13 มิถุนายน 2554

คุณจำกัดการทำงานของพระเจ้าในชีวิตของคุณหรือเปล่า?

34โอ เยรูซาเล็มๆ ที่ได้ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะ และเอาหินขว้างผู้ที่รับใช้มาหาเจ้าให้ถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ (ลูกา 13:34)

กรุณาอย่าหงุดหงิดกับชื่อของบทใคร่ครวญในวันนี้ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าท่านไม่เต็มใจให้พระเจ้าทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ในชีวิตของท่าน แต่ผมคิดว่าในชีวิตของแต่ละคนเคยจำกัดขอบเขตการทำงานของพระเจ้าในชีวิตของตนไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตามที

ถึงแม้ว่าเราแต่ละคนต่างมีประสบการณ์ถึงการได้รับการยกโทษบาปจากพระเยซูคริสต์ให้เป็นผู้ที่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยทางพระองค์ก็ตาม แต่ก็มีบางช่วงเวลาที่เราต่อต้าน หรือ ขัดขวางพระราชกิจของพระเจ้าที่ประสงค์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ทั้งนี้ น่าทึ่งอย่างยิ่งว่า เราสามารถที่ตอบปฏิเสธต่อพระราชกิจตามพระประสงค์ที่จะทำในชีวิตของเรา แม้จะเป็นการทรงอนุญาตเป็นเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็ตาม

ในพระธรรมที่เราใคร่ครวญในตอนนี้ พระเยซูคริสต์ได้คร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทบทวนถึงความทรงจำในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมถึงการทรงช่วยกู้ของพระเจ้าให้อิสราเอลหลุดรอดออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ และใช้ภาพเปรียบเทียบ อย่างที่ใช้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เฉลยธรรมบัญญัติ 32:11 ที่ว่า

10...พระองค์ทรงโอบล้อมเขาไว้ และทรงดูแลเขาอยู่
ทรงรักษาเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์
11เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมันกระพือปีกอยู่เหนือลูกโต
กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก”

พระเยซูคร่ำครวญถึงเยรูซาเล็มว่า
“...เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ
เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน
แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ” (ลูกา 31:34)
ประชาชนอิสราเอลในสมัยของพระเยซูไม่ยอมรับคำสอนของพระองค์ ที่พยายามปกป้องพวกเขาจากความหายนะแห่งชีวิตที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้

ข้อคำที่น่าสนใจในข้อนี้คือ “...แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ”(ข้อ 34) ภาษากรีกของข้อความตอนนี้มีความหมายตามตัวอักษร แปลได้ว่า “แต่พวกเจ้าไม่เต็มใจ” พระเยซูไม่สามารถที่จะกระทำพระราชกิจของพระองค์ในชีวิตของประชาชนอิสราเอลในเวลานั้น เพราะพวกเขาไม่เต็มใจ ไม่ยอมรับ ต่อต้านพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ แทนที่ประชาชนจะละความคิดความต้องการของตนแล้วรับเอาพระประสงค์ของพระเยซู แต่พวกเขากระทำในทางตรงกันข้าม พระเจ้าทรงอนุญาตให้พวกเขาที่จะตัดสินใจเลือกทำตามทางของตนเอง แต่พวกเขาก็ต้องรับผลจากการเลือกของพวกเขา

บ่อยครั้ง ที่พระเจ้าทรงคร่ำครวญถึงชีวิตของเรา เช่น พระองค์อาจจะคร่ำครวญว่า “โอ ประสิทธิ์ เราต้องการที่จะอวยพรเจ้า และ ใช้เจ้าในงานแห่งแผ่นดินของเรา แต่เจ้ากลับไม่ยอม” อะไรที่ฉุดดึงเรามิให้เปิดชีวิตของเรากระทำตามพระราชกิจของพระเจ้า และ การทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านชีวิตของเรา อำนาจแห่งความผิดบาปและความชั่วร้ายในหลากหลายรูปแบบเป็นกำลังสำคัญที่ต่อต้านพระราชกิจของพระเจ้า และที่น่าสังเกตคือ อำนาจชั่วร้ายเหล่านี้มักจะทำให้เราตกอยู่ในความกลัว เช่น กลัวว่าถ้าทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าเราก็จะไม่ได้ผลตามที่เราต้องการ ถ้าทำตามนั้น พระเจ้าจะอยู่ที่นั่นจริงๆ หรือเปล่าและพร้อมช่วยเราหรือไม่ ถ้าเกิดความขัดข้อง เกิดปัญหา หรือเกิดวิกฤติ? ถ้าเราตัดสินใจก้าวไปด้วยความเชื่อ คนรอบข้างจะมองว่าเราเป็นคนโง่เขลาหรือเปล่า? เราปรารถนาความปลอดภัย เราต้องการรู้ชัดเจนก่อนว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องการมีชีวิตที่สะดวกสบายปลอดภัย เราคงจะมีชีวิตที่ใกล้ชิดกับพระราชกิจแห่งการทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราแน่ถ้าจะทรงทำให้เรามั่นใจก่อนว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น ใช่หรือไม่?

ท่ามกลางสภาวะที่เราพยายามจำกัดพระราชกิจของพระเจ้าในชีวิตของเรา พระเจ้ามิได้ละทิ้งเราแต่ละคน ตรงกันข้ามกลับทรงติดตามใกล้ชิดเราทุกขณะทุกสถานการณ์ชีวิต พระเจ้าทรงอดทน ติดตาม รอคอย และแสวงหาโอกาสที่จะเสริมสร้างให้เราแต่ละคนมีประสบการณ์ตรงกับพระองค์ เพื่อทำให้เราเกิดความมั่นใจในพระองค์ และเติบโตขึ้นในชีวิต ทั้งสิ้นนี้ คือพระราชกิจที่ทรงตั้งต้นการดีไว้ในชีวิตของเรา และจะทรงกระทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์ (ฟิลิปปี 1:6)

ประเด็นสำหรับการใคร่ครวญ
1. ท่านเคยจำกัดพระราชกิจที่ทรงกระทำในชีวิตท่าน และ ทรงกระทำผ่านชีวิตของท่านหรือไม่?
2. อะไรที่จะช่วยให้ท่านไว้วางใจในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเปิดชีวิตของตนแด่พระเจ้ามากกว่านี้?
3. ถ้าวันนี้ท่านไว้วางใจพระเจ้ามากกว่าที่เคยเป็นมา ท่านคิดว่าจะมีสิ่งแตกต่างอะไรเกิดขึ้นในชีวิตและในการงานที่ท่านทำในวันนี้?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น