12 สิงหาคม 2553

ผู้ยิ่งใหญ่

46แล้วเหล่าสาวกก็เกิดเถียงกันว่าในพวกเขาใครเป็นใหญ่ 47ฝ่ายพระเยซูทรงหยั่งรู้ความคิดในใจของเขาจึงให้เด็กคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้พระองค์ 48แล้วตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดจะรับเด็กเล็กๆ คนนี้ในนามของเรา ผู้นั้นก็ได้รับเรา และผู้ใดได้รับเรา ผู้นั้นก็ได้รับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา เพราะว่าในพวกท่านทั้งหลาย ผู้ใดเป็นผู้น้อยผู้นั้นแหละเป็นผู้ใหญ่ (ลูกา 9:46-48)

การคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ หรือการที่สนใจแต่ตนเองนั้นมักทำให้เกิดการถกเถียงกัน หรือไม่ก็เกิดความรู้สึกไม่พออกพอใจอยู่ภายใน ความครุกรุ่นในจิตใจ ความรู้สึกขมขื่นในชีวิต อีกทั้งทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในวังวนของความสับสนวุ่นวายใจอีกด้วย อาจจะเป็นไปได้ว่า การที่พระเยซูคริสต์ทรงเลือกให้เปโตร ยากอบ และยอห์น ขึ้นไปบนภูเขาที่พระองค์ทรงจำแลงพระกายทำให้สาวกกลุ่มนี้เกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญ จนนำมาถึงซึ่งการถกเถียงว่าใครกันแน่ที่มีความสำคัญในกลุ่มสาวกคนใกล้ชิด

พระเยซูคริสต์มิได้อยู่ตอนเริ่มต้นที่ถกเถียงกัน แต่พระองค์ทรงรู้ว่าสาเหตุของการถกเถียงกันของสาวกมีสาเหตุจากเรื่องอะไร “พระองค์ทรงหยั่งรู้ความคิด” ของสาวกในเวลานั้น พระเยซูได้นำเด็กเล็กคนหนึ่งที่อยู่แถวนั้นเข้ามาใกล้พระองค์ เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบให้สาวกเห็นถึงระบบคุณค่าที่ใช้ในแผ่นดินของพระเจ้า ระบบการให้คุณค่าแก่ผู้คนในแผ่นดินของพระเจ้าแตกต่างตรงกันข้ามจากหน้ามือเป็นหลังมือกับระบบการให้คุณค่าสำคัญของกระแสแห่งโลกนี้

เมื่อพระเยซูนำเด็กมายืนเคียงข้างพระองค์ พระองค์มิได้หมายความว่าเด็กสำคัญกว่าผู้ใหญ่ หรือเพราะเด็กยืนเคียงข้างพระองค์ดังนั้นเด็กจึงมีความสำคัญ และพระองค์ก็ไม่ได้บอกว่าเด็กเป็นเหมือนทูตสวรรค์ที่จะนำเราให้เข้าไปถึงพระพักตร์พระเจ้า จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หรือให้เรานมัสการเด็กคนนี้ มิใช่เช่นนั้นแน่ แต่พระองค์ประสงค์ที่จะเปรียบเทียบให้สาวกได้เรียนรู้และเข้าใจถึง “ระบบคุณค่า” แห่งแผ่นดินของพระเจ้า

ในสังคมและวัฒนธรรมยิวในสมัยนั้น เด็กไม่มีคุณค่าและความหมายอะไรเลยเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ใหญ่ผู้ชายอย่างสาวกของพระองค์ ดังนั้น ในสังคมยิวเวลานั้นจึงมิได้ให้คุณค่าและความสนใจเด็กเช่นพระองค์ แต่พระเยซูคริสต์ตรัสสอนสาวกของพระองค์ว่า ถ้าใครยอมรับ ให้เกียรติ และให้คุณค่าแก่เด็กเล็กๆ เช่นนี้คนหนึ่งในนามของพระองค์ คนนั้นก็ยอมรับ ให้เกียรติ และให้คุณค่าแก่พระองค์ด้วย ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการยอมรับ ให้เกียรติ และให้การยกย่องสรรเสริญแก่พระบิดาเจ้าด้วย และนี่คือ ระบบคุณค่าแห่งแผ่นดินของพระเจ้า

ในเมื่อสาวกแต่ละคนยอมรับ ให้เกียรติ และให้คุณค่าแม้แต่เด็กเล็กๆ คนนี้ เขาก็ควรจะยอมรับ ให้เกียรติ และให้คุณค่าแก่กันและกันในกลุ่มสาวกด้วย มองเห็นคุณค่าในชีวิตของผู้อื่น กระทำสิ่งที่ดีที่สุดแก่กันและกันเหมือนที่พวกเขาต้องการกระทำต่อพระองค์ และ พระบิดา อันความเป็นใหญ่ตามระบบคุณค่าของพระเยซูคริสต์ ที่มิใช่ได้มาเพราะคนๆ นั้นได้ใกล้ชิดคนสำคัญ มิใช่คนนั้นมีอำนาจ หรืออยู่ใกล้ชิดคนที่มีอำนาจ แต่เพราะการยอมรับคนอื่น ให้เกียรติ และ เห็นคุณค่าของคนอื่น นำเขาไปสู่การใช้ชีวิตในการรับใช้คนๆ นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้คนเล็กน้อยด้อยค่า อยู่ชายขอบหรือนอกขอบสังคม ตามระบบคุณค่าของพระเยซูคริสต์ คนกลุ่มนี้แหละที่สาวกคนติดตามพระองค์จะต้องรับใช้

พระเยซูคริสต์มีชีวิตที่เป็นแบบอย่างในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม พระองค์มาในโลกนี้เพื่อรับใช้ช่วยเหลือคนผิดคนบาปที่หลีกลี้หนีออกจากทางพระเจ้า ความยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์มิใช่เพราะเป็นพระบุตรของพระบิดา มิใช่เพราะพระองค์เลือกวิธีสละชีวิตที่ทรมานเจ็บปวดและตายด้วยความรุนแรงบนกางเขน แต่ที่พระเยซูคริสต์ทรงยิ่งใหญ่เพราะ พระองค์ยอมเชื่อฟังพระบิดา ทนทุกข์เจ็บปวดเพื่อเราผู้บาปผิดบนกางเขน ถ้าเป็นเช่นนั้น ระบบคุณค่าของคริสเตียนเราในปัจจุบันก็ต้องผิดรูปผิดแบบจากแก่นแท้แห่งระบบคุณค่าแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ไม่มีใครในพวกเราที่จะอ้างสิทธิอำนาจเหนือคนอื่นได้ในเมื่อพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา(ฟิลิปปี 2:5-8)

คริสเตียนและคริสตจักรในปัจจุบันต้องตัดสินใจเลือกว่าจะใช้ชีวิตบนเส้นทางแห่งกางเขนของพระคริสต์หรือจะเลือกเดินไปตามกระแสแห่งโลกนี้ ที่จะคิด ตัดสินใจ และกระทำตามหลักการหลักเกณฑ์ของสังคมโลกปัจจุบัน ถ้าใครตัดสินใจเลือกเส้นทางแห่งกางเขนของพระคริสต์ ผู้นั้นเลือกระบบคุณค่าที่ความยิ่งใหญ่เกิดจากการที่คนๆ นั้นบริการรับใช้ผู้อื่นด้วยชีวิตที่รักเมตตาและเสียสละ และนี่คือวิธีการที่ดีที่สุดจะสำแดงพระคริสต์ให้เพื่อนรอบข้างของเราเห็นและสัมผัสพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน เป็นชีวิตที่ถ่อมสุภาพ รับใช้ด้วยความรักเมตตา รับใช้แม้คนที่เราชัง

พระคริสต์ทรงถ่อมพระองค์ลง
ทรงกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อเราทั้งๆ ที่เรามิใช่คนที่เหมาะสมจะรับสิ่งเหล่านั้น
พระคริสต์ทรงถ่อมพระองค์ลง
ยอมทนทุกข์เพื่อเราแต่ละคนผู้เล็กน้อยด้อยค่า
พระคริสต์ต้องถ่อมพระองค์ลงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเราคิดว่า ตนเองมีคุณค่าสำคัญกว่าคนอื่น
พระคริสต์ต้องถ่อมพระองค์ลงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเราไม่ยอมที่จะถ่อมตนลงรับใช้เพื่อนมนุษย์ด้วยรักและเสียสละ
พระคริสต์ต้องถ่อมพระองค์ลง ยอมถูกตรึงบนกางเขนอีกกี่ครั้งเพื่อเรา?

5ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 7แต่ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ 8และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน (ฟีลิปปี 2:5-8)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น