08 สิงหาคม 2559

พระเจ้าอยู่ไหน...เมื่อชีวิตพบกับหัวเลี้ยวหัวต่อ?

คุณเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ หรือ เพื่อนของคุณเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ไหมครับ?...ว่า   งานที่กำลังทำ  หรือ  ได้รับงานใหม่ด้วยความตื่นเต้น   และคาดหวังถึงสิ่งดี ๆ และความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น   ท่านรู้สึกได้ว่าพระเจ้าสถิตกับคุณในงานที่กำลังทำ   คุณรู้สึกขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการทรงนำของพระองค์   แต่ไม่เท่าไหร่จู่ ๆ ก็เห็นว่างานที่ทำงานใหม่ที่ได้มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตนคาดหวังและรู้สึก   บางท่านอาจจะพบว่าต้องขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน   หรือ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน   หรือไม่ท่านก็พบว่าเกิดช่องว่างกว้างลึกระหว่างความคิดของท่านกับความจริงในงานที่ท่านต้องรับผิดชอบ  

ทันใด ความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับงานที่ทำพลันอันตรธานหายไป   แต่ความรู้สึกสับสนซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกิดมาแทนที่   ความท้อแท้หมดกำลังใจประดังเข้ามาในความรู้สึกของท่าน   ความสิ้นหวังอยู่ข้างหน้าแค่เอื้อม   คุณเริ่มฉงนสงสัยว่า พระเจ้าอยู่ที่ไหนกันนี่?   หรือท่านกำลังพลาดคลาดไปจากการทรงนำของพระเจ้า?   ยิ่งสงสัยว่า  แล้วพระเจ้าจะทรงช่วยฉุดดึงท่านออกจาก “บ่อทรายดูด” ในที่ทำงานนี้หรือไม่?

ในเวลาที่เราจะต้องปล้ำสู้กับสถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดเช่นนี้นำเราให้ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น   ทำให้เราต้องมุ่งมองหาพระปัญญาของพระเจ้า   มองหาไขว่คว้าการทรงนำของพระองค์   และเราต้องการการปลอบและกำลังใจ   ในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตการทำงานเช่นนี้เป็นโอกาสที่ปรับความนึกคิดจิตใจของเรา   ทั้งนี้ เพื่อเราจะสามารถรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าได้อย่างเต็มกำลัง และ เกิดผลอย่างมากมายในเวลาของพระองค์

ในมาระโก 1:12-13 หลังจากพระเยซูคริสต์รับบัพติสมาในแม่น้ำจอร์แดนจากยอห์นผู้ให้บัพติสมา   เกิดเหตุการณ์สำคัญสองประการคือ  พระวิญญาณที่มีสัณฐานเหมือนนกพิราบลงมาที่พระเยซู (1:10)  จากนั้นมีเสียงจากเบื้องบนว่า  “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา  เราชอบใจท่านมาก” (1:11)   เหตุการณ์ทั้งสองนี้ย่อมนำมาซึ่งความรู้สึกตื้นตันและภูมิใจในชีวิตของพระเยซูคริสต์   ยิ่งกว่านั้น พระเยซูเข้าใจว่า นี่เป็นการทรงเรียกจากพระเจ้าให้ทำพันธกิจของพระเจ้า   ซึ่งมิใช่พันธกิจที่ร่วมกิจกรรมการสรรเสริญนมัสการพระเจ้าในพระวิหารเท่านั้น   แต่เป็นการทรงเรียกให้พระองค์ทำพันธกิจของพระเมสสิยาห์ที่จะต้องกระทำ   เป็นพันธกิจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า

ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ก็จะทึกทักเข้าใจว่า   จากนี้พระเยซูคริสต์ก็จะทำสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ทันที   เทศนาอย่างจับจิตเจาะใจ   รักษาคนเจ็บคนป่วย   ขับวิญญาณชั่วออกจากผู้คน  และสิ่งอื่นอีกมากมาย   แต่ก่อนที่เหตุการณ์ที่กล่าวข้างต้นจะเกิดขึ้น   มาระโกกลับบันทึกไว้ว่า  “...ทัน​ที พระ​วิญ​ญาณ​ก็​ทรง​เร่ง​เร้า​พระ​องค์​ให้​เสด็จ​เข้า​ไป​ใน​ถิ่น​ทุร​กัน​ดาร    และ​ประ​ทับ​อยู่​ที่​นั่น​ถึง​สี่​สิบ​วัน ทรง​ถูก​ซา​ตาน​ทด​ลอง และ​ประ​ทับ​อยู่​กับ​สัตว์​ป่า และ​มี​พวก​ทูต​สวรรค์​มา​ปรนนิ​บัติ​พระ​องค์” (มาระโก 1:12-13 มตฐ.)

พระวิญญาณของพระเจ้าเร่งเร้าพระเยซูให้เข้าไปในถิ่นทุรกันดาร   ซึ่งเป็นที่ที่ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้า   เป็นที่ที่อิสราเอลปล้ำสู้กับน้ำพระทัยของพระเจ้า   ตามการบันทึกของมาระโก  พระเยซูคริสต์ต้องเผชิญการท้ายทายในถิ่นทุรกันดาร   ที่นั่นพระองค์ถูกมารร้ายอำนาจชั่วทดลอง   และต้องต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้ายทำให้พระเยซูอ่อนจิตอ่อนใจอ่อนกำลังชีวิต   แต่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น พระเยซูได้รับการเสริมกำลังชีวิตจากพระเจ้า    พระองค์ได้รับการเสริมกำลังด้วยการปรนนิบัติจากทูตสวรรค์จากเบื้องบน

มาระโกไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดในการทดลองอย่างปรากฏในมัทธิว และ ลูกา   แต่ท่านต้องการบอกผู้อ่านว่า   พระเยซูคริสต์ถูกเร่งเร้าให้เข้าไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อถูกการทดลองโดยอำนาจแห่งความชั่วร้าย   การทดลองดังกล่าวไม่ได้เป็นการเกิดขึ้นโดยบังเอิญ และก็ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้ามิได้ทรงคาดหวัง   แต่มาระโกต้องการบอกกับเราว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่เหนือพระเยซูแม้จะต้องเผชิญหน้ากับภัยอันตรายต่อชีวิต   และกล่าวอย่างชัดเจนว่า พระวิญญาณของพระเจ้าเร่งเร้าพระเยซูให้มีประสบการณ์ในเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้

ในที่นี้ไม่ได้หมายว่า   ในทุกครั้งที่เรามีงานใหม่ หรือ เราจะรับผิดชอบงานหนึ่งงานใด  แล้วพระวิญญาณของพระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลังเร่งเร้าให้เกิดสถานการณ์เลวร้ายเหล่านั้น   ความยุ่งยากซับซ้อนตลอดจนความสับสนที่เกิดขึ้นในการทำงานอาจจะเกิดขึ้นจากคนในที่ทำงาน หรือ อาจจะเกิดขึ้นจากตัวเราเองก็ได้   แต่ในมาระโก 1:12-13 กล่าวถึงข่าวดีแห่งแผ่นดินของพระเจ้าว่า   พระเจ้าทรงสถิตท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งเหยิงซับซ้อนและสับสนของเรา   มากยิ่งกว่านั้น   ในขณะที่เรากำลังต้องปล้ำสู้และเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากและการทดลอง   พระเจ้าจะทรงหนุนเสริมชูช่วยเราผ่าน “ทูตสวรรค์” ของพระองค์   แน่นอนว่าผ่านการทรงช่วยเหลือหนุนเสริมของพระวิญญาณของพระเจ้า

ในเวลาที่เราถูกการทดลอง การปล้ำสู้กับเหตุร้ายอันตรายต่าง ๆ เป็นเวลาที่ทรงนำเราให้เชื่อฟังและพึ่งในพระองค์  แสวงหาพระปัญญา มองหาการทรงนำ   และการประเล้าประโลมให้กำลังชีวิตจากพระองค์   เป็นเวลาที่ความนึกคิดจิตใจของเราจะได้รับการปรับและทำให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น  เพื่อว่า  เราจะสามารถรับใช้พระองค์เต็มกำลัง และ เกิดผลมากยิ่งขึ้น  ในพระนามของพระองค์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น