03 สิงหาคม 2553

อย่าลอกเลียนแบบ...

อ่านพระธรรมโรม 12:1-2

2อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม (โรม 12:2 สำนวนฉบับ 2002)
ท่านอย่าลอกเลียนแบบพฤติกรรมและประเพณีตามกระแสนิยมในยุคนี้ แต่จงเปิดชีวิตของท่านให้พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงท่านให้เป็นคนใหม่ ให้ทรงเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของท่าน เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของท่าน เพื่อท่านจะได้มีชีวิตที่ดี น่าชื่นชม และเป็นชีวิตที่ถ้วนครบสมบูรณ์ (โรม 2:2 สำนวนแปลของผู้เขียน)

พระธรรมโรม 12:1 กระตุ้นเตือนคริสเตียนให้มอบกายถวายชีวิตนี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอยู่ ในฐานะคริสเตียนแล้วเราจึงควรดำเนินชีวิตประจำวันให้เป็นที่ยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เป็นการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์ มิใช่ดำเนินชีวิตตามใจต้องการของตนเอง โรม 12:2 เริ่มต้นประโยคที่เป็นการห้ามปราม “อย่าลอกเลียนแบบพฤติกรรมและประเพณีตามกระแสนิยมในยุคนี้” ถ้าแปลตามอักษรจากภาษากรีกก็จะแปลได้ว่า “อย่าประพฤติอย่างคนในยุคนี้” ซึ่งกินความหมายถึงการประพฤติตามประเพณีนิยมและกระแสนิยมในสมัยนี้ เพราะการประพฤติเหล่านั้นแตกต่างตรงกันข้ามกับสัจจะความจริงและพระประสงค์ของพระจ้า

ถ้าพิจารณาตามหลักไวยากรณ์ คำว่า “อย่าลอกเลียนแบบ” หมายถึงการลอกเลียน หรือ การประพฤติตามอย่างกระแสโลกนี้ เป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง มิได้กระทำครั้งเดียวจบ แต่การลอกเลียนแบบตามประเพณีนิยมและกระแสนิยมแห่งสังคมโลกปัจจุบันนี้เป็นการลอกเลียนแบบอย่างต่อเนื่อง เพราะกระแสนิยมปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา คนส่วนใหญ่ในสังคมจึงตามติดกระแสเหล่านั้นอย่างไม่ลดละและสิ้นสุด จนเข้าไปสู่ลักษณะการติดพันกับกระแสนิยมนั้นอย่างถอนตัวไม่ออก เหมือน “หนูติดจั่น” ในสภาพชีวิตเช่นนี้ เราจะต้องหยุดเพื่อที่จะตัดสินใจว่า เราจะวิ่งไล่ตามกระแสนิยมแห่งโลกนี้ หรือ ตัดสินใจที่จะเลือกติดตามพระเจ้า

ยิ่งนานวันคริสเตียนยิ่งมีความรู้สึกตึงเครียดระหว่าง “การประพฤติตามกระแสนิยมในยุคนี้” กับมุมมองความเชื่อศรัทธาตามพระคัมภีร์ สิ่งนี้ได้ปรากฏมาเป็นเวลายาวนานพอประมาณ คริสเตียนต้องคิดว่าในฐานะที่ตนเป็นคริสเตียนและในฐานะที่เราอยู่ในสังคมไทย เราต้องเผชิญหน้าตลอดเวลาว่า ถ้าเราเชื่อศรัทธาในองค์พระผู้เป็นเจ้า เราจะต้องปฏิเสธต่อการยอมจำนนที่ต้องกระทำตามกระแสแห่งสังคมโลกนี้ การปฏิเสธนี้จะต้องกระทำด้วยความระมัดระวังรอบคอบ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสังคมโลกนี้ การปฏิเสธที่เราต้องสนใจคือ แนวทางความประพฤติตามประเพณีนิยมและกระแสนิยมของสังคมที่ขัดแย้งต่อต้านกับแนวทางการดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า ในการนี้เราต้องกล้าหาญที่จะตัดสินใจและบอกปฏิเสธต่อวิถีการประพฤติปฏิบัติเหล่านั้น และยืนหยัดและยืนยันที่ตัดสินใจเลือกแนวทางชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มิได้หมายความว่าให้เรามีชีวิตที่ “ถอนตัวหลุดโลก” หรือพวกหนีสังคม แต่ให้เราดำเนินชีวิตในโลกนี้เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้าและถวายพระเกียรติแด่พระองค์

ปัจจุบันนี้มีอะไรไหมที่กดดันท่านให้มีชีวิตเป็นไปตาม “เบ้าหลอม” แห่งสังคมโลกนี้? มีอะไรบ้างในที่ทำงานของท่าน ที่ท่านคิดว่า ท่านจะต้องกล้าปฏิเสธ ในที่นี้รวมถึงระบบคุณค่า และ แนวทางการปฏิบัติในสถานที่ทำงานของท่านด้วย?

ขอสารภาพว่า กับดักแห่งโลกนี้มีมากมายนักหนา
ถึงแม้ว่าเราจะแสวงหาชีวิตที่คิดอย่างพระเจ้า
จนแล้วจนรอดเรากลับไปทำตามกระแสแห่งโลกนี้
ขอพระเจ้าโปรดยกโทษด้วย

พระเจ้าทรงสอนเราให้กล้าที่จะไม่ลอกเลียนแบบการประพฤติตามธรรมเนียมตามกระแสสังคมปัจจุบัน
เราต้องการมองเห็นตนเองตามสายพระเนตรของพระเจ้า
เราต้องการสายตาที่สามารถมองเห็นความโกหก หลอกลวงในสังคมของเรา อย่างทะลุปรุโปร่ง
เราต้องการรอดพ้นจากอิทธิพลของกระแสนิยมเหล่านั้น
เราต้องการการทรงช่วยจากพระเจ้า เปิดตาของเราให้สามารถเห็นอย่างที่พระองค์เห็น

ในเวลาเดียวกันเราก็ตระหนักว่า
เราไม่ต้องการหลีกลี้หนีออกจากสังคมโลก และ จากเพื่อนมนุษย์
ขอพระกำลังของพระเจ้าที่จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตในโลกเพื่อพระประสงค์ของพระองค์
ขอพระเจ้าทรงใช้ชีวิตของเรา
ให้เป็นท่อแห่งพระคุณ สัจจะความจริง และความรักเมตตาในทุกๆ ที่ที่เราไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น