อ่าน สดุดี 64:1-9
ขอทรงซ่อนข้าพระองค์ให้พ้นจากการสมรู้ร่วมคิดของเหล่าคนชั่ว
ให้พ้นจากอุบายของคนชั่ว
พวกเขาลับลิ้นของตนอย่างลับดาบ และพ่นวาจาดั่งยิงธนูอาบยาพิษ
พวกเขายิงใส่ผู้บริสุทธิ์จากที่ซุ่ม พวกเขายิงทันทีอย่างไม่เกรงกลัว
(สดุดี 64:2-4 อมต.)
เราท่านต่างเคยรับบาดแผลหรือความเจ็บปวดจากคำพูดของคนบางคน
บ่อยครั้ง...ที่คนพูดเช่นนั้นโดยมิได้ไตร่ตรองว่าจะทำให้คนอื่นต้องได้รับความเจ็บปวด
แต่คำพูดเหล่านั้นกลับเป็นเหมือนเหล็กในที่ต่อยฝังพิษลงในชีวิตจิตใจของผู้อื่น
ไม่ว่า...เมื่อมีใครกล่าววิพากษ์ หรือ
พูดบางเรื่องที่ทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือ
ไม่รู้สึกอะไร เพราะเรารู้สึกชาชินกับการพูดของคนๆ
นั้น
สิ่งแรกที่เราจะมีปฏิกริยาต่อการวิพากษ์ของคนๆ นั้นคือ...
เราพึงถามตนเองก่อนว่า
คำกล่าวหรือการวิพากษ์นั้นมีความจริงหรือไม่
ถ้ามีความจริง...จำเป็นที่เราจะต้องสัตย์ซื่อต่อตนเอง
แล้วทูลขอพระเจ้าเมตตากรุณาช่วยเราในการแก้ไขสิ่งไม่ดีในตัวเราเอง หรือ
ถึงแม้ว่า...
การกล่าววิพากษ์นั้นเป็นการกล่าวอย่างประสงค์ร้าย
เราจะต้องไม่ยอมปล่อยให้คำวิพากษ์นั้นมีฤทธิ์ทิ่มแทงชีวิตจิตใจของเรา
แต่ให้เราทูลขอต่อพระเจ้า
เพื่อขอการทรงช่วยจากพระองค์
ให้เราได้รับความเมตตา
พระคุณ ของพระองค์
เพื่อเราจะตอบสนองคำพูดที่ประสงค์ร้ายนั้นด้วยจิตใจที่ยกโทษเยี่ยงพระคริสต์
ยิ่งกว่านั้น ให้เราจะสัตย์ซื่อกับตนเอง
ถ้าเราได้พูดหรือวิพากษ์ที่ทำให้คนอื่นได้รับความเจ็บช้ำน้ำใจ
ให้เรายอมรับความผิดของตนเอง
และแสวงหาการยกโทษ
ทั้งจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
และคนที่เราทำให้ชีวิตของเขาเกิดบาดแผล
และ
รู้สึกเจ็บปวดเพราะคำพูดของเรา
จากนั้น
ให้เราทูลขอการทรงช่วยจากพระเจ้า
อย่างคำทูลขอของผู้ประพันธ์สดุดีว่า..
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตั้งยามดูแลปากของข้าพระองค์
คอยเฝ้าประตูริมฝีปากของข้าพระองค์”
(สดุดี 141:3 อมต.)
ประสิทธิ์
แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น