27 มิถุนายน 2559

ทำงานด้วยความเข้าอกเข้าใจคนอื่น!

เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่าน   ผมได้รู้จักองค์กรหนึ่งเป็นอย่างดี   เป็นที่รู้กันในองค์กรนั้นว่า  ลัดดา(นามสมมติ) เป็น นักการเงินการบัญชีตัวยงหาตัวเปรียบยาก   แต่เธอกลับอ่อนด้อยในทักษะด้านความสัมพันธ์กับผู้คน   และในเวลาเดียวกันก็ไม่เห็นทางที่เธอจะได้รับการเลื่อนขั้นหน้าที่ตำแหน่งการงานในระดับที่สูงขึ้นได้

หลายคนที่ไต่เต้าถึงตำแหน่งระดับหนึ่งจากความสามารถทักษะเฉพาะด้านที่เขามีอยู่อย่างเยี่ยมยอด   แต่เพราะขาดการพัฒนาทักษะความสัมพันธ์กับคนทำงานในทีม   ทำให้ทำงานร่วมกับคนอื่นด้วยความยากลำบาก   ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะเธอมีท่าทีที่ไม่สนใจความรู้สึกของทีมงาน   เธอทำงานแบบ “หัวสี่เหลี่ยม” ตามหลักการความรู้และกรอบงานที่เธอรับผิดชอบเป็นมาตรฐานในการทำงานทุกด้าน และ ในความสัมพันธ์กับผู้คน   เธอจะเรียกร้องให้ทุกคนต้องเตรียมหลักฐานเอกสารครบถ้วนตามหลักการของเธอ   เธอดูเหมือนว่าไม่เคยฟังคนอื่นอย่างตั้งใจและใส่ใจ   เธอขาดความอดกลั้น  ไม่อดทน  ไม่ผ่อนปรน ซึ่งรวมถึงในวิธีการทำงานด้วย

ท่านมีเพื่อนร่วมงานในลักษณะนี้ไหม?   หรือท่านอาจจะมีลักษณะอย่างลัดดาก็ได้นะ?

คนทำงานที่อ่อนด้อยทักษะการสัมพันธ์กับผู้คนมักจะต้องพบกับความขัดแย้งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น   และนี่สร้างความอ่อนล้าระอาใจ และ ความเครียดสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง   และยังสามารถที่จะทำลายให้แผนงานที่วางไว้อย่างดีต้องเสียหาย ล้มเหลวได้

เป็นที่แน่ชัดว่า  เราท่านอาจจะมั่นใจว่า  เราสามารถพัฒนาเทคนิค ทักษะ การทำงานใหม่ ๆ  และ เสริมเพิ่มความรู้ผ่านการฝึกอบรมและประสบการณ์งาน    แต่ในเวลาเดียวกัน ความจริงประการหนึ่งคือ  “คุณเป็นอย่างที่คุณเป็น”  ในด้านเกี่ยวกับทักษะความสัมพันธ์กับผู้คน   แล้วเราจะทำอย่างไรในเรื่องนี้ล่ะ?

จริงยิ่งกว่าจริง   จุดเริ่มพัฒนาทักษะความสัมพันธ์กับผู้คนที่น่าจะดีที่สุดคือ  การพัฒนาความสามารถที่จะ “ความเข้าอกเข้าใจ” คนอื่น

การเข้าอกเข้าใจนั้นเป็นอย่างไร?

การเข้าอกเข้าใจคือ  การที่เรารู้จักเท่าทันถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น   และสามารถที่จะ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา”  กล่าวคือเข้าใจถึงมุมมองของคนอื่น  บริบท  หรือสถานการณ์จริงในชีวิตที่เขากำลังเผชิญอยู่

การที่เราจะมีความเข้าอกเข้าใจคนอื่น   แน่นอนครับ เราต้องคิดมากกว่าที่คิดถึงตนเอง และ คิดแต่สิ่งที่เราสนใจเท่านั้น   เมื่อเราสามารถที่จะมองกว้างและไกลกว่า “โลกของตนเอง” เราก็จะพบความจริงว่า ยังมีความจริงของโลกที่มากกว่า กว้างกว่า ซับซ้อนกว่าโลกของเราเอง  แล้วเราอาจจะทึ่งว่าเขาจะจัดการอย่างไรกับสิ่งเหล่านั้นในชีวิตของเขา

คนที่ถูกตีตรากล่าวหาว่า  เป็นคนที่สนใจแต่ตนเอง เป็นคนเห็นแก่ตัว  มักเป็นคนที่ขาดมุมมองที่เป็นภาพใหญ่ของชีวิตและเหตุการณ์ของผู้คนที่ตนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย   เขามองและใส่ใจที่ตนเองเท่านั้น  ทั้ง ๆ ที่เขาจะต้องมีชีวิตและปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างที่แตกต่างจากเขามากมายหลายคน

ถ้าเราถูกเรียก ถูกตั้งฉายา หรือ ถูกกล่าวถึงว่าเป็นคนที่มีลักษณะอย่างที่กล่าวข้างต้น  อาจจะเป็นโอกาสที่เราจะต้องเตือนตนเองว่า  เรายังต้องอยู่และทำงานกับผู้คนมากมาย  และเราไม่สามารถที่จะหลบลี้หนีซ่อนจากผลกระทบที่มาจากคนเหล่านั้นที่มีต่อตัวเราเองแน่    และมากยิ่งกว่าเพียงการยอมรับความจริงสิ่งเหล่านี้เท่านั้น  แต่เรายังต้องเสริมสร้างสัมพันธภาพ และ เข้าอกเข้าใจคนล้อมรอบที่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์   แทนที่จะยืนหยัดบนจุดยืนของตนแต่เพียงคนเดียว

ใช้ความเข้าอกเข้าใจคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพ
การเริ่มใช้ความเข้าอกเข้าใจอย่างมีประสิทธิภาพสูง  ให้เราพิจารณาประเด็นต่อไปนี้

1. “ละแล้ววาง” มุมมองทัศนคติของท่านเองลงก่อน   แล้วพยายามมองสิ่งต่าง ๆ จากมุมมอง แง่มุม หรือ ทัศนคติของคนอื่นบ้าง
ถ้าเราทำเช่นนี้   เราจะรู้และสำนึกว่า คนอื่นไม่ได้เป็นคนเลวร้าย  ไม่ดี  งี่เง่า  หรือ เป็นคนที่ไร้เหตุผล   สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงปฏิกิริยาที่เขาตอบโต้ต่อสถานการณ์นั้น ๆ ตามข้อมูล ความรู้ และสถานการณ์ที่เขารับรู้เท่านั้น

2. เห็นความมีเหตุมีผลในมุมมอง หรือ การรับรู้ของคนอื่น
เมื่อเรา “เข้าอกเข้าใจ” ถึงความเชื่อของคนอื่นว่า ทำไมเขาถึงเชื่อถึงคิดเช่นนั้น  ทำให้เรารับรู้ เรายอมรับ   ในที่นี้เราต้องชัดเจนว่า  “การรับรู้และการยอมรับ”  ไม่ได้หมายความว่า “เราเห็นด้วย”   เราสามารถยอมรับความเห็นต่างของเพื่อนร่วมงานคนนั้นว่าแตกต่างจากความคิดเห็นของเรา   และเขาคงมีเหตุผลที่ดีที่เขามีความคิดความเห็นเช่นนั้น

3. ตรวจสอบ รู้เท่าทันทัศนะมุมมองของตนเอง
เรายังต้องการดำเนินไปตามเส้นทางความเข้าใจของตนเอง  เรายังต้องการเป็นฝ่ายชนะ  หรือ เรายังต้องการเป็นผู้ที่ถูกต้องหรือไม่?   หรือ สิ่งสำคัญประการแรก เราต้องการทางออก  เสริมสร้างความสัมพันธ์  และการยอมรับคนอื่นใช่ไหม?   ถ้าเราไม่ยอมเปิดจิตใจ ความคิด และมุมองทัศนคติของเรา   เราอาจจะไม่มีพื้นที่ว่างในชีวิต/อารมณ์/ความรู้สึก พอสำหรับการเข้าอกเข้าใจคนอื่น

4. ฟังอย่างใส่ใจ
ตั้งใจฟังถึงเนื้อหา/เรื่องราว/ความรู้สึก ที่คนรอบข้างพยายามจะสื่อสารกับเรา
©       ฟังด้วยหู:  เขาคนนั้นกำลังพูดอะไรนะ?   ด้วยน้ำเสียงแบบไหน?
©       ฟังด้วยตา:  เขาคนนั้นกำลังมีท่าที หรือ ทำอะไรในขณะที่กำลังพูด?
©       ฟังด้วยสัญชาตญาณ:  เรารู้สึกหรือไม่ว่า เขาคนนั้นกำลังสื่อสารในสิ่งที่เป็นสาระหรือเรื่องที่สำคัญหรือไม่?
©       ฟังด้วยใจ:  เราคิดว่าคน ๆ อื่นกำลังรู้สึกอย่างไร?

5. ถามถึงสิ่งที่คน ๆ นั้นจะทำ
เมื่อยังสงสัย ให้เราขอเขาอธิบายถึงหลักคิดจุดยืนของเขาในเรื่องนั้น   วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีธรรมดา และ ตรงไปตรงมาที่สุดที่จะช่วยให้เราเข้าอกเข้าใจคนอื่น   แต่กลับเป็นวิธีการที่จะพัฒนาความเข้าอกเข้าใจได้น้อยที่สุด  ดังนั้น  การถาม หรือ ขอเขาช่วยอธิบายเป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้เราเข้าใจเพื่อนร่วมทีมคนนั้นได้อย่างดี

อาจจะเป็นการดีถ้าเราจะถามถึงสิ่งที่คนนั้นต้องการ  แต่เราจะไม่ได้คำตอบหรือคำอธิบายที่มากกว่าคำตอบถึงสิ่งที่เขาต้องการ   เราจะไม่ได้ข้อมูลที่จะนำมาพิจารณาไตร่ตรอง   แต่การถามถึงความคิด  ความรู้สึกของเขาในความต้องการ หรือ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวด้วยจะช่วยให้เรามีข้อมูลที่จะใช้ไตร่ตรองถึงความต้องการด้วยความลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น  หัวหน้าคนหนึ่งเอาคูปองแลกไก่ย่าง 5 ดาวแจกให้กับลูกน้องในทีม   สำหรับวันขึ้นปีใหม่   เพราะหัวหน้ารู้ว่าทีมงานหนุ่มสาวของเขาไม่ได้ทำอาหารรับประทานเอง   นี่เป็นความคิดของหัวหน้าว่าเป็นการให้ของขวัญปีใหม่ที่จะเป็นประโยชน์และเข้าท่าที่สุด...   แต่นี่ไม่ใช่ความคิดของลูกน้อง (แต่ถ้าต้องการรู้ความคิดลูกน้องเขาต้องถาม)

การที่เราใช้ทักษะที่มีปฏิสัมพันธ์บ่อย ๆ หรือเป็นประจำกับคนอื่น   เราจะค่อย ๆ สร้างความใส่ใจต่อผู้อื่นให้เกิดขึ้นในตัวเรามากขึ้น  และสามารถเข้าถึงคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น  ทั้งนี้เพราะเราเสริมเพิ่มความสนใจของเราในคนอื่นว่า เขาคนนั้นมีความรู้สึก และมีประสบการณ์ชีวิตเช่นไรบ้าง  

นี่เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่เราเต็มใจและตั้งใจที่จะมองโลกจากมุมมองที่หลากหลายของผู้คนต่าง ๆ ที่เราเกี่ยวข้องด้วย   และเป็นของขวัญชีวิตที่เราสามารถใช้ในทุกเวลา และ ในทุกสถานการณ์

ประเด็นที่น่าสนใจในการสนทนาอย่างเข้าอกเข้าใจ
©       มิเพียงสนใจแต่เรื่องที่เขาพูด   แต่ให้ใส่ใจในท่าทาง (ภาษากาย) และ สิ่งที่อยู่ในใจ  ในสิ่งที่สื่อสาร หรือ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
©       ฟังอย่างใส่ด้วยความระมัดระวัง  และบันทึกสิ่งที่เป็นคำ หรือ ประโยคสำคัญที่เขาพูด
©       กระตุ้นให้สนทนาในประเด็นหลัก/สำคัญของการสนทนาในครั้งนั้น
©       ให้เรายืดหยุ่น   เตรีมพร้อมที่อาจจะต้องเปลี่ยนไปตามแนวทาง/ทิศทางในการสนทนาตามความคิดและความรู้สึกของผู้ที่เราสนทนาด้วย
©       แสวงหาโอกาสที่จะไปสู่เป้าหมาย

หลักคิด
การพัฒนาความเข้าอกเข้าใจ เป็นความพยายามที่สำคัญยิ่งในการที่เราจะพัฒนาทักษะความสัมพันธ์กับผู้คน   เมื่อเราเข้าอกเข้าใจคนอื่น  ก็เป็นโอกาสที่คนอื่นต้องการที่จะเข้าใจในตัวเรา   และนี่คือจุดที่เราสามารถเริ่มต้นสร้างความร่วมไม้ร่วมมือ และ การทำงานอย่างเป็นทีมที่เหนียวแน่นขึ้น

เรียบเรียงจาก  MindTools.com

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น