตนเองอีกต่อไป แต่อยู่เพื่อพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาเพราะเห็นแก่เราทั้งหลาย”
(มตฐ.)
พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนนี้ได้สะท้อนความจริงแก่เราว่า เราไม่ควรดำเนินชีวิตประจำวันของเราอย่างเห็นแก่ตนเอง
ดาวิดได้รินน้ำนั้นลงบนพื้นดินต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อมอบถวายน้ำนั้นแด่พระองค์ เช่นเดียวกัน
การที่เราได้รับของพระราชทานอันหาค่ามิได้ที่พระเจ้าประทานแก่เรา คือชีวิตของพระเยซูคริสต์ เรามิใช่รับของประทานนั้นเพื่อตัวเราเองอย่างเห็นแก่ตัว แต่ให้เรา “รินชีวิต”
นั้นเพื่อเป็นการถวายด้วยการรับใช้พระองค์ท่ามกลางชีวิตของผู้คนที่อยู่ล้อมรอบข้างเรา ตามพระประสงค์ของพระองค์
ดาวิดไม่ยอมดื่มน้ำจากบ่อใกล้เยรูซาเล็มอย่างเห็นแก่ตัว
ต่างจากคริสตชนในปัจจุบันจำนวนมาก ที่ยอมรับเอาพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ที่ไถ่ถอนให้ตนเองได้ชีวิตรอดพ้นจากอำนาจแห่งความบาปผิด แล้วตั้งหน้าตั้งตารอที่จะไปอยู่ที่สวรรค์เท่านั้น เป็นคริสตชนที่รับความรอดอย่างเห็นแก่ตัวหรือไม่? แล้วไปชวนคืนอื่นๆ ให้มาเป็นคริสตชนที่เห็นแก่ตัวอีกหลายๆ
คน?
ดังนั้น
พระกิตติคุณของคนกลุ่มนี้จึงเป็นพระกิตติคุณเพื่อประโยชน์ของตัวเอง!
เมื่อมาเป็นสมาชิกในคริสตจักร
ก็มาคริสตจักรเพื่อแสวงหาความสงบใจของตนเอง หาความสุขความพอใจของตนเอง ประกอบศาสนพิธีเพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง ประกาศให้คนรับเชื่อเพราะเชื่อว่าเมื่อตายไปแล้วตนเองจะได้มีตัวเลขไปรายงานองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าตัวเองได้ทำให้คนอื่นกลับใจกี่คน?
ทำเพื่อตนเองทั้งนั้น!?
คริสตชนปัจจุบันหลายคนที่ทำตัวเป็นเหมือนผู้โดยสารรอรถที่ป้ายรถเมล์พร้อมตั๋วรถ เพื่อที่จะขึ้นรถเมล์คันที่จะนำเขาไปสวรรค์
แต่คริสตชนกลุ่มนี้ไม่สนใจใยดีว่า
ชุมชนสังคมรอบข้างจะมีชีวิตเช่นไร
ปฐมเทศนาของพระเยซูคริสต์ดูจะไม่มีอิทธิพลในความคิดและการดำเนินชีวิตของคนกลุ่มนี้เลย แต่น่าแปลกมาก เขาทำตัวเหมือนคนที่ไม่ต้องการอยู่ในโลกนี้ แต่เขากลัวที่จะต้องจากโลกนี้! ซึ่งตรงกันข้ามกับคำสั่งของพระคริสต์ที่ส่งเขาเข้าไปในสังคมโลกนี้
และทรงกระตุ้นเตือนให้ตระหนักเสมอว่าเขาไม่ใช่คนของโลกนี้
ปัจจุบันเราจะหาคริสตชนที่มีจิตวิญญาณเหมือน
“ยอดนักรบของดาวิด” ได้ที่ไหน?
ที่เป็นคนรับใช้ของพระคริสต์
ที่พร้อมจะตอบสนองต่อความประสงค์ของพระองค์ทันที ในแต่ละเรื่อง แม้ต้องเสี่ยงชีวิตปานใดก็ตาม
พระเยซูคริสต์ยอมให้ชีวิตแก่ทุกคน แต่ในปัจจุบันนี้คริสตชนไทยสักกี่คนที่พร้อมยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อพระประสงค์ของพระคริสต์?
เพื่อแผ่นดินของพระเจ้าที่พระคริสต์ทรงนำมาสถาปนาในแผ่นดินโลก?
พระเยซูคริสต์สอนสาวกอธิษฐานว่า ...ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ในสวรรค์เป็นอย่างไร ให้เป็นอย่างนั้นมาในแผ่นดินโลก... แปลกนะ...
พระเยซูคริสต์ตั้งอกตั้งใจมาในโลกนี้
เพื่อนำแผ่นดินและการปกครองของพระเจ้ามาสถาปนาในโลกนี้ แต่คริสตชนส่วนหนึ่งพยายามจะทำตนเองให้ได้ไปสวรรค์?
ไม่สนใจใยดีการดำเนินชีวิตในวันนี้ว่าสร้างผลกระทบเช่นไรต่อชุมชนสังคมโลก!
แล้วคริสตชนคนนั้นจะเดินสวนทางกับพระเยซูคริสต์หรือเปล่าเนี่ย!?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น