11 กรกฎาคม 2559

ทุกวันนี้...คริสตชนทำงานไปทำไม?

เราก็เป็นเหมือนคริสตชนอื่น ๆ ที่เติบโตในสมัยที่เชื่อว่าการทำงานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก   เพราะด้วยการทำงานเราจะได้รับค่าแรงที่จะเลี้ยงตนเองและครอบครัว   และ เงินบางส่วนที่ได้รับจากการทำงานเรายังสามารถใช้สนับสนุนพระราชกิจของพระเจ้าในโลกนี้ที่กระทำผ่านคริสตจักร และ องค์กรคริสตชนต่าง ๆ   และในที่ทำงานยังมีคุณค่าและความสำคัญเพราะเป็นที่ที่เอื้อให้เราแต่ละคนที่จะแบ่งปันความเชื่อของเรากับเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานนั้น   ดังนั้น  การทำงานมีความสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นทั้งส่วนตัวและครอบครัว   สนับสนุนการทำงานของพระเจ้า และการแบ่งปันความเชื่อศรัทธาแก่ผู้คนในที่ทำงาน

แน่นอนว่า  การทำงานก็เป็นการนมัสการพระเจ้าด้วย   เพราะการทำงานสามารถเป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า  และสร้างความสำคัญต่องานของพระเจ้าบนโลกใบนี้   แต่การทำงานมิใช่เป็นการนมัสการพระเจ้าเท่านั้น   แต่อาจจะเกิดสิ่งที่ตรงกันข้ามก็ได้  กล่าวคือการทำงานบางอย่างเป็นการไม่ให้เกียรติแด่พระเจ้า  ทำร้ายทำลายงานของพระเจ้าบนโลกนี้ก็ได้

เมื่อ 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา   คริสตชนหลายคนเริ่มเข้าใจว่าการทำงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต   มิเพียงเพราะเป็นที่มาของรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวเท่านั้น   แต่โดยเนื้อแท้ในตัวงานของมันเองมีสิ่งดี และ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วย   เพราะด้วยการทำงานของเรา เราสามารถรับใช้ผู้คน   ด้วยการทำงานของเรา เราสามารถฟื้นฟูสภาพโลกใบนี้   ด้วยการทำงานของเรา เราได้ค้นพบคุณค่าและความหมายในชีวิตของเรา   และผ่านการทำงานเราสามารถนมัสการยกย่องสรรเสริญพระองค์   และถ้าเราพิจารณาจากพระคัมภีร์  เราพบว่า การทำงานเป็นแกนกลางแห่งพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา   ด้วยการทำงานเราสามารถที่ยกย่องถวายเกียรติแด่พระเจ้า และ ร่วมในพระราชกิจของพระองค์ที่ทรงกระทำในโลกนี้   และสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ที่ทรงเรียกให้เรากระทำ ที่สามารถกระทำมากกว่าที่ตัวคริสตจักรเองกระทำ และนี่คือ “การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้า”

ถ้าคริสตชนมีมุมมอง ทัศนคติ และ รากฐานความเชื่อที่ว่า   การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้าแล้ว   รากฐานดังกล่าวนี้จะเป็นตัวที่แปรเปลี่ยนงานที่เราทำในแต่ละวัน   และในเวลาเดียวกันก็จะเปลี่ยนชีวิตของคนทำงานทั่วทั้งโลกได้   รากฐานความเชื่อที่ว่า “การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้า” มีพลังมหาศาลที่จะเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่   ปรับเปลี่ยนชีวิตและความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ในที่ทำงานของเรา   และยังเป็นการสร้างโลกของเราขึ้นใหม่อีกด้วย

แต่บ่อยครั้งที่การทำงานของเราไม่ได้เป็นการนมัสการพระเจ้าเลย   ผมเชื่อแน่ว่า การทำงานของเราแต่ละวันสามารถที่จะเป็นการทำงานที่นมัสการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า   และส่งผลสำคัญต่องานของพระเจ้าบนโลกใบนี้   แต่การทำงานก็สามารถที่กลับกลายเป็นอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นกัน   การทำงานบางครั้งบางอย่างก็เป็นการทำลายทำร้ายงานของพระเจ้าในสังคมโลกนี้   ตัวอย่างเช่น การงานที่เกี่ยวข้องกับการทำอาวุธสงครามเพื่อประหัตถ์ประหารกัน   การผลิตระเบิดเพื่อทำลายล้างผู้คน ๆ ละฝ่ายกับตน   การไปสอนผู้คนในพื้นที่ในการที่จะใช้อาวุธเพื่อสามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงกันข้ามของตน   โดยบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อสอนชาวบ้านป้องกันตนเอง   กระทำในนามของโลกประชาธิปไตยที่ขัดขวางการขยายพื้นที่ของศัตรูตน   และที่แย่กว่านั้น เขาบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อสร้างสันติภาพและสันติสุขในสังคมโลก

การทำงานที่ทำลาย หรือ ทำร้ายชีวิตผู้คนเท่านั้น  ที่เป็นการทำงานที่ไม่เป็นการนมัสการพระเจ้าหรือ?   ถ้าไม่ทำร้ายทำลายชีวิตก็เป็นงานที่นมัสการพระเจ้าเช่นนั้นหรือ?   แต่เรื่องนี้มีรายละเอียดมากกว่านั้น   โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควันดำควันพิษ   เกษตรกรรมแบบใช้เคมีที่ทำร้ายทำลายแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสร้าง  ทำลายสายน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนเกิดการปนเปื้อนสารเคมี  ทำลายชีวิตผู้ดื่มบริโภค   และยังรวมไปถึงการผลิตพืชผักผลไม้ทางการเกษตรที่มีสารปนเปื้อนที่สามารถเป็นอันตรายทำร้ายทำลายชีวิตผู้บริโภคได้

การเอารัดเอาเปรียบในเชิงการค้า   การทุจริตฉ้อฉลในวงราชการ และ การเมือง   การใช้การเมืองเพื่อสร้างผลประโยชน์เชิงอำนาจ  เงินทอง  และทรัพย์สินล่ะ  การทำงานเหล่านี้มีสิ่งแอบแฝงข้างหลังเป็นการนมัสการพระเจ้าด้วยหรือ?   สิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาคือ   การกระทำเช่นที่กล่าวข้างต้นเขาไม่ได้กระทำเพื่อรับใช้พระเจ้า   แต่เขากระทำเพื่อรับใช้ตนเองและพวกพ้อง

แท้จริงแล้ว คริสตชนดำเนินชีวิต และ ทำงานประจำวันก็เพื่อที่จะเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า   เราปรารถนาที่จะเห็นธุรกิจ  การขับเคลื่อนองค์กรคริสเตียน  เป็นการนมัสการพระเจ้าจากผู้กระทำ   และเป็นการนมัสการพระเจ้าในทุก ๆ อย่างที่เรากระทำในชีวิตรวมถึงการงานที่เราทำด้วย   คริสตชนจำนวนมากในปัจจุบันไม่ต้องการมีชีวิตที่แบ่งแยกชีวิตประจำวัน  การทำงานอาชีพออกจากการเชื่อศรัทธาและนมัสการพระเจ้า   ไม่ต้องการแยกชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณออกจากชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง หรือ ฝ่ายโลก   เราต้องการดำเนินชีวิตทั้งชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวที่ทั้งชีวิตขับเคลื่อนสอดคล้องและสอดรับกันและกัน   เราต้องการให้ทั้งชีวิตของเราเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า  มิใช่เพียงแต่ชีวิตจิตวิญญาณที่นมัสการพระเจ้าในคริสตจักร หรือ ในชีวิตเฝ้าเดี่ยวเท่านั้น    แต่เราต้องการมีชีวิตที่นมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยทั้งชีวิตทุกมิติชีวิตของเรา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น