น่าสังเกตว่า ผู้เชี่ยวชาญทางธรรมบัญญัติอยากจะรู้ว่า
ตนเองต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะได้ชีวิตนิรันดร์ จึงมาถามพระเยซูว่า... “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์?”
แต่พระเยซูตอบกลับเขาในสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ
คือ... “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติตอบได้อย่างฉะฉานว่า
ถ้าจะได้ชีวิตนิรันดร์เขาจะต้องปฏิบัติตามธรรมบัญญัติสำคัญยิ่งสองประการคือ รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สิ้นสุดความคิด สิ้นสุดกำลัง
นั่นหมายความว่าต้องรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดทั้งชีวิตของเขา และจะต้องรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง พระเยซูคริสต์ตอบเขาว่า สิ่งที่เขาว่ามาทั้งหมดถูกต้อง
และถ้าต้องการมีชีวิตนิรันดร์ให้ดำเนินชีวิตตามบัญญัติใหญ่สองประการดังกล่าว
ในที่นี่พระเยซูคริสต์เน้นว่า ให้ทำตามสิ่งที่ตนรู้และเข้าใจ! ความรู้เท่านั้นไม่เพียงพอ การได้อ่านร้อยครั้งพันรอบ การท่องจำได้ไม่สามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้ แต่การกระทำ หรือ
ดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติของพระเจ้าที่ทำให้ชีวิตของคน ๆ นั้นได้รับการเปลี่ยนแปลง
พัฒนา และเสริมสร้างเป็นชีวิตนิรันดร์
ถ้าต้องการได้ชีวิตนิรันดร์ต้องเป็นชีวิตที่กระทำตามพระบัญญัติ ไม่ใช่เพียงรู้พระบัญญัติ! รับบัพติศมาเท่านั้น ไปโบสถ์วันอาทิตย์เท่านั้น ฟังเทศน์เท่านั้นไม่เพียงพอ
แต่ชีวิตนิรันดร์คือชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยนแปลง พัฒนา
และเสริมสร้างให้เป็นชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า คือรักพระองค์ด้วยทั้งชีวิต และ
รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
โดนคำตอบแบบตรงไปตรงมาของพระเยซูแบบนี้
ท่านผู้เชี่ยวชาญทางธรรมบัญญัติถึงกับเสียหน้า
เพราะเป็นที่รู้กันทั้งประชาชนและสำนึกในตนเองว่า เขาเชี่ยวชาญในการรู้และใช้ธรรมบัญญัติในการตัดสินคนอื่น แต่ไม่ได้มีชีวิตที่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติ
เสียหน้าอย่างยิ่งครับ!
แต่ผู้เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติคนนี้ไม่ยอมลดราวาศอก เขาต้องการรุกคืบเอาชนะพระเยซูบ้าง? จึงตั้งคำถามว่า “แล้วใครคือเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?”
พระเยซูไม่ตอบโต้นักชำนาญการธรรมบัญญัติคนนั้นด้วยการใช้ตรรกะที่เขาชำนาญ แต่พระเยซูคริสต์กลับเล่าเรื่องราวของชายสะมาเรียคนหนึ่งแทน ทั้งนี้เพื่อชาวบ้านสามัญชนจะเข้าใจและเข้าถึงความหมายอย่างลึกซึ้ง ประเด็นแสนแสบในเรื่องนี้คือ
- คนที่รักเพื่อนบ้านของตนในเรื่องคือ ศัตรูคู่อาฆาตที่พวกยิวดูหมิ่น...คนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย
- คนที่เป็น “เพื่อนบ้าน” ที่ต้องการความช่วยเหลือ กลับเป็นคนยิว
- แสบกว่านั้น คนยิวด้วยกันเองที่มีตำแหน่งสูงทางศาสนา ที่รู้ว่าควรจะมีชีวิตตามธรรมบัญญัติอย่างไร ทั้งปุโรหิต และ เลวี กลับหลบเลี่ยง ข้ามฟากไปเดินเสียอีกฟากหนึ่งของถนน
เรื่องอุปมานี้กลับมาตอกย้ำซ้ำเติมลงที่แผลเดิมในชีวิตคือ รู้แต่ไม่ยอมทำ!
แต่ที่น่าเจ็บแสบกว่านี้คือ
คนที่เขาเกลียดเหยียดหยามคือชายสะมาเรียกลับเป็นคนที่ “รักเพื่อนบ้าน” เขารักคนยิวคนนั้นที่ถูกปล้นและถูกทำร้ายจนปางตายด้วยการลงมือกระทำ ด้วยการช่วยจากสิ่งที่เขามีในเวลานั้น
- เข้าไปหาคนนั้น
- เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผล
- เอาผ้ามาพันให้
- แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเอง (ส่วนตนเองกลับลงมาจูงลาที่เป็นพาหนะของตน)
- พามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาล
- เอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม และ ขอช่วยดูแลคนยิวที่ถูกโจรปล้น
- กลับมาติดตามดูแลรับผิดชอบจนถึงที่สุด
ขอตั้งข้อสังเกตว่า ชายสะมาเรียที่รักเพื่อนบ้านที่เป็นยิว เป็นการ “รักเพื่อนบ้าน” ในชีวิตประจำวัน ในเวลาที่กำลังทำกิจธุระ/อาชีพในแต่ละวัน
ไม่ใช่รักเพื่อนบ้านด้วยการทำโครงการการประกาศฯ ไม่ใช่รักเพื่อนบ้านเพราะเราได้รับการสนับสนุนทุนจากแหล่งทุน ชายสะมาเรียเขาใช้ทรัพยากรที่เขามีในการช่วยเหลือเพื่อนบ้านชาวยิวที่ปางตายคนนั้น และ ที่สำคัญประการหนึ่งคือ การรักเพื่อนบ้านคือการรับใช้เพื่อนบ้าน ในเรื่องนี้ชายสะมาเรียยอมลงจากหลังลาของตนเอง แล้วให้ชายยิวนั่งบนหลังลา และตนจูงลานั้นเข้าเมืองจนถึงโรงแรม
เขารักเพื่อนบ้านชาวยิวคนนี้ด้วยการยอมถ่อมรับใช้ชาวยิวที่ปางตาย
ประการสุดท้าย การรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เริ่มต้นที่มีใจเมตตา เริ่มจากการเกิดใจสงสาร (ข้อ 33, 37) ทำให้ระลึกถึงคำสอนของพระคริสต์ที่ว่า “พวกท่านจงเป็นคนดีพร้อม
เหมือนอย่างที่พระบิดาของท่าน ผู้สถิตในสวรรค์ทรงดีพร้อม (ข้อ 48)...ที่ทรงให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องสว่างแก่คนดีและคนชั่วเสมอกัน
และให้ฝนตกแก่คนชอบธรรมและคนอธรรม” (ข้อ 45)
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”
พระคริสต์ตรัสกับเราแต่ละคนว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น” ในวันนี้ ท่ามกลางงานชีวิตประจำวัน และด้วยสิ่งที่ท่านมีอยู่ ด้วยใจเมตตา
และนี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตนิรันดร์
ด้วยชีวิตที่รักพระเจ้าทั้งชีวิต และ รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น