เมื่อประมาณสองเดือนก่อนได้พบกับเพื่อนต่างชาติคนหนึ่ง
เพื่อนคนนี้ชอบดื่มไวน์อย่างมากเหมือนกับที่ผมชอบดื่มกาแฟครับ
เมื่อพบหน้ากันเขาจะพูดถึงเรื่องไวน์ชั้นเยี่ยมที่เขานิยมชมชอบ ครั้งนี้ เขานำภาพสวนองุ่นมาให้ผมดูด้วย และเขาบอกว่า
นี่เป็นสวนองุ่นที่ใช้ทำไวน์ที่มีชื่อเสียงมากในอิตาลี (เขาบอกชื่อเมืองนั้น แต่ขอโทษครับผมจำไม่ได้)
ผมสังเกตเห็นว่า สวนองุ่นในภาพนั้นมันอัดแน่นด้วยต้นองุ่นเรียกว่าต้นชนต้นกันเลยทีเดียว ผมจึงถามเขาว่าทำไมเขาปลูกต้นองุ่นติดแน่นกันเช่นนั้น เขาเล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกเขาก็สงสัยเช่นกัน จึงได้ถามเจ้าของสวนองุ่นที่นั่นว่า ทำไมเขาถึงปลูกชิดกันและหนาแน่นถึงขนาดนี้?
เจ้าของสวนองุ่นอธิบายว่า เพราะมีต้นองุ่นอัดแน่นในสวนเช่นนี้ ทำให้ต้นองุ่นต้องแข่งกันแย่งหาสารอาหารที่ดีและน้ำที่เพียงพอไปเลี้ยงต้นองุ่น
ทำให้องุ่นแต่ละต้นต้องแตกรากหยั่งลึกลงแข่งหาอาหารให้ได้มากที่สุด เพื่อไปเลี้ยงลำต้น ให้เกิดดอกออกผล
เจ้าของสวนองุ่นยังบอกอีกว่าต้นองุ่นที่ขยันหยั่งรากและแข่งขันแย่งอาหารกับองุ่นต้นอื่น
ๆ จะให้ผลองุ่นที่มีรสชาติเยี่ยมยอดสำหรับการนำมาหมักเป็นไวน์เปี่ยมคุณภาพ
แล้วเจ้าของสวนองุ่นสรุปด้วยประโยคเด็ดว่า
“คุณภาพของไวน์ขึ้นอยู่กับการทรหดทนทุกข์ของต้นองุ่น”
ทำให้คิดถึงสังคมในที่ทำงานของเราในทุกวันนี้ ที่ “อัดแน่น”
ด้วยคนทำงานที่ที่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น
มีทั้งที่ทำงานด้วยความตั้งใจ ทำงานให้เกิดผล
ทั้งที่เอารัดเอาเปรียบกินแรงเพื่อนร่วมงาน แย่งชิงผลงานแต่ไม่ลงแรง
อีกทั้งคนที่ทำงานที่พยายามแผ่อิทธิพลครอบงำการทำงานของคนอื่นเพื่อไม่ให้คนอื่นประสบความสำเร็จเหนือกว่าตน และอีกจิปาถะในเล่ห์เหลี่ยม กลโกง
เพื่อสร้างประโยชน์แก่ตนเอง
เมื่อเจอสถานการณ์การทำงานแบบนี้ เราท่านต่างมี 3
ทางเลือกคือ
หาทางย้ายที่ทำงานไปที่ที่คิดว่ามีสภาพที่ทำงานที่ดีกว่านี้ มองสถานการณ์ในแง่ติดลบ
ด้วยความหดหู่ท้อแท้ใจในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ดังกล่าว
หรือมองสถานการณ์ดังกล่าวด้วยสายตาที่สร้างสรรค์เป็นบวก กล่าวคือมองว่า
เป็นโอกาสที่ตนจะต้องเสริมสร้างสมรรถนะและความแกร่งในการทำงาน
เสริมสร้างคุณภาพในภาวะผู้นำท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายทุกข์ยากลำบาก
สำหรับคริสตชนแล้ว เรามองว่าเป็นเวลาที่เราจะแผ่รากออกกว้าง
หยั่งรากลงลึกเพื่อหาสารอาหารและน้ำที่จะมาเป็นน้ำเลี้ยงชั้นเยี่ยมในการเสริมสร้างลำต้น
กิ่งก้าน ใบดอก และ
ในที่สุดให้ผลที่คุณภาพยอดเยี่ยม
อย่างเช่นต้นองุ่นที่ตกอยู่ในภาวะที่ต้องแข่งขันแย่งชิงเพื่อให้ผลองุ่นชั้นเยี่ยมที่นำไปผลิตไวน์ชั้นยอดสำหรับผู้บริโภค
เปาโลมอง สถานการณ์ที่บีบคั้น แสนเข็ญ
ตีบตันว่า เป็นโอกาสที่เสริมสร้างคุณภาพภาวะผู้นำชั้นเยี่ยมไว้ว่า “ยิ่งกว่านั้น
เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความอดทน และความอดทนทำให้เห็นว่า เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้
และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ” (โรม 5:3-4 มตฐ.)
เราท่านคงไม่ปฏิเสธว่า ในเวลาที่คับขัน ตีบตัน บีบคั้น
ทุกข์ยากลำบาก
เป็นเวลาที่เราแสวงหาการทรงช่วยจากพระเจ้า เป็นเวลาที่เราติดสนิทกับพระองค์
เป็นเวลาที่เราจะดูดซับเอาพระวจนะและน้ำพระทัยที่เป็นอาหารแห่งชีวิต ที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตของเราให้เติบโต
เข้มแข็ง
และพร้อมที่จะออกผลที่เยี่ยมยอดในเวลาอันควร
ในเวลาที่สถานการณ์ที่อาจจะดูเหมือนว่า
ไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตและเกิดผลในชีวิต
กลับเป็นเวลาที่พระเจ้าใช้เสริมสร้างเราให้เป็นคนที่พระองค์ใช้ได้ ให้เป็นคนที่มีภาวะผู้นำที่เปี่ยมด้วยคุณภาพที่จะรับผิดชอบงานที่พระองค์ประสงค์ให้เรารับผิดชอบในเวลาอันควร
ในเวลาที่วิกฤติยุ่งยาก หรือ
บางครั้งก็ท้อแท้หมดแรง
เราจะเลือกที่จะหยั่งรากชีวิตลงลึกดูดซับเอาพระวจนะและพระประสงค์ของพระเจ้าที่เป็นน้ำเลี้ยงที่ดีเลิศสำหรับชีวิตของเรา หรือ
เราจะเลือกที่จะหลบซ่อนในมุมมืดของภาวะที่เลวร้ายนั้น รอคอยจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น หรือ
เราจะเลือก “ชิ่ง” หนีหลีกลี้ออกจากสถานการณ์นี้ เพื่อจะมุ่งหน้าแสวงหาโอกาสดี ๆ ที่อาจจะมีอยู่ข้างหน้า?
ทั้งสิ้นนี้ เราต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกครับ?
แต่เราไม่ได้เลือกด้วยความโดดเดี่ยวตัวคนเดียวครับ
พระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างในสถานการณ์ชีวิตที่เราคิดว่าเลวร้ายเสมอครับ พระองค์รอคอยเวลาที่จะทำงานในชีวิตของเรา ขึ้นอยู่กับว่า
เราพร้อมที่จะเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์หรือไม่? นั่นเป็นตัวตัดสินครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น