12 ธันวาคม 2559

จะทำดีเพื่อพระคริสต์ หรือ จะเป็นคนที่พระคริสต์ใช้ได้?

ในแต่ละวัน   ชีวิตของเราจะถูกควบคุมด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็นชัด   บ้างอาจจะถูกควบคุมด้วยความอยากได้ใคร่มีในตนเอง   บ้างถูกควบคุมครอบงำด้วยความคาดหวังของผู้อื่นที่มีต่อตน   บ้างกลับถูกครอบงำจากความกลัว หรือ ความรู้สึกผิดที่ฝังในตัวของตน   บ้างถูกกระตุ้นควบคุมจากความขมขื่นที่ชอนไชรากลึกในชีวิตของตน   บ้างถูกควบคุมจากนิสัยของตน   ในแต่ละวันชีวิตของเราแต่ละคนมักถูกครอบงำควบคุมจากพลังอำนาจไม่ประการใดก็ประการหนึ่ง

เสรีภาพ หรือ ความเป็นไทก็คือการที่เราแต่ละคนเลือกหรือยอมที่จะให้พลังอำนาจใดอำนาจหนึ่งครอบงำควบคุมการดำเนินชีวิตของเราในวันนั้น   ถ้าเราแต่ละคนเลือกที่จะให้พระเยซูคริสต์ครอบคลุมในการดำเนินชีวิตของเรา    เราก็ยอมให้พระองค์นำและทำงานในชีวิตของเราในวันนั้น   และในวันนั้นเราก็สามารถที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้นของเราอย่างสร้างสรรค์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า   แต่ถ้าเราเลือกที่จะให้พลังอำนาจอื่นเข้ามาครอบงำควบคุมการดำเนินชีวิตของเรา   เราก็ต้องดำเนินชีวิตและรับผลที่เกิดขึ้นตามพลังอำนาจนั้นจะนำเราไป   หลายครั้งที่เรายากจะฝืนง้างได้เพราะเราตกใต้พลังอำนาจนั้น

เปาโลกล่าวถึงเรื่องนี้ในโรม 6:12-13 ว่า  12 เพราะ​ฉะนั้น​อย่า​ให้​บาป​ครอบ​งำ​กาย​ที่​ต้อง​ตาย​ของ​ท่าน ซึ่ง​ทำ​ให้​ต้อง​เชื่อ​ฟัง​ตัณหา​ของ​กาย​นั้น 13 อย่า​ยก​อวัยวะ​ของ​ท่าน​ให้​แก่​บาป ให้​เป็น​เครื่อง​ใช้​ใน​การ​อธรรม แต่​จง​ถวาย​ตัว​ของ​ท่าน​แด่​พระ​เจ้า เหมือน​คน​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ตาย​แล้ว และ​จง​ให้​อวัยวะ​เป็น​เครื่อง​ใช้​ใน​การ​ชอบ​ธรรม​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า (มตฐ. ดู  ลก. 1:74; รม. 12:1; กท. 2:20; ฮบ. 9:14; 1ปต. 4:2;)

แล้วเราจะเลือกให้พระคริสต์เข้ามาควบคุมชีวิตของเราอย่างไร?

ประการแรก   เราจะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราพยายามที่จะควบคุมการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา   บ่อยครั้งที่เราอ่อนแอ  แพ้ต่อการที่จะเอาชนะความอยากได้ใคร่มี หรือ ความปรารถนาต้องการในตัวของเราเอง   เรายอมรับว่าพลังอำนาจความตั้งใจดีของเรามักพ่ายแพ้ต่อพลังอำนาจที่ชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในชีวิตของเรา

ประการที่สอง   เราต้องยอมรับว่า   เราไม่สามารถปกป้องตนเองจากการแผ่อิทธิพลอำนาจในสังคม และ สภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันของเรา   แม้เราจะรู้ว่า จะเกิดผลร้ายผลเสียอย่างไรถ้าพลังอำนาจแวดล้อมเข้ามาครอบงำชีวิตของเรา   แต่เราก็ไม่สามารถหลบลี้หลีกห่าง หรือ หลุดรอดออกจากการครอบงำของมันได้

ประการที่สาม   เราต้องยอมรับว่า   แม้เราจะรู้ว่าชีวิตของเราดำเนินไปในเส้นทางที่ผิดพลาด   แต่เราก็ไม่มีแรงที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางชีวิตของเราใหม่   เราเปลี่ยนชีวิตของเราเองไม่ได้

ประการที่สี่   ให้เรายอมต่อพระคริสต์   เปิดและทูลขอให้พระองค์เข้ามาในชีวิตของเราด้วยจริงใจ   ขอพระเมตตาของพระคริสต์ทำงาน เปลี่ยนแปลง และสร้างเราขึ้นใหม่

ประการที่ห้า   ทูลขอพระคริสต์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราตามพระประสงค์   และช่วยให้เราเรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ที่มีในชีวิตเราจากการทรงทำงานและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากพระองค์   และ ขอพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เป็นพลังในชีวิตของเรา   ทั้งการทรงปกป้องเราจากอำนาจที่ชั่วร้าย   และเป็นพลังสร้างสรรค์ที่จะดำเนินชีวิตไปตามพระประสงค์ของพระคริสต์   และขอมอบกายถวายชีวิตทั้งสิ้นให้เป็นของพระองค์ตลอดไป

ที่ผ่านมา  เราหลายคนตั้งใจที่จะเป็นคนดีของพระคริสต์   แต่จนแล้วจนรอดเรากลับเป็นเช่นนั้นไม่ได้   เราเหนื่อยอ่อนสิ้นแรงกับ “การพยายามทำดี” ครั้งแล้วครั้งเล่า   วันนี้ให้เราทุกคนหยุด “พยายามทำดีเพื่อพระคริสต์”   แต่ให้เราเริ่มต้นเป็น “คนที่ไว้วางใจในพระคริสต์”  ว่า เมื่อพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราแล้ว   ชีวิตของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระองค์   และพระองค์สร้างเราให้ดียิ่งกว่า “ลูกที่ดีของพระคริสต์”   แต่พระองค์ทรงสร้างให้ชีวิตของเราเป็น “คนที่พระคริสต์ทรงใช้ได้ตามพระประสงค์”

ให้เราเลิกที่จะพยายามทำตนเป็น “คนดีของพระคริสต์” หรือ “ทำดีเพื่อพระคริสต์”   แต่ให้เรายอมเป็นคนที่พระคริสต์ทรงใช้การได้ตามพระประสงค์   จงเลิกที่จะพยายามเป็นคนดี   แต่เริ่มมอบกายถวายชีวิตให้พระคริสต์เปลี่ยนแปลง และ สร้างใหม่  ให้เป็นคนที่พระองค์ใช้ได้ตามพระประสงค์ และ เกิดผลตามที่พระองค์ต้องการ!

และนี่คือการเตรียมรับเสด็จพระคริสต์เข้าในชีวิตของเราครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น