ผมเคยได้ยินคนพูดว่า
“บ้านคือที่ซุกหัวนอนในยามที่อ่อนแรงสิ้นกำลัง...” และเคยได้ยินอีกว่า
“บ้านคือที่ที่เราต้องพยายามทำดีกับคนอื่น ๆ ในบ้าน” และหลายบ้านก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
ศิษยาภิบาล ต้องพยายามฟังสมาชิกที่มาระบายและปรึกษาถึงปัญหาชีวิตด้วยความใส่ใจ ด้วยจิตใจที่เมตตา และที่สำคัญคือด้วยความอดทน ตลอดวันเขาต้องแสดงความเมตตาเอาใจใส่
ให้กำลังใจกับผู้คน
ปลอบโยนคนที่กำลังทุกข์หนัก
เมื่อกลับถึงบ้านก็ตกอยู่ในสภาพที่หมดพลัง
สิ้นเรี่ยวแรง เขากลับเป็นคนที่ต้องการความเข้าใจจากคนในบ้าน ต้องการการให้กำลังใจ และการใส่ใจ
แล้วกี่คนในบ้านที่รู้ถึงความต้องการอย่างมากของศิษยาภิบาลท่านนี้ล่ะครับ? แต่ที่แย่กว่านั้นคือ ทั้งลูก ทั้งเมีย ทั้งสามี ต่างกลับเข้ามาบ้านแบบระโหยหมดแรง ต้องการพลังหนุนเสริม
แล้วอย่างงี้ใครจะเป็นผู้เติมเต็มพลังในชีวิตของคนในครอบครัวล่ะครับ?
มิใช่ศิษยาภิบาลเท่านั้นที่มีชีวิตครอบครัวตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าหมอ พยาบาล ครู
ผู้บริหารคนทำงานในหน่วยงาน องค์กร แรงงานรับจ้าง ฯลฯ ต่างต้องเผชิญกับสภาพชีวิตครอบครัวในทำนองนี้เสียส่วนใหญ่
จึงไม่น่าแปลกที่ลูกของนักจิตวิทยาแขวนคอตาย คนในครอบครัวของหมอเป็นไมเกรน คนในบ้านของพยาบาลมีคนเป็นโรคซึมเศร้า ลูกของอาจารย์ตกสามวิชา ลูกทนายเล่นยา
และ ฯลฯ จนมีคำกล่าวในภาคเหนือว่า
“ลูกอาจ๋ารย์ หลานตุ๊เจ้า”?
เราคริสตชนมักบอกว่า การทรงเรียกที่ยิ่งใหญ่และสำคัญคือการทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์
เป็นการสานต่อพระราชกิจเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าที่พระองค์นำมาเริ่มต้นแล้วในโลกนี้ เราท่านอาจจะจำเป็นต้องถามตรง ๆ ว่า
พื้นที่แรกที่เราจะนำแผ่นดินของพระเจ้าให้เกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตคือพื้นที่
“ชีวิตครอบครัว” ของเราแต่ละคนใช่ไหม?
ความใส่ใจด้วยความรัก
การช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเมตตา
และการใช้ชีวิตแบบพระคริสต์จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้อย่างไร?
ถ้าแผ่นดินของพระเจ้ายังไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในครอบครัวของเรา แล้วเราจะนำแผ่นดินของพระเจ้าไปให้เกิดขึ้นในชุมชนสังคมโลกได้อย่างไร?
สันติสุขในครอบครัวเกิดขึ้นได้เพราะคนในครอบครัวยอมเปิดชีวิตส่วนตนและครอบครัวให้พระคริสต์เป็นใหญ่ที่สุดในทุกมิติชีวิตของเราในครอบครัว ให้เป็นครอบครัวที่อยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้า เป็นครอบครัวที่มีน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นใหญ่
และเป็นเป้าประสงค์
เป็นครอบครัวที่สำแดงสภาพชีวิตสวรรค์ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว
เป็นครอบครัวที่ไว้วางใจในพระคุณและการทรงเอาใจใส่เลี้ยงดูของพระเจ้า เป็นครอบครัวที่สร้างการคืนดี และ
การยกโทษซึ่งกันและกัน
เป็นครอบครัวที่มีการดำเนินชีวิตที่ตระหนักชัดไม่ให้ชีวิตประจำวันตกลงใต้อำนาจของการถูกทดลองในลักษณะต่าง
ๆ แต่เชื่อพึ่งในการช่วยกู้ของพระเจ้าให้ชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนหลุดรอดออกจากการตกเป็นทาสของอำนาจแห่งความบาปชั่ว
แท้จริงแล้วการที่ครอบครัวเรามีสภาพดังกล่าวมานี้ก็เป็นครอบครัวที่ทำให้คำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนได้รับการปฏิบัติเป็นจริงในชีวิตประจำวัน และ
นี่คือ “การแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน” ที่เป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของเรา
(ดู มัทธิว 6:9-13; 6:33)
คงต้องกลับมาดูว่า
คริสตจักรไทยของเราได้หนุนเสริมเพิ่มพลังสมาชิกคริสตจักรในการนำแผ่นดินของพระเจ้าให้
“งอก” “เติบโต” และ “เกิดดอกออกผล”
ขึ้นในชีวิตครอบครัวมากน้อยแค่ไหน?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น