31 สิงหาคม 2553

ของโอชะแห่งความชั่วร้าย

อ่านสดุดี 141:1-10
4ขออย่าให้จิตใจข้าพระองค์เอนเอียงไปหาความชั่วใดๆ
หรือให้ข้าพระองค์สาละวนอยู่กับการชั่วร้าย
ร่วมกับคนที่ทำความบาปผิด
และขออย่าให้ข้าพระองค์กินของโอชะของเขา (สดุดี 141:4)

กษัตริย์ดาวิดประพันธ์สดุดีบทที่ 141 จากประสบการณ์ของท่านที่ต้องปล้ำสู้กับการทดลองที่ดึงดูดให้ท่านมีใจเอนเอียงไปสู่การกระทำผิด ซึ่งแตกต่างจากสดุดีที่ประพันธ์ในบทอื่นๆ ที่การทดลองทำให้ผู้ถูกทดลองต้องทำความชั่วร้ายรุนแรงอันเป็นภัยคุกคามต่อสวัสดิภาพของชีวิต แต่การทดลองที่ปรากฏในสดุดีบทที่ 141 อันตรายที่เกิดจากการทดลองในที่นี้มิใช่การความรุนแรงจากการถูกล่อลวงให้กระทำผิด แต่การทดลองในสดุดีบทนี้มาในรูปแบบของการโน้มน้าวให้จิตใจเอนเอียงให้เข้าร่วมในการกระทำผิด และเห็นถึง “ความโอชะ” ของการกระทำผิดนั้น

น่าสังเกตว่า กษัตริย์ดาวิดรำพึงถึง “ความหอมหวานโอชะ” ของการกระทำผิด ท่านกล่าวถึงการทดลองในที่นี้ทำให้ผู้ถูกทดลองแทนที่จะมองเห็นความชั่วร้ายของการกระทำผิดอย่างในสดุดีบทอื่นๆ แต่ในสดุดี 141 กษัตริย์ดาวิดชี้ให้เห็นเล่ห์เหลี่ยมของผู้ทดลองที่ทำให้ผู้ถูกทดลองกลับมองเห็น “ความโอชะ” ของการกระทำผิดบาป คำว่า “ของโอชะ” ในข้อที่ 4 รากศัพท์ภาษาฮีบรูมีความหมายว่า สิ่งที่ทำให้ถูกตาตรึงใจ ความสวยงาม ความหวานชื่นอิ่มอกอิ่มใจ กษัตริย์ซาโลมอนใช้คำๆ นี้ในการพรรณนาถึงความงดงามของทรวดทรงหญิงที่โซโลมอนหลงรัก(บทเพลงโซโลมอน 1:16) หรือยังมีความหมายถึงรสชาติอันโอชะของอาหาร “น้ำที่ขโมยมาหวานดี และขนมที่รับประทานในที่ลับก็อร่อย” (สุภาษิต 9:17) หรือเสียงหวานชื่นตรึงใจของเสียงดนตรี (สดุดี 81:2) ความบาปสามารถแปลงโฉมให้ผู้คนมองว่าเป็น “ของโอชะ” “รื่นรมย์ยินดี” เป็นสิ่งที่น่าสนอกสนใจ และเป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์

กษัตริย์ดาวิดรู้ดีว่า สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ความ “โอชะ สวยงาม และทรงคุณค่า” นั้นคือความเลวร้ายที่รุนแรง เป็นความขมขื่นที่เคลือบด้วยน้ำผึ้ง เป็นความเปื่อยเน่าที่ฉาบหุ้มด้วยความสวยงาม ดังนั้น ท่านจึงทูลขอต่อพระเจ้าว่า “ขออย่าให้จิตใจของข้าพระองค์เอนเอียงไปหาความชั่วใดๆ” ตามความหมายรากศัพท์เดิมในภาษาฮีบรูอาจจะแปลได้ว่า “ขอโปรดอย่าให้ข้าพระองค์โอนเอียงด้วยความสมัครใจไปในทางที่ชั่ว” ความบาปมิได้เกิดขึ้นจากการที่รีบเร่งกระทำในสิ่งที่ผิด แต่ความบาปเริ่มต้นจากภายในส่วนลึกแห่งจิตใจของเรา ที่ถูกโน้มน้าวทำให้เอนเอียงไปตามความบาปชั่วโดยเล่ห์อุบายของการทดลอง ที่ทำให้เรามองว่าการกระทำบาปชั่วเช่นนั้นไม่เห็นจะผิดหรือเลวร้ายรุนแรงแต่ประการใด แต่ถ้าเรายอมปล่อยใจให้เอนเอียงไปหาความบาปชั่วดังกล่าว หากถ้าเรายอมปล่อยจิตปล่อยใจให้ไปตามการยั่วยุด้วย “ของโอชะ” ของความชั่วร้าย เมื่อนั้น เราก็จะ “...สาละวนอยู่กับการชั่วร้ายร่วมกับคนที่กระทำความบาปผิด”

ดังนั้น การที่เราหลีกลี้ ปฏิเสธ “ของโอชะ” ของความชั่วร้าย ด้วยการตระหนักชัดว่านี่คือการทดลอง และรีบหันหลังให้กับมัน แต่เราไม่สามารถที่จะกระทำเช่นนี้ด้วยพละกำลังของเราเอง เราต้องการการทรงช่วยจากองค์พระผู้เป็นเจ้า และเมื่อเราตัดสินใจ “ไม่เอนเอียงไปหาความชั่ว” แต่มุ่งมองไปที่องค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดหัวใจทูลขอการทรงช่วยกู้จากพระองค์ พระองค์จะประทานการทรงช่วยเหลือแก่เรา

ในแต่ละวันจำเป็นที่เราต้องสำรวจและถามตนเองว่า
อะไรคือ “ของโอชะ” แห่งความบาปที่กำลังยั่วยวนเรา?
เรากำลังถูกการทดลองในเรื่องอะไร?
จิตใจของเราวันนี้ “เอนเอียง” ไปหาสิ่งใดกันแน่?

ในแต่ละวันจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องร้องทูลขออย่างกษัตริย์ดาวิด
บ่อยครั้งเรามีประสบการณ์อย่างดาวิดที่ชีวิตตกอยู่ในการล่อลวง
มีข้อเสนอที่ดูเหมือน “โอชะ” “หอมหวาน” ที่เราชื่นชอบ
แต่ขอพระเจ้าทรงช่วยให้เราตระหนักชัดทันทีว่า
นี่คือการทดลองของความบาป
นี่คือพลังอำนาจของการทดลองเพื่อทำร้ายและทำลาย

ดังนั้นให้เราอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างกษัตริย์ดาวิด
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยให้เราอย่าได้มีจิตใจที่ “เอนเอียง” ไปหาความบาปชั่ว
ขอพระองค์คุ้มครองรักษาเราจากการที่ต้องตกลงในกับดัก “ความโอชะ”ของความบาป
การตกลงไปมีส่วนร่วมในการกระทำความชั่วร้ายเลวทราม ที่จะทำลายชีวิตจิตวิญญาณของเราและผู้อื่น

ขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง
ให้พ้นจากอำนาจแห่งความชั่วร้าย
ทรงนำข้าพระองค์ดำเนินไปบนเส้นทางของพระองค์
เติมเต็มจิตใจของข้าพระองค์ให้ปรารถนาพระองค์และความบริสุทธิ์ของพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น