08 กันยายน 2553

บทใคร่ครวญจากการ์ตูน

ถึงป๊าและม้าที่รักและคิดถึง…

วันนี้หวานเคลียร์งานเสร็จเร็วเลยมีเวลาว่างนั่งพิมพ์จดหมายถึงป๊าและม้า ประจวบเหมาะกับมีเรื่องราวที่อยากจะแบ่งปันความสุขและบทเรียนดีๆ ที่พึ่งได้เรียนรู้มาค่ะ

ช่วงบ่ายสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสดูการ์ตูนเรื่อง “กังฟูแพนด้า” ไม่รู้ว่าป๊ากับม้าจะเคยได้ยินมาบ้างหรือเปล่า ตอนแรกก็คิดว่าเป็นการ์ตูนต่อสู้ ดูสนุกๆ แต่พอได้ดูจริงๆ แล้วการ์ตูนเรื่องนี้แฝงแง่คิดไว้มากทีเดียวค่ะ ที่สำคัญทำให้หวานระลึกถึงข้อพระคัมภีร์ที่เคยอ่านมา...

ก่อนที่จะบอกถึงบทเรียนที่ได้รับ ขอเล่าเรื่องราวย่อๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ก่อนนะคะ (ยังอาจถ่ายทอดออกมายังไม่ดีนักเพราะดูแค่รอบเดียวอยู่ค่ะ)

“โป” แพนด้าหนุ่มอาศัยอยู่กับพ่อซึ่งทำมาหากินด้วยการขายก๋วยเตี๋ยว โดยใช้สูตรปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวของพ่อ โปมีความชื่นชอบกังฟู หรือนักรบแห่งแดนมังกรเป็นพิเศษ เขาสามารถจดจำเรื่องราว ภาพวาด แม้แต่สิ่งของเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับกังฟูได้ จนกระทั่งวันหนึ่ง...มีการคัดเลือกนักรบแห่งแดนมังกร เพื่อเปิดคัมภีร์เคล็ดวิชาและต่อสู้กับ “ไท่หลาง” เสือดาวผู้เหี้ยมโหดและชั่วร้าย ซึ่งมี “อาจารย์อูเกว่ย” ปรมาจารย์เต่าสุดยอดกังฟูเป็นผู้คัดเลือก โป อยากเข้าไปดูการคัดเลือกมาก แต่ด้วยร่างกายที่อุ้ยอ้าย จึงทำให้การปีนบันไดขึ้นไปดูการคัดเลือกเป็นไปอย่างยากลำบาก กว่าจะไปถึงประตูทางเข้าก็ปิดเสียแล้ว โปจึงต้องพยายามทุกวิถีทางทั้งปีนกำแพง ปีนต้นไม้ “จุดพลุที่เก้าอี้” เพื่อให้ได้ชื่นชมกับ “นักรบแห่งแดนมังกร” ในขณะที่โปกำลังพยายามอยู่นั้น อูเกว่ยได้ประกาศกับสัตว์ที่มาชุมนุมรอดูว่า นักรบแห่งแดนมังกรของเราเข้าใกล้มาแล้ว ทำให้ “ฉีฟู่” ลูกศิษย์คนสนิทเกิดความสงสัยว่า แพนด้า สัตว์ที่ดูแล้วไม่มีความสามารถด้านกังฟูจะสามารถเป็นนักรบแห่งแดนมังกรได้ อีกทั้งตนก็ได้ฝึกลูกศิษย์ทั้ง 4 ได้แก่ เจ้านกกระเรียน เสือ งูและลิงไว้แล้ว (สัตว์ทั้ง 4ประเภทนี้ ชาวจีนมีความเชื่อว่าเป็นสุดยอดของกังฟู) และเหมือนฟ้าบันดาล โปตกลงมาจาก “เก้าอี้ที่จุดพลุ” มานั่งตรงที่ๆ เป็นของนักรบแห่งแดนมังกร และเรื่องราวของการผจญภัยและการฝึกเป็นนักรบแห่งแดนมังกรก็ได้เริ่มต้นขึ้น จนโปสามารถต่อสู้กับไท่หลางผู้โหดเหี้ยมและชั่วร้าย โดยมีอาจารย์ฉีฟู่และเพื่อนทั้ง 4 คอยช่วยเหลือ นำความสงบสุขมาสู่ชาวบ้านในที่สุด

มาถึงข้อคิดที่ได้จากการดูการ์ตูนเรื่องนี้กันค่ะ

ความประทับใจที่สุดคงจะอยู่ที่ “อาจารย์อูเกว่ย” ที่ได้พูดกระตุ้นต่อมคิด เริ่มจากการเตือน
ฉีฟู่ที่สงสัยในตัวโป ว่า ไม่มีความบังเอิญใดในโลกนี้ มีการกำหนดหน้าที่หรือภารกิจสำหรับสิ่งๆ หนึ่งไว้แล้ว ทำให้นึกถึงข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่มีสิ่งใดที่เป็นความบังเอิญ พระเจ้าได้อนุญาตให้บางสิ่งเกิดขึ้นกับเราเพราะทรงรู้ดีว่า เรามีความเหมาะสมและมีความสามารถพอที่จะรับมือกับภารกิจที่ทรงมอบให้ได้

การที่จะเป็นนักรบแห่งแดนมังกรได้นั้น คงไม่ใช่เกิดมาแล้วก็เก่งเลย แต่ต้องมีการฝึกฝนอย่างหนักมาก่อน อูเกว่ยได้สอนฉีฟู่เกี่ยวกับการบ่มเพาะฝึกฝนลูกศิษย์ว่า “จริงอยู่ที่เมล็ดท้อ ไม่ว่าเจ้าจะเอาไปปลูกที่ใด เมื่อมันงอกขึ้นมามันก็ออกลูกเป็นผลท้อวันยังค่ำ ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นลูกแอปเปิลได้ แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเจ้าจะดูแล รดน้ำใส่ปุ๋ยให้มันเติบโตเป็นต้นท้อที่แข็งแรง ออกดอกออกผลเป็นท้อที่มีความสมบูรณ์ได้อย่างไร” และต้องมีความเชื่อศรัทธาในตัวคนนั้นๆ คำพูดของอูเกว่ยทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาในหลายๆ ครั้งว่า คนเรามักจะตัดสินคนจากมุมมองที่เรารับรู้ว่า นักรบหรือคนเก่งจะต้องเฉลียวฉลาด ร่างกายแข็งแรงกำยำ แต่สำหรับพระเจ้าแล้วพระองค์ทรงเห็นคุณค่าและได้มอบตะลันต์ให้แต่ละคนโดยเฉพาะไว้แล้ว หน้าที่ของเราคือ เชื่อศรัทธาพระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเราและผู้อื่น ค้นหาตะลันต์ที่อยู่ภายในตัวเราและใช้มัน รวมทั้งช่วยผู้อื่นให้เขาได้ใช้ตะลันต์ที่มีอยู่ในตัวเขาเช่นกัน คนชายขอบหรือคนปลายแถว พระเจ้าทรงรักและมองเห็นความสามารถในตัวเขาเหล่านั้น

ความประทับใจอีกข้อหนึ่ง คือตอนที่ โปเปิดคัมภีร์ออกมาแล้วไม่เจอสุดยอดวิชาใดๆ พบแต่ความว่างเปล่า หาคำตอบไม่ได้ ระหว่างนั้นโปได้มีโอกาสพบพ่อ จึงถามพ่อเกี่ยวกับสูตรลับที่ทำให้น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอร่อย คำตอบของพ่อมีเพียงว่า “ไม่มีสูตรลับใดๆ แค่เราเชื่อว่ามันเป็นสูตรพิเศษ มันก็เป็นน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวสูตรพิเศษแล้ว” จึงทำให้โปเชื่อมโยงกับเคล็ดวิชาในคัมภีร์ว่า คำตอบของเคล็ดวิชาคือ ตัวเรานั้นเองที่คือสุดยอดของวิชาทั้งปวง พระเจ้าทรงเห็นว่าทุกคนล้วนเป็นคนที่พิเศษสำหรับพระองค์ และทรงอยากให้เรารับรู้เช่นนั้น และ ใช้สิ่งพิเศษที่ประทานมาในแต่ละคนตามพระประสงค์ ด้วย หากเราเชื่อมั่นเช่นนี้ เราจะมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ได้มากมาย

สุดท้ายนี้ป๊าอ่านแล้วอยากเพิ่มความคิดเห็นอะไรก็เขียนมาได้เลยนะคะ และต้องขอบคุณป๊ากับม้าที่เป็นผู้รดน้ำพรวนดินเมล็ดพันธุ์เมล็ดนี้ให้ได้รู้จักและอยู่ในพระคุณของพระเจ้า มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากค่ะ...

พระเจ้าดูแลนะคะ
ลูกไข่หวาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น