เราก็เป็นเหมือนคริสตชนอื่น ๆ ที่เติบโตในสมัยที่เชื่อว่าการทำงานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก
เพราะด้วยการทำงานเราจะได้รับค่าแรงที่จะเลี้ยงตนเองและครอบครัว และ เงินบางส่วนที่ได้รับจากการทำงานเรายังสามารถใช้สนับสนุนพระราชกิจของพระเจ้าในโลกนี้ที่กระทำผ่านคริสตจักร
และ องค์กรคริสตชนต่าง ๆ
และในที่ทำงานยังมีคุณค่าและความสำคัญเพราะเป็นที่ที่เอื้อให้เราแต่ละคนที่จะแบ่งปันความเชื่อของเรากับเพื่อนร่วมงานในที่ทำงานนั้น
ดังนั้น
การทำงานมีความสำคัญเพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นทั้งส่วนตัวและครอบครัว สนับสนุนการทำงานของพระเจ้า และการแบ่งปันความเชื่อศรัทธาแก่ผู้คนในที่ทำงาน
แน่นอนว่า
การทำงานก็เป็นการนมัสการพระเจ้าด้วย
เพราะการทำงานสามารถเป็นการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า และสร้างความสำคัญต่องานของพระเจ้าบนโลกใบนี้
แต่การทำงานมิใช่เป็นการนมัสการพระเจ้าเท่านั้น แต่อาจจะเกิดสิ่งที่ตรงกันข้ามก็ได้ กล่าวคือการทำงานบางอย่างเป็นการไม่ให้เกียรติแด่พระเจ้า ทำร้ายทำลายงานของพระเจ้าบนโลกนี้ก็ได้
เมื่อ 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา คริสตชนหลายคนเริ่มเข้าใจว่าการทำงานเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต มิเพียงเพราะเป็นที่มาของรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวเท่านั้น แต่โดยเนื้อแท้ในตัวงานของมันเองมีสิ่งดี และ
เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับพระประสงค์ของพระเจ้าด้วย
เพราะด้วยการทำงานของเรา เราสามารถรับใช้ผู้คน ด้วยการทำงานของเรา
เราสามารถฟื้นฟูสภาพโลกใบนี้
ด้วยการทำงานของเรา เราได้ค้นพบคุณค่าและความหมายในชีวิตของเรา
และผ่านการทำงานเราสามารถนมัสการยกย่องสรรเสริญพระองค์ และถ้าเราพิจารณาจากพระคัมภีร์ เราพบว่า การทำงานเป็นแกนกลางแห่งพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา
ด้วยการทำงานเราสามารถที่ยกย่องถวายเกียรติแด่พระเจ้า และ
ร่วมในพระราชกิจของพระองค์ที่ทรงกระทำในโลกนี้
และสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ที่ทรงเรียกให้เรากระทำ ที่สามารถกระทำมากกว่าที่ตัวคริสตจักรเองกระทำ
และนี่คือ “การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้า”
ถ้าคริสตชนมีมุมมอง ทัศนคติ และ
รากฐานความเชื่อที่ว่า
การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้าแล้ว
รากฐานดังกล่าวนี้จะเป็นตัวที่แปรเปลี่ยนงานที่เราทำในแต่ละวัน
และในเวลาเดียวกันก็จะเปลี่ยนชีวิตของคนทำงานทั่วทั้งโลกได้ รากฐานความเชื่อที่ว่า
“การทำงานเป็นการนมัสการพระเจ้า”
มีพลังมหาศาลที่จะเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่
ปรับเปลี่ยนชีวิตและความสัมพันธ์ขึ้นใหม่ในที่ทำงานของเรา และยังเป็นการสร้างโลกของเราขึ้นใหม่อีกด้วย
แต่บ่อยครั้งที่การทำงานของเราไม่ได้เป็นการนมัสการพระเจ้าเลย ผมเชื่อแน่ว่า
การทำงานของเราแต่ละวันสามารถที่จะเป็นการทำงานที่นมัสการยกย่องสรรเสริญพระเจ้า และส่งผลสำคัญต่องานของพระเจ้าบนโลกใบนี้
แต่การทำงานก็สามารถที่กลับกลายเป็นอย่างอื่นไปได้ด้วยเช่นกัน
การทำงานบางครั้งบางอย่างก็เป็นการทำลายทำร้ายงานของพระเจ้าในสังคมโลกนี้ ตัวอย่างเช่น การงานที่เกี่ยวข้องกับการทำอาวุธสงครามเพื่อประหัตถ์ประหารกัน การผลิตระเบิดเพื่อทำลายล้างผู้คน ๆ ละฝ่ายกับตน
การไปสอนผู้คนในพื้นที่ในการที่จะใช้อาวุธเพื่อสามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงกันข้ามของตน โดยบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อสอนชาวบ้านป้องกันตนเอง
กระทำในนามของโลกประชาธิปไตยที่ขัดขวางการขยายพื้นที่ของศัตรูตน และที่แย่กว่านั้น
เขาบอกว่าเป็นการกระทำเพื่อสร้างสันติภาพและสันติสุขในสังคมโลก
การทำงานที่ทำลาย หรือ
ทำร้ายชีวิตผู้คนเท่านั้น
ที่เป็นการทำงานที่ไม่เป็นการนมัสการพระเจ้าหรือ?
ถ้าไม่ทำร้ายทำลายชีวิตก็เป็นงานที่นมัสการพระเจ้าเช่นนั้นหรือ? แต่เรื่องนี้มีรายละเอียดมากกว่านั้น โรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยควันดำควันพิษ เกษตรกรรมแบบใช้เคมีที่ทำร้ายทำลายแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสร้าง ทำลายสายน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนเกิดการปนเปื้อนสารเคมี ทำลายชีวิตผู้ดื่มบริโภค และยังรวมไปถึงการผลิตพืชผักผลไม้ทางการเกษตรที่มีสารปนเปื้อนที่สามารถเป็นอันตรายทำร้ายทำลายชีวิตผู้บริโภคได้
การเอารัดเอาเปรียบในเชิงการค้า การทุจริตฉ้อฉลในวงราชการ และ การเมือง การใช้การเมืองเพื่อสร้างผลประโยชน์เชิงอำนาจ เงินทอง
และทรัพย์สินล่ะ การทำงานเหล่านี้มีสิ่งแอบแฝงข้างหลังเป็นการนมัสการพระเจ้าด้วยหรือ? สิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาคือ การกระทำเช่นที่กล่าวข้างต้นเขาไม่ได้กระทำเพื่อรับใช้พระเจ้า แต่เขากระทำเพื่อรับใช้ตนเองและพวกพ้อง
แท้จริงแล้ว คริสตชนดำเนินชีวิต และ
ทำงานประจำวันก็เพื่อที่จะเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า เราปรารถนาที่จะเห็นธุรกิจ การขับเคลื่อนองค์กรคริสเตียน เป็นการนมัสการพระเจ้าจากผู้กระทำ และเป็นการนมัสการพระเจ้าในทุก ๆ อย่างที่เรากระทำในชีวิตรวมถึงการงานที่เราทำด้วย คริสตชนจำนวนมากในปัจจุบันไม่ต้องการมีชีวิตที่แบ่งแยกชีวิตประจำวัน
การทำงานอาชีพออกจากการเชื่อศรัทธาและนมัสการพระเจ้า
ไม่ต้องการแยกชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณออกจากชีวิตฝ่ายเนื้อหนัง หรือ ฝ่ายโลก
เราต้องการดำเนินชีวิตทั้งชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวที่ทั้งชีวิตขับเคลื่อนสอดคล้องและสอดรับกันและกัน
เราต้องการให้ทั้งชีวิตของเราเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
มิใช่เพียงแต่ชีวิตจิตวิญญาณที่นมัสการพระเจ้าในคริสตจักร หรือ
ในชีวิตเฝ้าเดี่ยวเท่านั้น
แต่เราต้องการมีชีวิตที่นมัสการพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยทั้งชีวิตทุกมิติชีวิตของเรา
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น