12 พฤษภาคม 2557

ชุมชนแห่งการให้อภัย

31จง​เอา​ความ​ขม​ขื่น ความ​ฉุน​เฉียว ความ​โกรธ การ​ทุ่ม​เถียง การ​พูด​จา​ดูหมิ่น
รวม​ทั้ง​การ​ร้าย​ทุก​อย่าง​ออก​ไป​จาก​พวก​ท่าน
32 แต่​จง​มี​ใจ​กรุ​ณา ใจ​สง​สาร และ​ใจ​ให้​อภัย​แก่​กัน​และ​กัน
เหมือน​อย่าง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​อภัย​พวก​ท่าน​ใน​พระ​คริสต์
(เอเฟซัส 4:31-32 มตฐ.)

ชุมชนทั้งในสังคมและคริสตจักร   ความแตกแยกแบ่งพวกแบ่งก๊กเกิดจากการที่เรามีจิตใจ “ขมขื่น” ต่อกัน   ใช้อารมณ์ฉุนเฉียวกับคนอื่น   โกรธและไม่พอใจในท่าที  คำพูด  และการกระทำของคนรอบข้าง   ในที่สุดนำมาถึงการทุ่มเถียงกัน   และการพูดจาหมิ่น  ดูถูก และการทำร้ายกันด้วยคำพูด และ การกระทำ

แล้วทำไมเราถึงต้องให้อภัยแก่คนที่ทำผิดต่อเราอย่างที่กล่าวข้างต้น?  

นี่คงเป็นคำถามในใจของหลายต่อหลายคน   ในข้อที่ 32 บอกกับเราว่า   ที่เราให้อภัยแก่คนที่กระทำผิดต่อเราได้นั้นเราจะต้องมีจิตใจที่กรุณา และ ใจสงสารเหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยเราแต่ละคนในพระคริสต์   แต่ในพระธรรมข้อนี้มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเรามากกว่านั้น

ในพระคัมภีร์ฉบับอมตธรรมได้แปล เอเฟซัส 4:32 ไว้ว่า “จงเมตตาและสงสาร เห็นใจกันและกัน  ให้อภัยต่อกันเหมือนที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในพระคริสต์”   ประการแรกพระคัมภีร์ข้อนี้กำลังกล่าวแก่เราแต่ละคน   ทรงเรียกร้องให้เราเป็นคนที่มีจิตใจเมตตา  มีใจที่กรุณา  เห็นใจกันและกัน  และมีหัวใจแห่งการให้อภัย   แต่ในเวลาเดียวกัน พระคัมภีร์ข้อนี้มิได้กล่าวแก่แต่ละคนเป็นการส่วนตัวเท่านั้น   แต่ประการต่อมา เป็นการกล่าวแก่ชุมชนแห่งพระกายของพระคริสต์   กล่าวแก่พี่น้องหญิงชายในครอบครัวของพระเจ้า   คำที่บ่งชี้ถึงการกล่าวแก่ชุมชนครอบครัวของพระเจ้าหรือคริสตจักรคือ “ให้อภัยกันและกัน” (มตฐ.)   พระธรรมเอเฟซัส 4:32 มิได้เรียกร้องให้คริสตชนแต่ละคนให้มีใจที่ให้อภัยเท่านั้น   แต่เรียกร้องให้ชุมชนคริสตจักรที่จะให้อภัยแก่กันและกันด้วย

ที่ใดก็ตามที่ประชากรของพระเจ้ารวมตัวเข้าด้วยกันเป็นชุมชนคริสตจักร   สามัคคีธรรมที่ชุมชนคริสตจักรนั้นมีต่อกันเกิดจากการที่ชุมชนนั้นเป็นชุมชนแห่งการให้อภัยกันและกัน   เพราะในชุมชนคริสตจักรมิใช่ชุมชนที่ไม่มีความผิดบาป หรือ มีความผิดบาปน้อย   ตรงกันข้าม ชุมชนคริสตจักรเป็นชุมชนที่มีความบาปผิดจึงจำเป็นที่จะต้องมีการให้อภัยกันและกัน   การให้อภัยจำเป็นจะต้องมีขึ้นก็เพราะชุมชนนั้นได้กระทำความผิดบาป   เพราะฉะนั้น ที่พระคัมภีร์ข้อนี้บอกให้ชุมชนคริสตจักรมีจิตใจที่อภัยแก่กันและกันแสดงชัดเจนว่าคริสตจักรเป็นชุมชนที่ยังมีการกระทำผิดบาปอยู่   ชุมชนคริสตจักรจึงมิได้เป็นชุมชนที่ดีน่ารักบริสุทธิ์ไม่มีความบาปมลทินแปดเปื้อนเหมือนที่บางครั้งเราหลงลืมหลอกตนเอง   และคริสตชนคงต้องตระหนักชัดว่า   พลังแห่งความบาปในคริสตจักรคือฆาตกรที่จะทำลายจิตใจที่ให้อภัยแก่กันและกันและพันธกิจแห่งการคืนดี

ชุมชนแห่งการให้อภัยจะไม่มุ่งเน้นสนใจที่จะปัดกวาดให้ชุมชนคริสตจักรเป็นชุมชนที่บริสุทธิ์ด้วยการตีตราตัดสินกล่าวโทษกันและกัน  หรือหาทางคว่ำบาตร อัปเปหิ หรือเบียดไล่  เฉดหัวคนที่ทำผิดให้ออกไปจากชุมชนคริสตจักร   แต่ในเวลาเดียวกันชุมชนแห่งการให้อภัยมิใช่ชุมชนที่ใช้ระบบคุณค่าที่ยกย่องคนที่ภูมิใจว่าตนไม่จำเป็นจะต้องรับการให้อภัยเพราะตนมิใช่คนทำผิดด้วย

แต่ชุมชนแห่งการให้อภัยเป็นชุมชนที่สมาชิกทุกคนในชุมชนนั้นตระหนักชัดว่า  เขาจะต้องระมัดระวังชีวิตที่จะกระทำบาปผิด   และตระหนักรู้ว่า แท้จริงตนก็หลงผิดมีชีวิตที่หลุดห่างจากพระคุณของพระเจ้า   และสำนึกเสมอว่าตนเป็นผู้ที่ได้รับการทรงอภัยจากพระเจ้า   และทรงให้มีจิตใจที่จะสืบสานส่งต่อการให้อภัยที่ตนได้รับนั้นไปยังผู้คนรอบข้างที่ได้พลาดพลั้งกระทำผิด   รวมถึงคนที่เขากระทำผิดต่อเราด้วย

ตลอดยุคสมัยที่ผ่านมา   เราได้เห็นถึงการยืนหยัดของชุมชนคริสตจักรในการเสริมสร้างชุมชนแห่งการให้อภัย   ผมได้เดินทางไปยังคริสตจักรต่างๆ  พบหลายคริสตจักรที่ไม่ได้กระทำอะไรมากมายใหญ่โต   แต่เป็นคริสตจักรแห่งการให้อภัย   และในเวลาเดียวกันก็ได้พบคริสตจักรที่ทำพันธกิจมากมายใหญ่โต   แต่ล้มเหลวในการให้อภัยกันและกันในคริสตจักร   เมื่ออ่านเอเฟซัส 4:32 ได้ให้นิมิตแก่เราว่า   ไม่ว่าชุมชนคริสตจักรของเราจะทำได้ดีแค่ไหน  หรือทำได้ไม่ดีปานใด   แต่ให้เราเป็นชุมชนที่ให้อภัย   ที่ใดที่มีการกระทำผิดพลาดล้มลงจะไม่ถูก “เหยียบย่ำ ขับไล่”   แต่เป็นชุมชนที่ยังให้อภัย  เยียวยา และ ยอมรับ

การที่เราจะดำเนินชีวิตคริสตชนด้วยจิตใจแห่งการให้อภัยมิใช่เพียงในชุมชนคริสตจักรของเราเท่านั้น   แต่ให้เรามีจิตใจแห่งการให้อภัยในชุมชนอื่นๆ ด้วย   ไม่ว่าในชุมชนครอบครัว  ชุมชนที่ทำงาน  ชุมชนกลุ่มเพื่อนฝูง  หรือแม้แต่ในชุมชนสังคมที่เราเข้าไปสัมพันธ์สัมผัสด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น