อาการติดเชื้อในกระแสเลือดมักเห็นได้ชัดในคริสตจักรที่มีอายุได้สักระยะหนึ่ง
คริสตจักรเหล่านี้จะค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะ “ที่ตายแล้ว”
ทั้ง ๆ ที่ยังดำเนินกิจกรรมแบบซ้ำซากทุกเมื่อเชื่อวัน ต่อไปนี้เป็น 9 อาการที่คริสตจักรติดเชื้อในกระแสเลือด ที่จะนำคริสตจักรไปสู่ความตาย ถ้าไม่มีการจัดการเชื้อที่เข้าไปในกระแสเลือดของคริสตจักร
สมาชิกคริสตจักรกลายเป็นผู้ชมไม่ใช่ “ผู้ชก”
คริสตจักรกลายเป็นที่คนมาร่วมกันเพื่อเป็น “ผู้ชม” อย่างคนดูมวย ชมคอนเสิร์ต ฟังการเทศน์ หรือ
ฟังการบรรยาย โดยไม่ต้องมีส่วนร่วมในเนื้อหาสัจจะของการนมัสการเลย สิ่งที่ได้เห็น
ได้ยินได้ฟัง ไม่มีอิทธิพลหรือพลังต่อความนึกคิด และ การดำเนินชีวิตประจำวันในชีวิตของสมาชิกเหล่านั้น
แท้จริงแล้ว คริสตจักรไม่ต้องการให้สมาชิกเป็นคน “เชียร์” มวย แต่คริสตจักรต้องการนักมวยที่สามารถออกไป
“ชก” กับสถานการณ์ชีวิตประจำวันที่ตนต้องเผชิญ
หรือ ต้องต่อสู้ เพื่อชีวิตของสมาชิกแต่ละคนจะเจริญเติบโต แข็งแรง และ เกิดผล
เพื่อคริสตจักรจะยังมีชีวิตและเกิดผลตามพระประสงค์ของพระคริสต์
ข้อมูลความรู้ที่ไม่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต
สิ่งที่สอน ที่อ่าน เป็นเพียงข้อมูลหรือความรู้เท่านั้น แต่กลับไม่ได้เกิดการเรียนรู้สัจจะความจริง
แล้วนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันตลอดสัปดาห์ ทั้งชีวิตในครอบครัว ในที่ทำงาน
ความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนและการมีชีวิตร่วมในชุมชน จึงไม่แปลกที่สิ่งที่พูดกันทำกันในคริสตจักรกลายเป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับโลกที่เป็นจริงในชีวิตประจำวันของตน
สิ่งที่สอนที่เทศน์เป็นข้อมูลความรู้ที่ดี แต่ไม่สามารถทำให้เกิดผลดีในชีวิตของคนที่ได้ยินได้ฟัง?
มัวสนใจตนเองแต่ไม่ใส่ใจชุมชน (มัวส่องกระจกแต่ไม่มองออกไปนอกหน้าต่าง)
หลายต่อหลายคริสตจักรที่มัวใส่ใจกับตนเองหรือเรื่องในคริสตจักรเท่านั้น
เหมือนกับคนมองตนในกระจก เพียงสนใจในรูปร่าง ลักษณะ ของตนว่าจะทำอย่างไรที่ให้ดูดีในสายตาของคนอื่น
แต่สมาชิกคริสตจักรเหล่านี้ละเลยและไม่สนใจว่าผู้คนในชุมชนที่ตนเกี่ยวข้องด้วยจะมีชีวิตแบบไหนอย่างไร
ตนจะมีส่วนที่ดีในชีวิตของผู้คนเหล่านั้นอย่างไร เหมือนที่มีผู้เปรียบเทียบไว้ว่า
คริสตจักรมัวแต่ส่องกระจกเพื่อแต่งองค์ทรงเครื่องตนเอง แต่ละเลยที่จ้องมองออกไปยังทางหน้าต่างเพื่อจะเห็นว่าคนในชุมชนมีชีวิตเช่นไร
แล้วตนและคริสตจักรจะเข้าไปมีส่วนร่วมทุกข์ร่วมสุขเพื่อเสริมสร้างคุณภาพในชีวิตชุมชนอย่างไร
ผูกพันแต่ไม่ยอมผูกมัดตนเอง
ปัจจุบันนี้ เรามีสมาชิกคริสตจักรที่มีความผูกพันกับคริสตจักร
คือยอมรับว่าตนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคริสตจักร ตนพร้อมจะมาร่วมพันธกิจและร่วมชีวิตในชุมชนคริสตจักร
ตามกำลังและเวลาที่ตนมีและสามารถจะมาร่วมได้แต่สมาชิกเหล่านี้จะไม่ยอมที่จะ “ผูกมัดตน” ว่า ตนจะเปลี่ยนแปลงชีวิต อุทิศชีวิต เวลา
และความสามารถรับใช้และสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน
ร่วมศาสนพิธีแต่ไม่ลงลึกถึงความหมายและคุณค่า
สมาชิกที่มุ่งมาร่วมศาสนพิธีในคริสตจักร มักจะมาร่วมศาสนพิธีตามเวลาโอกาสและจิตใจของตนเองจะเอื้ออำนวย
และเมื่อมาร่วมสักระยะหนึ่งจะเริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปแบบเดิม ๆ พูดเรื่องเดิม
ๆ ทำพิธีเดิม ๆ ร้องเพลงเดิม ๆ แล้วก็จะเกิดความเบื่อหน่าย มาร่วมบ้างไม่มาร่วมบ้าง
อันตรายของสมาชิกที่มาร่วมในคริสตจักรเพียงเพื่อร่วมในการประกอบพิธีทางคริสต์ศาสนาเท่านั้น
สมาชิกกลุ่มนี้จะไม่สนใจเรื่องคุณค่าความหมายของการมาร่วมพันธกิจในคริสตจักร
พระกิตติคุณของพระคริสต์ พระวจนะของพระเจ้าไม่มีคุณค่า ความหมาย และ อิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเขา
ต้องการให้ตนเองเจริญมั่งคั่งที่ปราศจากการเอื้ออาทรและใจกว้างขวาง
สิ่งที่น่าอันตรายอีกสิ่งหนึ่งคือ บ่อยครั้งที่สมาชิกคริสตจักรถวายทรัพย์สินสิ่งของแด่พระเจ้า
สมาชิกส่วนหนึ่งหวังว่าเมื่อตนถวายให้พระเจ้า พระเจ้าจะต้องอวยพระพรเพราะการที่ตนถวาย
พูดให้สั้น ๆ ฟันธงว่า บ่อยครั้งในใจลึก ๆ ของสมาชิกคริสตจักรส่วนหนึ่งถวายด้วยหวังผล
ว่าตนจะได้รับพระพรความมั่งคั่ง อันตรายคือ ถ้าไม่ได้รับความมั่งคั่งสมใจก็เริ่มลดและละเลยในการถวาย
เพราะถวายแล้วไม่เห็นผล
ความคิดการถวายโดยหวังให้พระเจ้าอวยพระพรให้ตนจะมั่งคั่ง สมาชิกกลุ่มนี้มักจะไม่สนใจที่จะมีจิตใจที่ให้ด้วยใจกว้างขวาง
เป็นการถวายที่ขาดจิตใจที่เอื้ออาทรและให้ผู้อื่นด้วยใจกว้างขวาง
คนเพิ่มขึ้นแต่ไม่เกิดผล
เมื่อคริสตจักรพูดถึงเรื่องการเพิ่มพูนคริสตจักร
ปัจจุบันหลายคริสตจักรหมายถึงการที่มีคนมาร่วมกิจกรรม
หรือพันธกิจในคริสตจักรมากขึ้น โดยคริสตจักรละเลยการเลี้ยงดู บ่มเพาะ
และฟูมฟักชีวิตการเป็นสาวกของพระ
คริสต์ที่เติบโตขึ้น และคริสตจักรจะวัดการเพิ่มพูนคริสตจักรด้วยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มมากขึ้น
เงินถวายเพิ่มมาก
ขึ้นเท่าใด หรือไปตั้งคริสตจักรใหม่ได้กี่แห่ง แต่ไม่ได้ใส่ใจว่า สมาชิกคริสตจักรแต่ละคนในคริสตจักรได้รับการสร้างเสริมให้มีชีวิตที่เยี่ยงพระคริสต์
และ รับใช้อย่างที่พระองค์เป็นแบบอย่างมากน้อยแค่ไหน
มีแต่ “สมาชิกคริสตจักร” แต่ไม่มี “สาวกพระคริสต์”
คริสตจักรหลายแห่งในปัจจุบัน เริ่มละเลย ลดทอน การใส่ใจวางรากฐานพระวจนะของพระเจ้าในชีวิตของสมาชิกวัยต่าง
ๆ ในคริสตจักรของตน เหลือแต่การสอนและเทศนาพระวจนะของพระเจ้าในการนมัสการเท่านั้น คริสตจักรไม่มีกลุ่มเฉพาะที่จะเลี้ยงดูฟูมฟักสมาชิกคริสตจักรแต่ละความสนใจ
เพื่อช่วยให้เขาสามารถเติบโตขึ้นในชีวิตคริสตชนด้านต่างๆ
คริสตจักรที่ไม่สร้างสาวก ก็จะเป็นคริสตจักรที่สมาชิกไม่ได้รับใช้พระคริสต์ในการทำพันธกิจด้านต่าง
ๆ ทั้งในคริสตจักร และ ในชุมชน เมื่อสมาชิกไม่มีส่วนร่วมและใช้ชีวิตในการรับใช้พระคริสต์ในการทำพันธกิจด้านต่าง
ๆ
ชีวิตของสมาชิกก็ไม่เติบโต นาน ๆ เข้าก็เป็น “คริสตชนตายซาก”
ทำตามหน้าที่โดยปราศจากความรักเมตตา
ในคริสต์ศตวรรษนี้ มักมีคริสตจักรที่ทุ่มเทในการทำกิจกรรมมากมาย
(บางครั้งทำกิจกรรมจนทั้งศิษยาภิบาลและสมาชิกกลุ่มหนึ่งเหนื่อยอ่อนหมดแรง)
ปฏิทินเต็มด้วยแผนงานและกิจกรรมของคริสตจักร แต่หัวใจของสมาชิกกลับว่างเปล่า กล่าวคือมีกิจกรรมมากมาย
สมาชิกมาร่วมกันทำเพราะคิดว่าทำตามหน้าที่ หรือ เพราะเห็นแก่ศิษยาภิบาล และการทำกิจกรรมเหล่านั้นโดยปราศจากจิตใจที่รักเมตตา
แต่จะแย่เอามาก ๆ ถ้าทำด้วยจิตใจที่เย็นชา (วิวรณ์ 2:2-5; มัทธิว
24:12)
ถึงเวลาที่คริสตจักรจะถอนพิษออกจากกระแสเลือดของตนหรือยังครับ?
แล้วจะถอนพิษติดเชื้อในกระแสเลือดของคริสตจักรอย่างไรดีครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย
เชียงใหม่
E-mail:
prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ขอบคุณครับอาจารย์..ผมขออนุญาตแบ่งปันนะครับ
ตอบลบ