07 พฤศจิกายน 2553

ทนทุกข์เพื่อพระสิริของพระเจ้า

3ยิ่งกว่านั้น ให้เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน (ความบากบั่น IBS)
4และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้
และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ
5และความหวังใจมิได้ทำให้เกิดความเสียใจเพราะผิดหวัง
เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา
โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว
(โรม 5:-5)

คำถามที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ทั้งจากคนที่มีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า และ ผู้ที่ไม่เชื่อก็คือ “ถ้าพระเจ้าทรงฤทธิ์จริงๆ แล้วทำไมพระองค์ยอมให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนดีๆ?” และก็เป็นความจริงว่า คนดีจริงมักต้องประสบกับความทุกข์ยาก และ เหตุการณ์เลวร้ายในชีวิต!

ยิ่งกว่านั้น เราเห็นอย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าทรงทรงอนุญาตให้ความทุกข์ยากลำบากและเหตุเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิตของคนดี ตัวอย่างเช่นในกรณีของโยบ ซาตานคัดค้านพระเจ้าที่ทรงเห็นว่าโยบเป็นคนดี ซาตานเห็นว่าที่โยบเป็นคนดีเพราะการทรงปกป้องคุ้มครองของพระเจ้าและเพราะความมั่งคั่งที่พระเจ้าทรงอวยพระพร ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เขาคงไม่เป็นคนดีแน่นอน (โยบ 1:8)

แต่ในความทุกข์ยากและเหตุการณ์เลวร้ายของโยบ ถ้าเป็นคนปกติธรรมดาก็จะเลิกเชื่อศรัทธาในพระเจ้า หรือไม่ก็ต่อว่าและสาปแช่งพระเจ้า แต่สำหรับโยบนั้น ในความทุกข์ยากและเกิดเหตุเลวร้ายของชีวิต จุดยืนที่มั่นคงคือการที่เขาแสวงหาความเข้าใจ และ การเรียนรู้จากพระเจ้า ดังนั้น ความทุกข์ยากและเหตุเลวร้ายซึ่งเป็นการทดลองของซาตานไม่สามารถมีชัยเหนือความเชื่อศรัทธาของโยบ แต่โยบกลับมีความแข็งแกร่งในความเชื่อ เกิดความอดทนและความบากบั่น และในความทุกข์ยากลำบากนั้นเสริมสร้างวินัยชีวิตแก่เรา จนชีวิตของเรามีคุณภาพมากขึ้นจนเป็นคนที่พระเจ้าจะทรงใช้ได้ และการที่เป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้นั้นเป็นทั้งความหวังและความชื่นชมยินดีในชีวิตของคนๆ นั้น

สำหรับเปาโล ท่านมีประสบการณ์ว่า ในความทุกข์ยากและเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิต เป็นการที่พระเจ้าทรงแก้ไขเปลี่ยนแปลงการที่ท่านชอบยกตัวเอง และทรงเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยใหม่ให้ท่านเป็นคนที่ถ่อม และเชื่อมั่นในพระคุณของพระเจ้าว่ามีมากเพียงพอสำหรับชีวิตของท่าน และมีมากเพียงพอสำหรับชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากนานาประการ และเปาโลได้เรียนรู้ถึงฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็ตอนที่ท่านตกในที่นั่งลำบาก เมื่อชีวิตของท่านอ่อนแอลง

7และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวจนเกินไป เนื่องจากที่ได้เห็นการสำแดงมากมายนั้น ก็ทรงให้มีหนามใหญ่ในเนื้อของข้าพเจ้า หนามนั้นเป็นทูตของซาตานคอยทุบตีข้าพเจ้าเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป 8เรื่องหนามใหญ่นั้น ข้าพเจ้าวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า 9แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น” เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงภูมิใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า เพื่อฤทธิ์เดชของพระคริสต์จะได้อยู่ในข้าพเจ้า
(2โครินธ์ 12:7-10, TBS1971)

บ่อยครั้งที่ผมมีโอกาสฟังคำพยานชีวิตของคนต่างๆ มักมีรูปแบบการเป็นพยานชีวิตที่คล้ายๆ กันดังนี้ “เมื่อก่อนผมเป็นคนเลว ไม่ดี มีความทุกข์ยาก... พระเจ้าทรงช่วยให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจาก.. และเดี๋ยวนี้ชีวิตของข้าพเจ้าสุขสบาย...” แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใครก็ตามที่ตัดสินใจเดินไปบนเส้นทางชีวิตคริสเตียนที่แท้จริงแล้ว ชีวิตคนๆ นั้นจะต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ทั้งนี้เพราะ เหตุผลหนึ่งคือมารซาตานจะไม่ยอมปล่อยให้คนๆ นั้นกลับใจเดินบนเส้นทางชีวิตคริสเตียนง่ายๆ มันจะต้องฉุดกระชากลากถูอย่างถึงที่สุดที่จะได้ชีวิตคนๆ นั้นกลับคืนไปสวามิภักดิ์อยู่ใต้การครอบครองของมันต่อไป แต่ในเหตุการณ์นั้น พระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของคนๆ นั้นด้วย พระราชกิจของพระองค์มิได้เอาความทุกข์ยากลำบาก หรือ เหตุการณ์เลวร้ายออกจากชีวิตของเขา แต่พระองค์ทรงใช้เหตุการณ์เลวร้ายและความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นสร้างเขาให้มีความเชื่อและความไว้วางใจในพระองค์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเขาจะเติบโตและแข็งแรงขึ้นในการต่อกรกับเหตุร้ายและความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ความทุกข์ยากของชีวิตเราจึงได้เห็นพระคุณของพระเจ้า ที่มิได้ทรงทอดทิ้งเราให้ต้องทนทุกข์ยากลำบากเพียงลำพัง แต่ทรงอยู่ด้วยและใช้ความทุกข์ยากในการสร้างเราให้เป็นคนใหม่ที่แข็งแกร่งและที่พระองค์จะทรงใช้ได้ในอนาคต พระเจ้าทรงปรับเปลี่ยนสิ่งเลวร้ายเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างสิ่งดีในชีวิตของเราแต่ละคน ดังนั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา พระเจ้าทรงสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นเครื่องมือและโอกาสในการเสริมสร้างเราให้เป็นคนที่พระองค์จะทรงใช้ได้ตามพระประสงค์ของพระองค์ และนี่คือพระคุณของพระเจ้าที่ทรงมีในชีวิตของเราแต่ละคน

แต่บ่อยครั้งที่เรามักบ่น ต่อว่า และสงสัยพระเจ้า ว่าทำไมถึงอนุญาตให้เหตุการณ์ที่เลวร้าย และ ความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทั้งๆ ที่เรารักสัตย์ซื่อต่อพระองค์ เรามักไม่ได้มองว่า พระเจ้ากำลังจะประทานพระคุณแก่เราในชีวิตมากยิ่งขึ้น พระองค์กำลังสร้างเราให้เป็นคนที่พระเจ้าใช้ได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เปาโลจึงกระตุ้นให้เราชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ทุกสถานการณ์ (ฟิลิปปี 4:4)

เมื่อคริสเตียนต้องพบกับความทุกข์ยากและเหตุการณ์ที่เลวร้าย โปรดรู้เถิดว่า โอกาสที่เราจะได้ใกล้ชิดและสัมผัสกับความรักและพระคุณของพระองค์กำลังเป็นของเรา
เลิกที่รู้สึกขมขื่นใจ แต่จงชื่นชมยินดี
เลิกที่จะบ่นและต่อว่าพระเจ้า แต่จงขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระคุณอันใหม่สดที่กำลังหลั่งไหลมา
เลิกที่จะหาทางต่อรองหรือหลีกลี้หนีจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้น แต่จงถ่อมใจน้อมรับการทรงนำและการสร้างใหม่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา
เพราะในเหตุการณ์นั้นเราจะได้ยินเสียงตรัสในจิตใจของเราอย่างที่พระเจ้าตรัสกับเปาโลว่า “พระคุณของเรามีเพียงพอสำหรับเจ้า...”(2โครินธ์ 7:8, IBS)

ในวันนี้ เมื่อท่านต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบากและเหตุการณ์ที่เลวร้ายในชีวิต จงสงบใจฟังจนได้ยินพระดำรัสที่มีสำหรับท่านโดยตรงท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านั้น พระองค์จะทรงนำ ทรงจูงแขนในชีวิตของท่าน และที่สำคัญคือท่านจะสนิทใกล้ชิดกับพระองค์มากยิ่งขึ้น ท่านจะมีสัมพันธภาพที่ลุ่มลึกกับพระองค์ยิ่งกว่าเดิม

เมื่อต้องประสบพบกับความทุกข์ยากลำบากในวันนี้
จงเผชิญกับความทุกข์ยากนั้นเพื่อให้นำมาซึ่งการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น