ในแต่ละวัน
ชีวิตของเราจะถูกควบคุมด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็นชัด
บ้างอาจจะถูกควบคุมด้วยความอยากได้ใคร่มีในตนเอง บ้างถูกควบคุมครอบงำด้วยความคาดหวังของผู้อื่นที่มีต่อตน บ้างกลับถูกครอบงำจากความกลัว หรือ
ความรู้สึกผิดที่ฝังในตัวของตน
บ้างถูกกระตุ้นควบคุมจากความขมขื่นที่ชอนไชรากลึกในชีวิตของตน บ้างถูกควบคุมจากนิสัยของตน
ในแต่ละวันชีวิตของเราแต่ละคนมักถูกครอบงำควบคุมจากพลังอำนาจไม่ประการใดก็ประการหนึ่ง
เสรีภาพ หรือ ความเป็นไทก็คือการที่เราแต่ละคนเลือกหรือยอมที่จะให้พลังอำนาจใดอำนาจหนึ่งครอบงำควบคุมการดำเนินชีวิตของเราในวันนั้น
ถ้าเราแต่ละคนเลือกที่จะให้พระเยซูคริสต์ครอบคลุมในการดำเนินชีวิตของเรา
เราก็ยอมให้พระองค์นำและทำงานในชีวิตของเราในวันนั้น และในวันนั้นเราก็สามารถที่จะควบคุมสิ่งต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในวันนั้นของเราอย่างสร้างสรรค์ตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ถ้าเราเลือกที่จะให้พลังอำนาจอื่นเข้ามาครอบงำควบคุมการดำเนินชีวิตของเรา
เราก็ต้องดำเนินชีวิตและรับผลที่เกิดขึ้นตามพลังอำนาจนั้นจะนำเราไป หลายครั้งที่เรายากจะฝืนง้างได้เพราะเราตกใต้พลังอำนาจนั้น
เปาโลกล่าวถึงเรื่องนี้ในโรม 6:12-13 ว่า “12
เพราะฉะนั้นอย่าให้บาปครอบงำกายที่ต้องตายของท่าน
ซึ่งทำให้ต้องเชื่อฟังตัณหาของกายนั้น 13
อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม
แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว
และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า (มตฐ.
ดู ลก. 1:74; รม. 12:1; กท. 2:20;
ฮบ. 9:14; 1ปต. 4:2;)
แล้วเราจะเลือกให้พระคริสต์เข้ามาควบคุมชีวิตของเราอย่างไร?
ประการแรก เราจะต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเราพยายามที่จะควบคุมการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา บ่อยครั้งที่เราอ่อนแอ แพ้ต่อการที่จะเอาชนะความอยากได้ใคร่มี หรือ
ความปรารถนาต้องการในตัวของเราเอง เรายอมรับว่าพลังอำนาจความตั้งใจดีของเรามักพ่ายแพ้ต่อพลังอำนาจที่ชั่วร้ายที่ฝังอยู่ในชีวิตของเรา
ประการที่สอง เราต้องยอมรับว่า เราไม่สามารถปกป้องตนเองจากการแผ่อิทธิพลอำนาจในสังคม
และ สภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวันของเรา
แม้เราจะรู้ว่า จะเกิดผลร้ายผลเสียอย่างไรถ้าพลังอำนาจแวดล้อมเข้ามาครอบงำชีวิตของเรา แต่เราก็ไม่สามารถหลบลี้หลีกห่าง หรือ
หลุดรอดออกจากการครอบงำของมันได้
ประการที่สาม เราต้องยอมรับว่า
แม้เราจะรู้ว่าชีวิตของเราดำเนินไปในเส้นทางที่ผิดพลาด
แต่เราก็ไม่มีแรงที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางชีวิตของเราใหม่ เราเปลี่ยนชีวิตของเราเองไม่ได้
ประการที่สี่ ให้เรายอมต่อพระคริสต์ เปิดและทูลขอให้พระองค์เข้ามาในชีวิตของเราด้วยจริงใจ ขอพระเมตตาของพระคริสต์ทำงาน เปลี่ยนแปลง
และสร้างเราขึ้นใหม่
ประการที่ห้า ทูลขอพระคริสต์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราตามพระประสงค์
และช่วยให้เราเรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์ที่มีในชีวิตเราจากการทรงทำงานและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากพระองค์ และ
ขอพลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เป็นพลังในชีวิตของเรา ทั้งการทรงปกป้องเราจากอำนาจที่ชั่วร้าย และเป็นพลังสร้างสรรค์ที่จะดำเนินชีวิตไปตามพระประสงค์ของพระคริสต์
และขอมอบกายถวายชีวิตทั้งสิ้นให้เป็นของพระองค์ตลอดไป
ที่ผ่านมา
เราหลายคนตั้งใจที่จะเป็นคนดีของพระคริสต์ แต่จนแล้วจนรอดเรากลับเป็นเช่นนั้นไม่ได้ เราเหนื่อยอ่อนสิ้นแรงกับ “การพยายามทำดี” ครั้งแล้วครั้งเล่า วันนี้ให้เราทุกคนหยุด “พยายามทำดีเพื่อพระคริสต์” แต่ให้เราเริ่มต้นเป็น
“คนที่ไว้วางใจในพระคริสต์” ว่า
เมื่อพระองค์เข้ามาในชีวิตของเราแล้ว
ชีวิตของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระองค์ และพระองค์สร้างเราให้ดียิ่งกว่า
“ลูกที่ดีของพระคริสต์”
แต่พระองค์ทรงสร้างให้ชีวิตของเราเป็น
“คนที่พระคริสต์ทรงใช้ได้ตามพระประสงค์”
ให้เราเลิกที่จะพยายามทำตนเป็น
“คนดีของพระคริสต์” หรือ “ทำดีเพื่อพระคริสต์”
แต่ให้เรายอมเป็นคนที่พระคริสต์ทรงใช้การได้ตามพระประสงค์ จงเลิกที่จะพยายามเป็นคนดี
แต่เริ่มมอบกายถวายชีวิตให้พระคริสต์เปลี่ยนแปลง และ สร้างใหม่ ให้เป็นคนที่พระองค์ใช้ได้ตามพระประสงค์ และ
เกิดผลตามที่พระองค์ต้องการ!
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น