10 สิงหาคม 2553

สาวกรับใช้พระคริสต์

10ครั้นอัครทูตกลับมาแล้ว เขาทูลพระองค์ถึงบรรดาการซึ่งเขาได้กระทำนั้น พระองค์จึงพาเขาไปแต่ลำพังถึงเมืองที่เรียกว่าเบธไซดา 11แต่เมื่อประชาชนรู้แล้วจึงตามพระองค์ไป พระองค์ทรงต้อนรับเขา ตรัสสั่งสอนเขาถึงแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนที่ต้องการให้หายโรคพระองค์ก็ทรงรักษาให้ (ลูกา 9:10-11)

เราแต่ละคนต่างคาดหวังที่จะมีชีวิตที่เป็นสาวกของพระคริสต์
เป็นชีวิตที่ผ่านการบ่มเพาะ ฝึกฝนจากพระคริสต์ในทุกสถานการณ์ชีวิตประจำวัน
สาวกของพระคริสต์
เรียนรู้จากสิ่งที่พระองค์สอน
เรียนรู้จากสิ่งที่พระองค์ทำ
เรียนรู้จากท่าทีที่พระองค์แสดงออกต่อผู้คน
เรียนรู้ว่าพระองค์เลือกทำอะไรก่อนและหลัง
เรียนรู้ว่า เป้าหมายสำคัญสุดยอดคือ แผ่นดินของพระเจ้า
เรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อประชาชนให้มีชีวิตอยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า
เรียนรู้ว่าการตอบสนองต่อชีวิตผู้คนสำคัญกว่าเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นสุดๆ ในชีวิตของตนเอง

ภายหลังที่ติดตามสังเกตเรียนรู้ในสิ่งที่พระองค์สอนและพระองค์กระทำ
พระเยซูก็ส่งสาวกของพระองค์ลงสนามฝึกหัด
ทำในสิ่งที่พระองค์ทำ สอนในสิ่งที่พระองค์สอน
แต่ทั้งสิ้นเหล่านี้เป็นการกระทำที่สำนึกเสมอว่า ทำด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์
กระทำทุกอย่างในพระนามของพระคริสต์

ทุกคนกลับมาพร้อมกับความเหน็ดเหนื่อย แต่ตื่นเต้นในประสบการณ์ใหม่ๆ
พระเยซูพาเขาออกจากเมืองคาเปอรนาอุมไปในที่สงบเงียบของเบธไซดา
ใกล้ปากแม่น้ำจอร์แดนที่ไหลลงสู่ทะเลสาบกาลิลี
เพื่อจะได้พักผ่อน และบอกเล่าถึงประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นที่เจอะเจอมา
แต่ฝูงชนสืบทราบมา จึงติดตามไปทั้งทางบกและทางน้ำ เพื่อพบกับพระเยซูและสาวก
การพักผ่อน ความสุขจากการเล่าประสบการณ์เลยต้อง “เก็บไว้ก่อน”

พระเยซูต้อนรับประชาชนที่ตามหาจนพบ
พระองค์ทรงสั่งสอนพวกเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
พระองค์ทรงรักษาคนเจ็บป่วยที่ต้องการหาย
สาวกปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์การเรียนรู้ในสิ่งที่พระเยซูสอนและทำ
พวกเขาเรียนรู้จากการเป็นผู้ช่วยพระคริสต์ในการรับใช้ประชาชน
พระองค์กำลังเตรียมสาวกของพระองค์
ในการที่จะต้องทำงานที่ตนเองมิได้กะเกณฑ์หรือคาดการณ์ล่วงหน้า

พระคริสต์กำลังเตรียมสาวกของพระองค์ในการทำงานในปีข้างหน้าที่จะมาถึง
พระองค์ทรงเตรียมเขาให้มีชีวิตพร้อมเสมอสำหรับประชาชน และ เหตุการณ์ที่พระเจ้าจะส่งมา
พระองค์ทรงเตรียมพวกเขาให้รู้จักที่จะอดทนในความยากลำบาก
พระองค์ทรงเตรียมเขาให้เป็นผู้แบ่งปันแผ่นดินของพระเจ้าแก่ผู้คนในทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น
พระองค์ทรงเตรียมเขาให้พร้อมรับใช้พระเจ้าที่ไม่เป็นไปตามตารางเวลาชีวิตของตน
พระองค์ทรงเตรียมสาวกของพระองค์รับใช้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตนไม่สามารถควบคุม
พระองค์ทรงเสริมสร้างพวกเขาให้เป็นคนงานในแผ่นดินของพระเจ้า

เราอาจจะถูกบ่มเพาะ ฟูมฟักมาอย่างผิดพลาด
คริสเตียนมักเข้าใจว่า งานรับใช้เป็นงานเฉพาะ เป็นงานของคริสตจักร
ดังนั้น หลายคนจึงทำงานพันธกิจรับใช้เป็นงานอดิเรก
เป็นงานฝาก ถ้ามีเวลาขอช่วยทำหน่อย
งานรับใช้พระคริสต์เป็นงานที่ทำในเวลาที่เหลือ
เป็นงานที่ทำนอกธุรกิจการงาน อาชีพของตน

แต่พระคริสต์ทรงเรียกแต่ละคนให้รับใช้ในพันธกิจของพระองค์ในเวลาที่พระองค์ต้องการ
พระองค์ทรงเรียกให้เราทำพันธกิจของพระองค์ได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ที่พระองค์ประสงค์
พระองค์ทรงเรียกให้เราทำตามการทรงคาดหวังของพระองค์ มิใช่ตามความคาดหวังของเรา
แต่ที่สำคัญคือ เมื่อพระองค์ทรงเรียกเราทำตามพระประสงค์ของพระองค์
พระองค์ทรงพร้อมส่งคนที่เราจะพบ สถานการณ์ที่เราจะต้องประสบ ความยากลำบากที่เราจะต้องเผชิญ
พระองค์พร้อมที่จะนำเราในการรับใช้พันธกิจนั้นด้วยพระกำลัง และ น้ำพระทัยของพระองค์

พระคริสต์ประสงค์ที่จะทำพระราชกิจของพระองค์ผ่านชีวิตและการงานของสาวก
พระคริสต์ประสงค์ที่จะทำงานในชีวิตของสาวกของพระองค์ ผ่านการอธิษฐาน และ ผ่านพระวจนะ
สาวกของพระคริสต์จึงเรียนรู้ มีประสบการณ์ มีความศรัทธา และมั่นใจในพระองค์
เราต้องเรียนรู้แล้วเรียนรู้เล่าจากพระองค์ ในทุกวัน

โปรดระลึกเสมอว่า เมื่อพระเจ้าส่งงานพันธกิจมาให้เราทำ
พระองค์ก็จะส่งการทรงนำ และ พระกำลัง ความรักเมตตา พระคุณ และสิ่งจำเป็นต่างๆแก่เรา
เพียงขอท่านพร้อมและเต็มใจที่จะให้พระองค์ทรงใช้เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น