06 พฤษภาคม 2557

คำพูดมีพลังมากกว่าที่คิด?

29อย่า​ให้​คำ​เลว​ร้าย​ออก​จาก​ปาก​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย
แต่​จง​กล่าว​คำ​ดีๆ ที่​เสริม​สร้าง​และ​ที่​เหมาะ​กับ​ความ​ต้อง​การ
 เพื่อ​จะ​ได้​เป็น​คุณ​แก่​คน​ที่​ได้​ยิน

30และ​อย่า​ทำ​ให้​พระวิญญาณบริสุทธิ์​ของ​พระ​เจ้า​เสีย​พระ​ทัย
ด้วย​พระวิญญาณ​นั้น​ท่าน​ได้​รับ​การ​ประ​ทับ​ตรา​ไว้​สำ​หรับ​วัน​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​ไถ่
                                                                                    (เอเฟซัส 4:29-30 มตฐ.)

บทใคร่ครวญฉบับที่ผ่านมาท้าทายคริสตชนต่อการใช้คำพูดของตนว่า   จะใช้คำพูดเพื่อให้เกิดพลังของการบ่อนทำลาย  ว่าร้ายคนอื่น   หรือการใช้พลังคำพูดเพื่อการเสริมสร้างกัน และ กันให้เป็นช่องทางแห่งพระคุณแก่ผู้ได้ยินได้ฟัง   แน่นอนครับ  เราคริสตชนย่อมเลือกพลังแห่งการพูดที่เป็นช่องทางนำมาซึ่ง “พระคุณ” แก่ผู้คนรอบข้าง   อีกทั้งแก่ชุมชนคริสตจักรด้วย

คำถามมีอยู่ว่า  คริสตชนทุกคนย่อมต้องการพูดเพื่อให้เกิดการเสริมสร้างที่สร้างสรรค์ และเป็นคุณประโยชน์แก่คนอื่น   แต่เราจะเอาชนะตัวตนของเราที่ต้องการพูดดีใส่ตัว  โยนชั่วใส่คนอื่นได้อย่างไร?

จากเอเฟซัส 4:29 ได้ให้คริสตชนระมัดระวังที่จะต้องมีคริสต์จริยธรรมในการพูด   แต่เมื่ออ่านไปในข้อที่ 30  เราต้องประหลาดใจว่า   การที่เราจะพูดดีหรือพูดร้ายนั้นมีบางอย่างที่มีอำนาจที่ครอบงำกำกับเหนือเค้าโครงความคิด  ความเห็น  และทัศนคติที่ทำให้เราพูดออกมา   เรารู้ว่าเราควรพูดด้วยพลังแบบไหน   แต่เรากลับพูดที่ทำให้เกิดพลังสร้างสิ่งที่แตกต่างจากความตั้งใจของตน   ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

อีกประการหนึ่งที่น่าพิจารณาคือ ในข้อที่ 30 ได้บอกแก่เราว่า   การพูดด้วยคำพูดที่ “เลวร้าย”   นอกจากจะทำร้ายทำลายคนอื่น และเป็นการบ่อนทำลายรากฐานความสัมพันธ์ในชุมชนคริสตจักรแล้ว    ยังทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย   คำเชื่อมระหว่างข้อ 29 กับ 30 ว่าต่อเนื่องเกี่ยวข้องกันคือคำว่า “และ” หน้าข้อที่ 30  ดังนั้น การพูดคำเลวร้ายนั้นสร้างความเสียหายและอันตรายแก่คนและคริสตจักรแล้ว   ยังทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัยอีกด้วย

ข้อ 30 นี้ชี้ชัดว่า   คำพูดที่เลวร้ายของเรานั้นสามารถทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสียพระทัย   ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผลกระทบจากพลังการพูดเลวร้ายของเรานั้นมีกำลังรุนแรงมากเกินกว่าที่เราคาดคิดหรือจินตนาการ   ในฐานะคริสตชนผมเชื่อว่า   จิตใจที่แท้จริงของเราคงไม่ต้องการสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่เพื่อนบ้านของเรา   แต่เมื่อเราโกรธเราก็ไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของเรา   ทำให้เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เราพูดออกมาได้   ดังนั้น จึงสร้างความเจ็บปวดแก่คน และ ความแตกหักแก่ชุมชนคริสตจักร   และด้วยน้ำใสใจจริงของเรา  เราก็ไม่ต้องการจะทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสียพระทัยเลย   แต่แล้วเมื่อไม่มีพลังควบคุมกำกับตนเอง   เราก็ทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย (ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการทำเช่นนั้น)

คำว่า “เสียพระทัย” รากศัพท์คำนี้กินความถึง  ความทุกข์ใจ  กลุ้มใจ  เป็นห่วง  ช้ำใจ   แต่มีบางคนรับไม่ได้ว่า   เรามีอำนาจมากถึงทำให้พระเจ้าทุกข์ใจ  เสียใจ  กลุ้มใจ หรือ ช้ำใจ   ส่วนตัวของผมกลับเห็นว่า   มนุษย์เราได้รับการทรงสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า   จึงไม่แปลกที่พระเจ้าจะเสียพระทัย  หรือ ช้ำพระทัย   เพราะในพระคัมภีร์ตอนอื่นๆ ก็ได้กล่าวถึงว่า  พระเจ้าทรงเปรมปรีดิ์  ปรีดี ชื่นชอบ ด้วยเช่นกัน (ตัวอย่างเช่น  เศฟันยาห์ 3:17;  สดุดี 147:11)

ดังนั้น  ในเอเฟซัส 4:30 กำลังบอกเราว่า   คำพูดของเราเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจได้   คำพูดและพฤติกรรมของเราสร้างความเจ็บปวดแก่พระเจ้าได้    ขอเน้นย้ำที่นี่ว่า   มิเพียงแต่ที่เราสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจแก่เพื่อนมนุษย์แล้ว   เรายังเป็นต้นเหตุที่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย  และเจ็บช้ำพระทัยด้วย    คำพูดที่เลวร้ายของเรายังเป็นเหตุให้เกิดการขัดแย้ง ทำลาย และแตกหักความสัมพันธ์ในชุมชนคริสตจักร   จนบางครั้งแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า  เป็นพรรคเป็นพวก   เมื่อเป็นเช่นนี้พระเยซูคริสต์จะรู้สึกเช่นไรเมื่อพระวรกายของพระองค์ถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ

วันนี้ผมขออนุญาตชวนเราใคร่ครวญว่า

  • ท่านเคยคิดหรือไม่ว่า คำพูดของท่านมีพลังถึงกับทำให้พระเจ้าเสียพระทัยได้?
  • ท่านคิดและรู้สึกอย่างไรบ้างกับคำสอนในประเด็นนี้?
  • ท่านเคยมีประสบการณ์ที่คำพูดของท่านทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสียพระทัยหรือไม่?   เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร?  และทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสียพระทัยอย่างไร?
  • ท่านคิดว่าคำพูดของท่านมีพลังสามารถที่จะทำให้พระวิญญาณของพระเจ้าปีติเปรมปรีดิ์ได้หรือไม่?  อย่างไร?

แท้จริงแล้วคำพูดของเรามีพลังและสร้างผลกระทบมากกว่าที่เราคิด?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น