08 สิงหาคม 2553

เสียงฟ้องแห่งจิตสำนึกผิด

7ฝ่ายเฮโรดผู้ครองแคว้นได้ยินเรื่องราวทั้งปวงที่เกิดขึ้นก็สับสนว้าวุ่น เพราะบางคนก็พูดกันว่า ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นจากตาย 8บ้างก็ว่าเอลียาห์มาปรากฏตัว ทั้งยังมีคนอื่นๆ ที่บอกว่า ผู้เผยพระวจนะสมัยก่อนคนหนึ่งได้เป็นขึ้นจากตาย 9แต่เฮโรคกล่าวว่า “เราตัดศีรษะยอห์นไปแล้ว แล้วคนที่เราได้ยินกิตติศัพท์คนนี้เป็นใครกันแน่?” เฮโรดจึงพยายามที่จะเห็นพระองค์ (ลูกา 9:7-9 สำนวนอมตธรรมร่วมสมัย)

ความจริงย่อมเป็นความจริงวันยังค่ำ
หลังจากที่พระเยซูส่งสาวกของพระองค์ออกไปทำพระราชกิจของพระองค์ท่ามกลางชุมชน
โดยที่พระองค์มิได้ออกไปด้วย
สาวกรักษาประชาชนทุกหนทุกแห่งที่ไปถึง
ให้หายจากความเจ็บป่วยด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์
สาวกขับผีร้าย อำนาจชั่วทั้งปวง ออกจากผู้คนในพระนามของพระเยซูคริสต์
สาวกประกาศถึงแผ่นดินของพระเจ้า ประกาศถึงการครอบครองของพระองค์

นี่แค่สาวกของพระองค์ยังทำสิ่งมหัศจรรย์งานใหญ่ได้มากมายถึงเพียงนี้
แล้วพระอาจารย์ของพวกเขาล่ะจะแค่ไหน
คนในเมืองต่างๆ ในแว่นแคว้นนี้ต่างโจษจันกันแซดถึงพระเยซูคริสต์ว่าเป็นใคร
บางคนว่า พระเยซูคือยอห์นผู้ให้บัพติศมาที่กลับฟื้นคืนชีวิตมาใหม่
บางคนว่าเป็นเอลียาห์มาปรากฏอีกครั้งตามคำทำนายของมาลาคี (4:5)
บางคนว่าจะเป็นผู้เผยพระวจนะคนใดคนหนึ่งมาเกิดอีกครั้งหนึ่งแน่ๆ
แต่เฮโรคเชื่ออย่างมั่นใจว่า
“คือยอห์นนั่นเองที่เราตัดศีรษะเสีย ท่านได้เป็นขึ้นมาจากความตาย” (มก. 6:15)

เพราะเหตุนี้เอง เฮโรดจึงว้าวุ่นใจ...
ท่านว้าวุ่นใจเพราะจิตสำนึกผิดกำลังกระทุ้งทิ่มแทงจิตใจ และ ภายในชีวิตของท่าน

จิตสำนึกผิดที่เอาเมียคนอื่นมาเป็นเมียของตน
จิตสำนึกผิดที่ตนยอมให้คนดีที่มาเตือนสติต้องถูกตัดศีรษะ
จิตสำนึกผิดที่เอาชีวิตของคนดีถูกต้องแลกกับการรักษาคำสัญญาที่ให้กับหญิงสาวคนหนึ่ง
จิตสำนึกผิดที่เพียงต้องการเอาใจชู้ของตน

จิตสำนึกผิดกลายเป็นภาพหลอนที่เกาะกุมจิตใจ และปกคลุมจิตวิญญาณของเฮโรดจนมืดมัว
จิตสำนึกผิดทำให้ภาพของยอห์นผู้ให้บัพติศมาแจ่มชัดในความทรงจำอย่างเจ็บปวด
จิตสำนึกผิดกระตุ้นเตือนถึงการที่ตนทำผิด ตนเป็นคนบาป ตนเป็นคนของบาป
เฮโรคจะเป็นไทจากจิตสำนึกผิดนี้ได้อย่างไร
เฮโรดรู้ว่า ตนจะต้องจ่ายค่าในสิ่งที่ผิดที่ได้ตัดสินใจและทำลงไป
แต่เฮโรดไม่มีโอกาส ไม่มีทางที่จะจ่ายค่าในความผิดของตนที่ได้ทำกับยอห์นผู้ให้บัพติศมา
เฮโรคสิ้นทางออก พบทางตัน เฮโรคตกลงใน “กับดัก” ของจิตสำนึกผิด

วันนี้... เราแต่ละคนมี “จิตสำนึกผิด” อะไรหรือไม่
ที่คอยกระทุ้งเตือนถึงความผิดบาปของเรา
ทุกครั้งที่มันมีโอกาสมักจะโผล่ขึ้นมาสร้างความเจ็บปวดในชีวิต จิตวิญญาณของเราเอง
ที่มันจะเกาะกุมกร่อนเซาะจิตใจของเราให้ตกอยู่ในความกลัว วิตกกังวล ว้าวุ่นใจด้วยความสิ้นหวัง
เราเองก็สิ้นทางออก พบทางตัน ตกลงใน “กับดัก” ของจิตสำนึกผิด
เพราะความจริงก็คือว่า...อำนาจแห่งความผิดบาปไม่ยอมปล่อยให้เราหลุดจาก “กงเล็บ” ของมัน

เมื่อหลุดพ้นเป็นไทไม่ได้...
บางคนจึงปกปิด ซุกซ่อน จิตสำนึกผิด...
ด้วยการพยายามที่จะทำดี
ด้วยทรัพย์สินเงินทองความมั่งคั่ง
ด้วยการทำงานหนัก
ด้วยความทะเยอทะยาน
ด้วยการสร้างการยอมรับนับถือจากคนอื่น
ด้วยการดื่มแอลกอฮอล์
ด้วยใช้เครื่องเสพติดนานาชนิด
แต่นี่ก็เป็นเพียงการปกปิด ซุกซ่อน กลบเกลื่อนจิตสำนึกผิดในความทรงจำของเราไว้ชั่วคราวเท่านั้น

ทางออกที่เปิดช่องให้ชีวิตเราออกสู่ความเป็นไทได้คือ...
เปิดใจ เปิดชีวิต เปิดจิตสำนึกผิด
เลิกปกปิด ซุกซ่อน กลบเกลื่อนจิตสำนึกผิด
ขอให้พระคริสต์ทรงปลดปล่อยเราให้หลุดรอดออกจาก “กงเล็บ” ของอำนาจแห่งความบาป
ขอให้พระคริสต์เข้ามาครอบครอง และ ขับเคลื่อนชีวิตของเรา
ให้ชีวิตนี้ มุ่งสู่พระประสงค์ของพระองค์เป็นเป้าหมายหลักชัยในชีวิตของเรา

เมื่อท่านพบทางออก พ้นจากทางตัน และหลุดพ้นจากกับดักแห่งจิตสำนึกผิดแล้ว
อย่าลืมที่จะบอกเพื่อนของท่าน เพื่อนร่วมงาน คนในบ้าน คนในชุมชน และคนในโบสถ์
ถึงทางออกที่นำไปสู่ความเป็นไทในชีวิตด้วย

เพราะนี่คือความรับผิดชอบของท่านและข้าพเจ้า
เพราะนี่คือพันธกิจที่ได้รับการทรงเรียก และ งานที่ทรงมอบหมาย
เพราะนี่คือการสำแดงถึงความรักเมตตาอย่างแท้จริง
เพราะนี่คือพระราชกิจที่นำมาซึ่งแผ่นดินของพระเจ้า และ น้ำพระทัยของพระองค์
เพราะนี่คือเหตุผลที่เราเป็นสาวกของพระคริสต์
เพราะนี่คือเหตุผลที่คริสตจักรตั้งอยู่ในโลกนี้
เพราะนี่คือพระประสงค์ของพระบุตรของพระเจ้าที่เสด็จมาในโลกนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น