18 พฤศจิกายน 2563

คลังแสงแห่งศรัทธา

ชีวิตสาวกพระคริสต์มิเพียงแต่เผชิญหน้ากับวิกฤติปัญหาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เบื้องหลังเหตุภัยอุบัติมีสาเหตุมาจากชีวิตของเราแต่ละคนต้องตกอยู่ใน “ภาวะสงครามทางจิตวิญญาณ” ที่เป็นสงครามของอำนาจชั่วที่มาแย่งชิงชีวิตจิตวิญญาณของเราจากพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงเตรียมและประทาน “คลังแสงแห่งศรัทธา” สำหรับสาวกแต่ละคน ที่เป็นพลังปกป้อง หนุนเสริมแต่ละคนจากการตกเป็นเหยื่อของอำนาจชั่วนั้น อีกทั้งยังเป็นพลังเสริมสร้างให้ชีวิตสาวกพระคริสต์เข้มแข็งเติบโตขึ้น

อยู่ที่ว่า เราแต่ละคนมีโอกาสเปิด “คลังแสงแห่งศรัทธา” ที่เราได้รับแล้วหรือยัง? และได้สำรวจดูว่ามีอะไรหรือไม่? มีโอกาสฝึกและใช้อาวุธยุทโธปกรณ์จากคลังแสงแห่งศรัทธานี้มากน้อยแค่ไหน?

เมื่อผมเป็นทุกข์กังวลใจ ที่จะต้องผจญกับการเสี่ยงภัย พบประสบกับภาวะอันตราย ผมต้องสู้กับความอ่อนแอในความเชื่อของตนด้วยพระวจนะที่เป็นพระสัญญาของพระเจ้า ที่ว่า

ดังนั้น
อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า
ย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า
เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า
เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา
(อิสยาห์ 41:10 อมธ.)

เพื่อนของผมท่านหนึ่ง ครั้งเมื่อเขาต้องไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ประเทศรัสเซีย เขาหวาดหวั่นทั้งภัยทางการเมืองต่างขั้วของประเทศตนกับประเทศที่ไปศึกษาต่อ ทั้งภาษาที่ตนไม่คุ้นชิน และพบกับคนที่อาจจะต้องคิดต่าง วิถีชีวิตที่แตกต่างกัน วัฒนธรรมที่ไม่เหมือนกัน เขากังวลอย่างมาก ในเวลานั้นคุณแม่ของเขาได้พูดคุยกับเขาทางโทรศัพท์ และบอกกับลูกว่า แม่ให้อาวุธในการสู้กับความวิตกกังวล ห่วงใย และความไม่มั่นใจ ขอลูกอ่านอิสยาห์ 41:10 ภายหลังที่ผ่านการศึกษาครั้งนั้นเขาบอกผมว่า พระธรรมอิสยาห์ 41:10 นี่คืออาวุธที่ทรงพลังสำหรับเขาในการต่อสู่กับความอ่อนแอทางความเชื่อของเขา

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่อาวุธที่เขามีชิ้นเดียวใน “คลังแสงแห่งความเชื่อ” ของคริสตชน และนี่มิใช่ยุทธปัจจัยอย่างเดียวที่เราใช้ในชีวิตของเขา

เมื่อเราตกในภาวะกังวลสิ้นหวังว่า งานพันธกิจที่เราทำมันไม่รู้สึกเกิดผลเป็นประโยชน์อะไร  รู้สึกว่าทำไปก็แค่นั้น พบแต่ “ความว่างเปล่า”  เราต้องสู้รบปรบมือกับความหมดแรงทางความเชื่อด้วย อิสยาห์ 55:11 พระเจ้าทรงยืนยันว่า “ถ้อยคำที่ออกจากปากของเรา... จะไม่กลับคืนมายังเราโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะสัมฤทธิ์ผลตามที่เราปรารถนา และสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้” (อมธ.)

เมื่อเราวิตกกังวลว่า เราอ่อนแอเกินกว่าที่จะต้องทำงานที่เรารับผิดชอบ เราต้องสู้กับความอ่อนด้อยทางความเชื่อในตัวเราด้วยพระสัญญาของพระคริสต์ที่ว่า “แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “พระคุณของเราเพียงพอสำหรับเจ้า เพื่อว่าฤทธิ์อำนาจของเราจะได้ปรากฏเต็มที่ในความอ่อนแอ”... (2โครินธ์ 12:9 มตฐ.)

เมื่อเราว้าวุ่นใจที่จะต้องตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเรา ให้เรารับมือสู้กับความอ่อนหัดทางความเชื่อของเราด้วย พระธรรมสดุดี 32:8 ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า “เราจะสอนและชี้แนะทางที่เจ้าควรเดินไปเราจะให้คำปรึกษาและเฝ้าดูเจ้า” (อมธ.)

เมื่อเราต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรปักษ์ขัดขวางของเรา เราสู้กับความเชื่อที่อ่อนแรงของเราด้วยคำถามที่ทรงพลังที่ว่า “...แล้วเราจะว่าอย่างไร? ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเราใครเล่าจะต่อสู้เราได้?(โรม 8:31 อมธ.)

เมื่อเราตกอยู่ในความวิตกกังวลในสวัสดิภาพของคนที่เรารัก ให้เราสู้กับการขาดความเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าของเราด้วยคำสอนและการเปรียบเทียบของพระเยซูที่ว่า “ถ้าแม้ท่านเองซึ่งเป็นคนชั่วยังรู้จักให้สิ่งดี ๆ แก่บุตรของท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่บรรดาผู้ที่ทูลขอต่อพระองค์ยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด!” (มัทธิว 7:11 มตฐ.)

ดังนั้น ในการที่เราต้องต่อสู้กับความอ่อนด้อย อ่อนแอ และการขาดความเชื่อในตัวเรา ให้เราต่อสู้ด้วย “พระวจนะ” อาวุธยุทโธปกรณ์ทางจิตวิญญาณรูปแบบต่าง ๆ ในคลังแสงที่พระเจ้าประทานแก่เรา ให้เราระลึกถึงพระสัญญา และ ตระหนักชัดถึงพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเราในภาวะที่คับขันว่า 

“ดังนั้น อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะทำให้เจ้าเข้มแข็งขึ้นและจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าไว้ด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”  (อิสยาห์ 41:10 อมธ.)

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น