25 พฤศจิกายน 2559

แผ่นดินของพระเจ้าในครอบครัว!

ผมเคยได้ยินคนพูดว่า  “บ้านคือที่ซุกหัวนอนในยามที่อ่อนแรงสิ้นกำลัง...”   และเคยได้ยินอีกว่า “บ้านคือที่ที่เราต้องพยายามทำดีกับคนอื่น ๆ ในบ้าน”   และหลายบ้านก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

ศิษยาภิบาล ต้องพยายามฟังสมาชิกที่มาระบายและปรึกษาถึงปัญหาชีวิตด้วยความใส่ใจ   ด้วยจิตใจที่เมตตา  และที่สำคัญคือด้วยความอดทน   ตลอดวันเขาต้องแสดงความเมตตาเอาใจใส่ ให้กำลังใจกับผู้คน  ปลอบโยนคนที่กำลังทุกข์หนัก   เมื่อกลับถึงบ้านก็ตกอยู่ในสภาพที่หมดพลัง  สิ้นเรี่ยวแรง   เขากลับเป็นคนที่ต้องการความเข้าใจจากคนในบ้าน ต้องการการให้กำลังใจ  และการใส่ใจ   แล้วกี่คนในบ้านที่รู้ถึงความต้องการอย่างมากของศิษยาภิบาลท่านนี้ล่ะครับ?   แต่ที่แย่กว่านั้นคือ   ทั้งลูก ทั้งเมีย ทั้งสามี ต่างกลับเข้ามาบ้านแบบระโหยหมดแรง   ต้องการพลังหนุนเสริม   แล้วอย่างงี้ใครจะเป็นผู้เติมเต็มพลังในชีวิตของคนในครอบครัวล่ะครับ?

มิใช่ศิษยาภิบาลเท่านั้นที่มีชีวิตครอบครัวตกอยู่ในสภาพเช่นนี้   ไม่ว่าหมอ พยาบาล  ครู  ผู้บริหารคนทำงานในหน่วยงาน องค์กร แรงงานรับจ้าง ฯลฯ  ต่างต้องเผชิญกับสภาพชีวิตครอบครัวในทำนองนี้เสียส่วนใหญ่   จึงไม่น่าแปลกที่ลูกของนักจิตวิทยาแขวนคอตาย   คนในครอบครัวของหมอเป็นไมเกรน   คนในบ้านของพยาบาลมีคนเป็นโรคซึมเศร้า  ลูกของอาจารย์ตกสามวิชา  ลูกทนายเล่นยา  และ ฯลฯ   จนมีคำกล่าวในภาคเหนือว่า “ลูกอาจ๋ารย์ หลานตุ๊เจ้า”?

เราคริสตชนมักบอกว่า การทรงเรียกที่ยิ่งใหญ่และสำคัญคือการทำตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์   เป็นการสานต่อพระราชกิจเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าที่พระองค์นำมาเริ่มต้นแล้วในโลกนี้   เราท่านอาจจะจำเป็นต้องถามตรง ๆ ว่า   พื้นที่แรกที่เราจะนำแผ่นดินของพระเจ้าให้เกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในชีวิตคือพื้นที่ “ชีวิตครอบครัว”  ของเราแต่ละคนใช่ไหม?

ความใส่ใจด้วยความรัก  การช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเมตตา   และการใช้ชีวิตแบบพระคริสต์จะเกิดขึ้นเป็นจริงได้อย่างไร?   ถ้าแผ่นดินของพระเจ้ายังไม่สามารถเกิดขึ้นเป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรมในครอบครัวของเรา   แล้วเราจะนำแผ่นดินของพระเจ้าไปให้เกิดขึ้นในชุมชนสังคมโลกได้อย่างไร?

สันติสุขในครอบครัวเกิดขึ้นได้เพราะคนในครอบครัวยอมเปิดชีวิตส่วนตนและครอบครัวให้พระคริสต์เป็นใหญ่ที่สุดในทุกมิติชีวิตของเราในครอบครัว  ให้เป็นครอบครัวที่อยู่ภายใต้การครอบครองของพระเจ้า   เป็นครอบครัวที่มีน้ำพระทัยของพระเจ้าเป็นใหญ่ และเป็นเป้าประสงค์   เป็นครอบครัวที่สำแดงสภาพชีวิตสวรรค์ผ่านการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในครอบครัว   เป็นครอบครัวที่ไว้วางใจในพระคุณและการทรงเอาใจใส่เลี้ยงดูของพระเจ้า   เป็นครอบครัวที่สร้างการคืนดี และ การยกโทษซึ่งกันและกัน   เป็นครอบครัวที่มีการดำเนินชีวิตที่ตระหนักชัดไม่ให้ชีวิตประจำวันตกลงใต้อำนาจของการถูกทดลองในลักษณะต่าง ๆ  แต่เชื่อพึ่งในการช่วยกู้ของพระเจ้าให้ชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนหลุดรอดออกจากการตกเป็นทาสของอำนาจแห่งความบาปชั่ว

แท้จริงแล้วการที่ครอบครัวเรามีสภาพดังกล่าวมานี้ก็เป็นครอบครัวที่ทำให้คำอธิษฐานที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนได้รับการปฏิบัติเป็นจริงในชีวิตประจำวัน  และ  นี่คือ “การแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อน” ที่เป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของเรา (ดู มัทธิว 6:9-13;  6:33)

คงต้องกลับมาดูว่า  คริสตจักรไทยของเราได้หนุนเสริมเพิ่มพลังสมาชิกคริสตจักรในการนำแผ่นดินของพระเจ้าให้ “งอก” “เติบโต” และ “เกิดดอกออกผล”  ขึ้นในชีวิตครอบครัวมากน้อยแค่ไหน?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น