08 สิงหาคม 2564

พระคริสต์มาพบแม่ในความวุ่นวายสับสน

 



โดยปกติทั่วไป  เรามักจะหาเวลาที่สงบ  เวลาที่เราอยู่คนเดียวเพื่อจะใกล้ชิดองค์พระผู้เป็นเจ้าในแต่ละวัน 

แต่เมื่อมีโอกาสคุยเรื่องการมีเวลาส่วนตัวกับพระเจ้ากับผู้ที่กำลังเป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกน้อย   คุณแม่ที่กำลังเลี้ยงลูกน้อยคนหนึ่งถามโพล่งออกมาว่า  “ตาย  ตาย  ตาย แล้วคนที่เป็นแม่ลูกอ่อนอย่างฉันจะไปหาเวลาอย่างงั้นมาใกล้ชิดพระเจ้าได้ยังไง?   ตอนที่ฉันเป็นสาวยังไม่มีลูกน้อยฉันทำของฉันได้ไม่มีปัญหา   แต่ลองมาเป็นแม่ลูกอ่อนอย่างฉันบ้างซิ   แล้วจะรู้ว่า  ไม่มีเวลาอยู่คนเดียว  เวลาที่เงียบสงบกับพระเจ้าหรอก   ใจ...ฉันก็อยากจะได้ใกล้ชิดพระเจ้า   ฉันจะได้กำลังจากพระองค์   ทุกวันนี้ฉันเหนื่อยจนสายตัวแทบจะขาดอยู่แล้ว   เจ้าของเสียงเงียบไป  ผมเงยหน้าขึ้นพบว่าเธอเอามือข้างหนึ่งปาดน้ำตาอย่างเงียบๆ

อีกเสียงหนึ่งข้างหลังผมเอ่ยขึ้นว่า... ฉันเห็นใจเธอมากนะ   เมื่อตอนฉันต้องเลี้ยงลูกน้อยเป็นอย่างงี้จริง ๆ นอกจากต้องให้ลูกกินนมจนหลับและฉันก็หลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน   ในตอนค่ำคืนครั้งแล้วครั้งเล่า  ต้องลุกขึ้นมาให้นม  เปลี่ยนผ้าอ้อม  เช้ามาหลายครั้งที่ลูกน้อยตื่นก่อนแล้วปลุกให้ฉันตื่น   เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังที่จะให้เฝ้าเดี่ยวตอนเช้าค่ะ  “น่าจะบอกว่าเฝ้าเจ้าตัวเล็กนี่มากกว่า”

คุณแม่ลูกสามที่ลูกเริ่มโตแล้ว เธอได้เล่าจากประสบการณ์ตรงของเธอว่า สำหรับฉันแม้ว่าตื่นนอนเช้า ฉันตื่นก่อนลูกน้อย ต้องรีบชงกาแฟ แต่ถ้าเจ้าตัวเล็กตื่นก็ต้องไปจัดการกับเขา กว่าจะเสร็จกาแฟร้อนบนโต๊ะก็กลายเป็นกาแฟเย็นไปแล้ว จากนั้น แม่ลูกอ่อนก็ต้องจัดการโน่นจัดการนี่ไปทั้งวัน รวมถึงการเตรียมอาหารให้ลูก ๆ สามี  บอกได้เลยค่ะว่าเหนื่อย  เหนื่อยสุด ๆ เลย แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านมาได้หลายปี แต่เมื่อมาเล่าตอนนี้ก็ยังรู้สึกถึงความเหนื่อยนั้นได้อยู่เลย

ผมสรุปด้วยความเห็นใจว่า ถ้าเช่นนั้นคุณแม่ลูกอ่อนเลยไม่มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าส่วนตัว   แล้วแม่ลูกอ่อนจะได้รับการเสริมกำลังจากพระเจ้าได้อย่างไรครับ?

ผมพูดยังไม่ทันสิ้นประโยคดีก็มีเสียงสตรีเสียงใหญ่วัยกลางคนดังขึ้นมาว่า  “ใครบอก ใครบอกว่าเราแม่ลูกอ่อนไม่มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้ชิดส่วนตัวกับพระเยซูคริสต์?   จากประสบการณ์ของฉันที่เลี้ยงลูกน้อยมาสี่คน บอกได้เลยว่า ฉันมีโอกาสใกล้ชิดติดสนิทกับพระเยซูคริสต์มากกว่า  แตกต่างกว่า  พิเศษกว่า  และต้องบอกตรง ๆ ว่า ฉันได้เรียนรู้อย่างมากว่าด้วยการใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แวดล้อม เช่นอยู่คนเดียว สงบ เงียบ ฉันว่าไม่ใช่ แต่ฉันพบว่า เราใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าอย่างแนบแน่นเมื่อเราต้องมีชีวิตที่วุ่นวายและฉันพบพระเยซูคริสต์อยู่ในสถานการณ์นั้นกับฉัน  ร่วมในความวุ่นวายนั้นด้วย  ฉันมีกำลังใจมากขึ้นนะ

เมื่อฉันต้องทำความสะอาดลูกน้อย  ฉันพูดคุยกับพระองค์ขอทรงชำระล้างให้ฉันสะอาดอย่างฉันทำความสะอาดแก่ลูกฉัน   

บางครั้งเมื่อลูกงอแงร้องไห้เพราะไม่สบาย ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร เขาก็บอกฉันไม่ได้  ด้วยความเชื่อฉันอธิษฐานขอพระเยซูโปรดวางมือและรักษาลูกของฉัน หลายครั้งที่ฉันพบว่าพระองค์ได้รักษาลูกฉันให้หาย ทำให้ความเชื่อของฉันมั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น

นอกจากนั้น  ฉันยังมีเวลามีโอกาสพูดคุยกับพระองค์ในโอกาสต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องในใจของฉัน ไม่ว่าเวลาที่ฉันอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัว หรือเวลาที่ฉันล้างจาน

เมื่อฉันพาลูกน้อยไปเล่นที่สนามเด็กเล่น  ฉันขอบพระคุณพระเจ้าที่ลูกสนุก ลูกพบเพื่อน และฉันได้พบเพื่อนบ้านในชุมชน ฉันขอบพระคุณพระเจ้า ฉันอธิษฐานเผื่อพวกเขา

สำหรับประสบการณ์ของฉัน ฉันอยากเป็นกำลังใจให้แม่ลูกอ่อนว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์อะไรก็ตาม เราใกล้ชิดติดสนิท พูดคุยปรึกษาพระเจ้าของเราได้ เราฟังพระองค์ได้ และหลายครั้งเมื่อฉันมีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนบ้านที่เป็นแม่ลูกอ่อนคนอื่น ๆ มีโอกาสพูดคุย ปรึกษากัน  ฉันพบว่า หลายเรื่องที่ฉันเคยอธิษฐานทูลขอได้รับคำตอบผ่านเพื่อนบ้านเหล่านั้น

อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นว่า ใช่สินะ ถูกของพี่เขา ทุกสถานการณ์ชีวิตเราใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าได้ ท่ามกลางปัญหา วิกฤติชีวิตที่เราพบ พระเยซูคริสต์อยู่และร่วมกับเราในสถานการณ์นั้น ให้เรามองให้เห็นพระราชกิจของพระองค์ในแต่ละสถานการณ์ชีวิตของเรา ในเวลาเช่นนี้เองที่เรามีโอกาสใกล้ชิดติดสนิทกับพระองค์   รับกำลังเสริมหนุน รับการทรงนำ รับสติปัญญาความนึกคิดจากพระองค์ ทำให้ชีวิตการเป็นสาวกของเราเติบโตขึ้น   และยังมีโอกาสที่จะรับใช้ซึ่งกันและกันกับเพื่อนบ้านมากยิ่งขึ้น

และนี่มิใช่หรือที่เราได้รับพระคุณของพระเยซูคริสต์วันต่อวันเมื่อเราดำเนินชีวิตไปกับพระองค์ในทุกสถานการณ์จริงในชีวิต

ผมอยากจะตะโกนบอกคนทั่วไปว่า เราสามารถใกล้ชิดติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ในสถานการณ์ที่ว้าวุ่น สับสน วุ่นวาย อึกทึก และ วิกฤติอย่างแน่นอน  และ

ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระคริสต์ต่างหากที่เข้ามาหาเราและร่วมชีวิตกับเราในสถานการณ์ที่วุ่นวายสับสน   เราไม่จำเป็นต้องตามหาพระองค์ครับ!

เอมมาอูส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น