เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
และจงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา
และประทานพระองค์เองเพื่อเรา
ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า
(เอเฟซัส 5:1-2 มตฐ.)
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เคยไปทัศนศึกษาที่กรุงเยรูซาเล็ม เมื่อกลับมาเล่าประสบการณ์ให้ผมฟังว่า
เขามีโอกาสไปเดินบนเส้นทางที่พระเยซูคริสต์แบกกางเขนไปที่ภูเขากะโหลกศีรษะ เขาเรียกเส้นทางนี้ว่าเป็นเส้นทางแห่งกางเขน
และเมื่อเดินไปบนเส้นทางนี้มีจุดสำคัญที่เขาจะให้หยุดเพื่อใคร่ครวญและสะท้อนคิดถึงความรู้สึกของพระคริสต์ในแต่ละจุดจำนวน
12 จุด
เพื่อที่จะซึมซับความรู้สึกของพระองค์เข้ามาในความรู้สึกของเรา
แต่ในฐานะที่เราเป็นคริสตชนที่หลายคนยังไม่มีโอกาสที่จะไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม จดหมายเอเฟซัสบอกกับเราว่า
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
เราควรที่จะดำเนินชีวิตที่จาริกไปบนเส้นทางแห่งกางเขน โดยกล่าวไว้ว่า “...จงเลียนแบบของพระเจ้า...
จงดำเนินชีวิตในความรักเช่นเดียวกับที่พระคริสต์ทรงรักเรา และประทานพระองค์เองเพื่อเรา
เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่ทรงโปรดปรานแด่พระเจ้า” ขอให้สังเกตคำว่า
“จงดำเนินชีวิตในความรัก”
เปาโลมิได้หมายถึงการเดินบนเส้นทางที่พระคริสต์แบกกางเขนในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น
แต่ท่านหมายถึงการที่เราจะดำเนินชีวิตประจำวันเฉกเช่นที่พระคริสต์ทรงแบกกางเขนไปบนเส้นทางนั้นไปทุกวัน
มีความหมายอย่างไรเมื่อพูดว่า
“ดำเนินชีวิตในความรัก” ?
เปาโลได้อธิบายความหมายนี้ด้วยการชี้ชัดไปที่การยอมสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ โดยกล่าวว่า “ประทานพระองค์เองเพื่อเรา” (ข้อ 5:2)
ถึงแม้ตลอดชีวิตของพระเยซูคริสต์ได้สำแดงความรักของพระองค์อย่างเป็นรูปธรรมในหลากหลายรูปแบบต่อประชาชน
(ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงอาหาร
การเยียวยารักษาความเจ็บป่วย
การอยู่เคียงข้างประชาชนคนเล็กน้อย
การสั่งสอน และ ฯลฯ)
และความรักที่สูงสุดที่สำแดงผ่านชีวิตของพระเยซูคริสต์คือ
การที่พระองค์ให้ชีวิตของพระองค์แก่มวลมนุษยชาติและแก่เราบนกางเขน กล่าวได้ว่า
หัวใจแห่งความรักของพระคริสต์คือการที่พระองค์ยอมให้ชีวิตของพระองค์แก่คนอื่น และเปาโลบอกให้เรา “เลียนแบบ”
ความรักของพระคริสต์ดังกล่าวในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา ให้เราดำเนินชีวิตแต่ละวันไปบนวิถีแห่งกางเขนแบบพระคริสต์ ที่ให้ชีวิตของตนเพื่อคนอื่น
หลายคนคงถามในใจว่า คุณหมายความว่าอย่างไรกัน? ให้เราพิจารณาในเอเฟซัส 5:2 ได้พูดเรื่องอื่นอะไรอีกไหมก่อน
เปาโลบอกว่า พระคริสต์ให้ชีวิตของพระองค์ “แก่เรา” พระคริสต์ทรงสำแดงความรัก “แก่เรา” เป็นการสำแดงความรักที่สูงสุด แต่พระธรรมข้อนี้กล่าวต่อไปว่า
“ให้เป็นเครื่องถวายและเครื่องบูชาที่โปรดปรานแด่พระเจ้า” นั่นหมายความว่า เปาโลต้องการให้คริสตชนแต่ละคนดำเนินชีวิตแต่ละวันที่สำแดงความรักโดยยอมให้ชีวิตตนเองแก่คนอื่นรอบข้าง
พระคริสต์มิได้เพียงให้ชีวิตของพระองค์เพื่อปลดปล่อยให้เราหลุดรอดออกจากความบาปเท่านั้น
แต่ในเวลาเดียวกันพระองค์ทรงดำเนินชีวิตให้เป็นที่โปรดปรานของพระบิดาด้วย
ด้วยการรักคนรอบข้างด้วยความรักที่เสียสละของพระคริสต์ พระองค์ยังให้ตนเองเป็นเครื่องถวายบูชาแด่พระเจ้าด้วย
เราก็เช่นกัน
เมื่อเรารักเพื่อนบ้านคนรอบข้างเรารักอย่างที่พระคริสต์ทรงรักเรา เมื่อเราจาริกไปบนเส้นทางแห่งกางเขน เรามิได้เดินไปด้วยความรักที่เสียสละที่เรามีต่อคนรอบข้างเท่านั้น แต่นั่นเป็นการยกย่อง นมัสการ การสรรเสริญพระเจ้าด้วย
ขอให้เราใคร่ครวญดีๆ ว่า
การที่เรารักเพื่อนบ้านด้วยความรักที่เสียสละแบบพระคริสต์ เรากำลังทำภาระหน้าที่พร้อมกันสองประการด้วยกัน
การที่เราเอาใจใส่ด้วยรักและห่วงใยคนรอบข้าง และเรากำลังนมัสการพระเจ้าด้วย เป็นการที่เราสนองตอบต่อชีวิตของเพื่อนบ้าน และ
เป็นการยกย่องพระเจ้าด้วย
เมื่อท่านใคร่ครวญถึงชีวิตของท่านเอง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ชีวิตของท่านได้จาริกไปบนเส้นทางแห่งกางเขนของพระคริสต์หรือไม่?
ในลักษณะใดบ้าง?
ท่านเคยรักเพื่อนบ้านหรือคนอื่นอย่างที่พระคริสต์ทรงรักท่านและประทานพระองค์เองแก่ท่านบ้างหรือไม่? อย่างไร?
ที่ผ่านมาท่านเคยได้รับความรักที่เสียสละจากคนอื่นบ้างหรือไม่ อย่างไร?
ตลอดวันนี้
เมื่อเราดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
ให้เราตระหนักรู้ว่า เรากำลังจาริกไปบนเส้นทางแห่งกางเขนของพระคริสต์ เราจาริกไปบนเส้นทางที่เราให้ชีวิตที่เรามีอยู่แก่ผู้คนที่เราสัมพันธ์และสัมผัส ด้วยความรักที่เสียสละแบบพระคริสต์ และสำนึกด้วยว่า
ในเวลาเดียวกันนั้นเรากำลังนมัสการ เทิดทูนและยกย่องสรรเสริญพระเจ้าด้วย
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น