19 กันยายน 2553

เอกภาพในคริสตจักรของพระคริสต์

อ่าน 1โครินธ์ 12:12-13
13เพราะว่าถึงเราจะเป็นพวกยิวหรือพวกกรีก เป็นทาสหรือมิใช่ทาสก็ตาม
เราทั้งหลายได้รับบัพติศมาโดยพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และ
พระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่ (ในชีวิตของเรา) (ฉบับ TBS1971)
พระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม (ฉบับ TBS02b)


เพราะการที่คริสตจักรในเมืองโครินธ์แบ่งแยกแตกตัวเป็นพรรคเป็นพวกเพราะของประทานฝ่ายวิญญาณ เปาโลบ่มเพาะความคิดความเข้าใจใหม่ว่าชีวิตที่อยู่ในพระคริสต์แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร มิใช่ชีวิตในพระคริสต์ที่แบ่งพวกเขาพวกเรา แบ่งเพราะมีของประทานฝ่ายจิตวิญญาณที่โดดเด่นไม่เหมือนกัน แล้วพยายามชูของประทานที่ตนมีอยู่ให้เด่นชัดกว่าของประทานฝ่ายจิตวิญญาณด้านอื่นที่มีในผู้อื่น ซึ่งก็เป็นการที่ยกตนข่มท่านโดยปริยาย จะด้วยตั้งใจเจตนาหรือไม่ก็ตาม อาจจะเป็นเพราะ “วิญญาณแห่งการแข่งเอาชนะคะคานกัน” ของโลกปัจจุบันมีอิทธิพลเหนือชีวิตในพระคริสต์ของคริสเตียนในปัจจุบัน

เมล็ดความเชื่อศรัทธาของชีวิตในพระคริสต์ที่เปาโลบ่มเพาะลงในชีวิตคริสเตียนโครินธ์คือ ชีวิตในพระคริสต์นั้นเป็นชีวิตที่ประกอบด้วยหลากหลายอวัยวะ หลากหลายศักยภาพ หลากหลายความสามารถที่ต้องทำงานประสานเชื่อมต่อ และ สร้างเสริมกันและกัน เพื่อใน “พระวรกายของพระคริสต์” ที่เป็นชุมชนของผู้เชื่อศรัทธาสามารถอยู่ร่วมกันอย่างประสานกลมกลืน สมดุล และสร้างสรรค์กันและกัน และไม่สามารถที่จะบอกว่า อวัยวะส่วนไหนที่สำคัญที่สุด แต่ในสายตาคริสเตียน ทุกส่วนมีความสำคัญต่อกันและกัน พึ่งพา พึ่งพิง อาศัยกันและกัน เอื้ออำนวย เกื้อกูล ค้ำจุนกันและกัน ใน “พระวรกายของพระคริสต์” มิได้อยู่กันด้วยอำนาจ แต่ในพระคริสต์อวัยวะทุกส่วนอยู่ด้วยพลังแห่งความรัก เกื้อกูล และสร้างเสริมกันและกัน

ทุกวันนี้น่าคิดว่า คริสตจักรของเราถูกอิทธิพลความคิดและค่านิยมของสังคมปัจจุบันครอบงำ ชุมชนแห่งพระวรกายของพระคริสต์ ด้วยการประชุมแบบ “รัฐสภา” ในนามของระบอบ “ประชาธิปไตย” ใช้ “กระบวนการหาเสียง” เพื่อเข้ามามีอำนาจในการขับเคลื่อนการทำงานในพระวรกายของพระคริสต์ คงต้องตั้งคำถามด้วยความห่วงใยแบบถามตรงๆ ว่า มันถูกต้องเหมาะสมในชุมชนของพระคริสต์หรือ? และวิธีดังกล่าวเป็นการกระทำด้วยน้ำพระทัยแบบพระคริสต์หรือไม่? ถ้าไม่ แล้วทำไมเรายังทำกันเช่นนั้น?

ลักษณะเฉพาะพิเศษของชุมชนผู้เชื่อศรัทธา หรือ พระกายในพระเยซูคริสต์นั้นเป็นชุมชนที่ประกอบด้วยความหลากหลาย เช่น ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ นั่นหมายความว่าในชุมชนของพระคริสต์มีภูมิหลังที่หลากหลายทางวัฒนธรรม มีชีวิตและเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมสังคมที่แตกต่างกัน ฐานะทางสังคม เศรษฐกิจที่ไม่เหมือนกัน และคริสตจักรในสมัยเริ่มแรก คริสตจักรที่เมืองโครินธ์ก็เป็นเช่นนั้น อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “...ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือกรีก ทาสหรือเสรีชน เราได้รับบัพติศมาในพระวิญญาณองค์เดียวเข้าเป็นกายเดียวกัน และพระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม” (1โครินธ์ 12:13 TBS02b)

ในพระธรรมตอนนี้เปาโลใช้ภาพเปรียบเทียบสองภาพด้วยกัน ภาพแรกภาพการรับบัพติศมา ในภาษากรีกใช้คำว่า “แบพติสโซ” ซึ่งมีความหมายว่า “ดำลงไปใน...” “จุ่มตัวลงไปใน...” หรือ “ฝังตัวลงใน...” และในที่นี้เปาโลกำลังกล่าวว่าการที่เราเอาชีวิตของเรา “ดำลงใน” “จุ่มหรือมุดลงใน...” หรือ เอาชีวิตของเราฝังตัวลงใน...ในพระคริสต์ หรือ ในพระวรกายของพระคริสต์ ถ้าเปาโลมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้ท่านคงจะใช้คำเปรียบเทียบว่า ชีวิตในพระคริสต์คือการปลูกถ่ายชีวิตของเราในชุมชนแห่งพระวรกายของพระคริสต์ ประเด็นสำคัญในที่นี้คือ คริสเตียนแต่ละคนได้รับการสร้างใหม่จากพระวิญญาณของพระเจ้าให้เป็นส่วนหนึ่งในพระวรกายของพระคริสต์เมื่อเรายอมกลับใจใหม่

ภาพเปรียบเทียบที่สองคือ ที่กล่าวถึงพระราชกิจของพระวิญญาณ กล่าวคือเราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งในพระวิญญาณองค์เดียวกัน ในฉบับแปล 1971 แปลว่า “พระวิญญาณองค์เดียวนั้นซาบซ่านอยู่(ในชีวิตของคริสเตียนแต่ละคน) ในขณะที่ฉบับแปล TBS02b แปลว่า “พระวิญญาณองค์เดียวกันเป็นเหมือนน้ำที่ประทานให้เราทุกคนได้ดื่ม” ในภาษากรีกคำที่แปลว่า ซาบซ่าน นั้นมีความหมายว่าดื่ม ดังในฉบับ TBS02b ได้แปลใหม่ แต่ก็ยากที่จะเข้าใจ ในที่นี้เปาโลต้องการชี้ให้เห็นว่า คริสเตียนคือผู้ที่ดื่มพระวิญญาณของพระเจ้า ให้พระวิญญาณของพระองค์เข้าไปมีชีวิตในชีวิตของเรา

ดังนั้น การเป็นคริสเตียนนอกจากเราจะมีชีวิตจิตวิญญาณที่สัมพันธ์ผูกพันกับพระเยซูคริสต์แล้ว ชีวิตคริสเตียนทุกชีวิตต่าง “จุ่มลง” “ดำลง” “ฝังตัวเองลง” ในพระวิญญาณองค์เดียวกัน เพื่อที่จะให้ชีวิตของตนเองดำเนินตามพระประสงค์ คือการที่มีชีวิตที่อยู่ภายใต้พระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน รับการชำระเปลี่ยนแปลงชีวิตจากพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน และดำเนินชีวิตภายใต้การทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกัน ในขณะภาพเปรียบที่สองชี้ให้เห็นว่า ชีวิตคริสเตียนคือชีวิตที่รับเอาพระวิญญาณเข้าไปในชีวิตของเรา เพื่อจะเปลี่ยนแปลงและสร้างชีวิตของเราขึ้นใหม่ และเป็นกำลังของเราแต่ละคนที่จะดำเนินชีวิตที่เสริมหนุน เกื้อกูล และ ร่วมประสานงานกับคริสเตียนอื่นๆ ในชุมชนพระวรกายของพระคริสต์ ทั้งนี้ด้วยพระวิญญาณองค์เดียวกัน

แต่ถ้าคริสตจักรเกิดแตกเป็นพรรคเป็นพวก คริสตจักรเกิดการแก่งแย่งแข่งขันความยิ่งใหญ่ หรือคริสตจักรต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ คริสตจักรที่ว่านี้อยู่ภายใต้การทรงสร้างใหม่ขององค์พระวิญญาณองค์เดียวกันหรือไม่? คริสเตียนแต่ละคนในชุมชนนี้มีพระวิญญาณองค์เดียวกันหรือไม่ในชีวิตที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นเป็น “ผู้ใหญ่ในพระคริสต์” และมีกำลังที่จะทำตามพระประสงค์หรือไม่? หรือ คริสเตียนและคริสตจักรในทุกวันนี้ต่างมีพระวิญญาณคนละองค์ไปแล้ว? หรือเราถูกครอบงำด้วย “จิตวิญญาณองค์อื่น”?

ความเป็นเอกภาพและการรับใช้ของคริสเตียนและคริสตจักรนั้น ทำงานและเกิดผลด้วยการทรงกระทำกิจขององค์พระวิญญาณ มิใช่ด้วยความคิดที่กว้างไกล ปัญญาที่แหลมคม ความสามารถและความชาญฉลาดของคริสเตียนคนใดคนหนึ่ง หรือ หลายคน ไม่ใช่เพราะเรามีทุน ทรัพย์สิน เงินทอง ไม่ใช่เพราะเรากล้าเลือกกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่เพราะเรามีความมั่นใจ ไม่ใช่เพราะเรา...ฯลฯ... แต่เพราะพระวิญญาณทรงกระทำงานของพระองค์ภายในตัวเรา ภายในชุมชนคริสตจักร และทรงกระทำพระราชกิจตามพระประสงค์ของพระองค์ผ่านคริสเตียนและคริสตจักรที่ยอมจะ “ดำตัวลง...” “มุดลงใน...” หรือ “ฝังตัวเองใต้พระวิญญาณของพระเจ้า แล้วพร้อมที่จะ “ดื่ม” พระวิญญาณของพระเจ้าให้อยู่ในชีวิตของเรา กระทำกิจตามพระประสงค์ในชีวิตของเรา แล้วทำพระราชกิจผ่านชีวิตของเรา ด้วยการทรงกระทำพระราชกิจขององค์พระวิญญาณองค์เดียวนี้ที่ทำงานในทุกคน ทั่วคนทั้งปวงในชุมชนคริสตจักร ที่เป็นเหตุให้เกิดเอกภาพและเกิดการรับใช้อย่างเป็นเอกภาพในคริสตจักรของพระเยซูคริสต์ ทั้งนี้เพราะ คริสเตียนแต่ละคนและชุมชนคริสตจักรต่างมีเป้าหมายเดียวกัน พระเยซูคริสต์ และทุกคนใช้ของประทานที่มีหลากหลายในแต่ละคนในการกระทำกิจอย่างประสาน สอดคล้อง และเสริมหนุนกันตามพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น