เช้านี้เรากล่าวหาว่าคนอื่นเป็นหินสะดุด
ทำสิ่งเลวร้าย
แต่เราไม่ได้เห็นถึงสิ่งดีที่เขาตั้งใจกระทำเมื่อวานนี้
เราหัวเราะเยาะหญิงคนนั้นที่เดินกะโผลกกะเผลก
แต่เราไม่ได้เห็นตะปูตัวเล็กๆ ที่โผล่แทงเข้าไปในรองเท้าของเธอ
เราล้อเลียนความกลัวที่แสดงออกมาจากสีหน้าดวงตาของเธอ
แต่เราไม่รู้เลยว่าเมือวานนี้เธอต้องหลบลูกหลงจากการต่อสู้กันของสองพวกอย่างไร
เธออาจจะกลัวว่า วันนี้อาจจะหลบไม่ทันเหมือนเมื่อวาน
ผู้คนเห็นว่า เธอบริหารจัดการชักช้าน่ารำคาญ
แต่ใครจะรู้ไหมว่า
ครั้งที่แล้วเธอล้มคะมำไม่เป็นท่าเพราะความรีบเร่งใจร้อน
เราไม่รู้เลย...
นอกจากคนที่ติดตามย่างก้าวชีวิตเมื่อวานนี้ของเธอเท่านั้น
ที่ควรเป็นคนที่ “ตัดสิน” เธอ
มิเพียงแต่เราทำตัวโฉดเขลาอวดดีมองข้าม “เมื่อวานนี้”
ของเธอ
เรายังไม่รู้ถึง “วันพรุ่งนี้” ของเธออีกด้วย
แล้วเรากล้าหาญอวดดีเช่นไรไปตัดสิน
“หนังสือที่เขียนยังไม่เสร็จ” ว่า “ห่วย”?
เราควรจะตัดสินชี้ขาดทั้งๆ ที่จิตกรยังจับพู่กันละเลงไปบนผืนผ้าภาพที่วาดหรือ?
เราจะไปตัดสิน “คนอื่น” “ชาติอื่น” ได้อย่างไร
เมื่อพระเจ้ายังทรงกระทำพระราชกิจในชีวิตของพวกเขา?
เปาโลมองคริสตชนในเมืองฟีลิปปีว่า
“ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่า
พระองผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน
จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์...”
(ฟีลิปปี 1:6 มตฐ.)
พระเยซูคริสต์กล่าวเตือนเราแต่ละคนว่า
3 ทำไมท่านมองเห็นผงในตาพี่น้องของท่าน
แต่กลับมองไม่เห็นไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน?
4 ท่านจะกล่าวกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้ฉันเขี่ยผงออกจากตาของเธอ?’
ทั้งๆ
ที่มีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตาของท่านเอง
5 คนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน
แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด
จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้
(มัทธิว 7:3-5 มตฐ.)
เราท่านคงจำได้นะครับว่า คำตรัสนี้พระองค์กำลังตรัสกับใคร!
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น