08 สิงหาคม 2553

เส้นทางชีวิตที่ต้องคิดหนัก

23พระองค์จึงตรัสแก่คนทั้งหลายว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา 24เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด 25เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียตัวของตนเองผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร (ลูกา 9:23-25)

ในที่สุดความลับก็ถูกเปิดเผย พระเยซูคริสต์เองก็ยืนยันคำกล่าวของเปโตรที่บอกว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ เป็นผู้ที่ได้รับการทรงเจิมจากพระเจ้า เป็นพระบุตรของพระบิดา ที่เข้ามาในโลกนี้เพื่อปราบปรามทำลายความตั้งใจและกิจการของซาตาน(1ยอห์น 3:8) บัดนี้ การศึกสงครามก็เปิดออกอย่างแจ้งชัด หมดเวลาสำหรับประชานิยมในตัวของพระเยซูคริสต์แล้ว การโจมตีอย่างรุนแรงจากฝ่ายตรงกันข้ามของพระเยซูจะทวีความมากขึ้น และนี่คือจุดที่นำพระเยซูขึ้นไปสู่การถูกตรึงที่กางเขน แต่เรื่องมิได้มีเพียงแค่นั้น เพราะทุกคนที่คิดจะติดตามพระองค์จำเป็นที่จะต้องเดินไปบนเส้นทางแห่งกางเขนเส้นนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยง

เส้นทางกางเขนแห่งการเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ มิเพียงแต่จะนำสาวกที่ติดตามพระองค์ในเวลานั้นไปถึงจุดจบของชีวิตด้านร่างกายด้วยกางเขนไม้และตะปูเหล็กเท่านั้น แต่สาวกที่จะติดตามพระคริสต์ต้องเต็มใจที่จะปฏิเสธพลังธรรมชาติในการเห็นแก่ตัวเองทั้งสิ้น ละทิ้งความกดดันภายในตนแห่งความอยากได้ใคร่มี เพื่อที่จะยอมเชื่อฟังพระเจ้าพระบิดา เพราะพระคริสต์เองมิได้ทำตามใจที่ตนปรารถนา ไม่ว่าในสวนเกธเสมนี และ ที่ภูเขากะโหลกศีรษะ ดังนั้น ในฐานะสาวกของพระเยซูคริสต์ก็ไม่มีสิทธิที่จะทำตามใจปรารถนาของตนเองด้วยเช่นกัน เพราะพระคริสต์ทรงวางแบบอย่างสำหรับผู้ที่ตัดสินใจที่จะดำเนินบนเส้นทางแห่งกางเขนนี้ ที่จะเดินไปตามรอยพระบาทของพระองค์

บนเส้นทางแห่งกางเขนนี้เป็นเส้นทางที่ผู้จะตัดสินใจต้องเลือกว่า ท่ามกลางสถานการณ์สังคมที่พระเยซูคริสต์กำลังอยู่ในกระแสประชานิยม พระเยซูคริสต์ทรงยื่นคำขาดที่แต่ละคนจะต้องตัดสินใจเลือกว่า ตนจะยอมเสียสิทธิส่วนตัวที่จะทำตามใจปรารถนาอยากได้ใคร่มีของตน หรือเลือกที่จะยอมสูญเสียสิทธิแห่งชีวิตนิรันดร์ ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ แต่สำหรับพระคริสต์แล้ว พระองค์มิได้เลือกสารพัดสิ่งที่โลกนี้ประเคนให้พระองค์ แต่พระองค์เลือกที่จะยอมมอบกายให้ชีวิตแก่คนที่รักและเชื่อฟังพระองค์

หัวใจการเป็นสาวกของพระคริสต์ที่แท้จริงคือ การที่คนๆ นั้นเต็มอกเต็มใจที่จะติดตามพระองค์ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิต พร้อมเสมอที่จะเชื่อฟังพระองค์ และเลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่ตนอยากได้ใคร่มี เพื่อที่ตนจะสามารถถวายชีวิตทำตามพระบัญชาของพระองค์ สำหรับพระคริสต์ พระองค์ยอมสละชีวิตเป็นเครื่องบูชาเพื่อกอบกู้ไถ่ถอนเราให้หลุดพ้นจากอำนาจของความบาปแห่งโลกนี้ สำหรับเราที่ตัดสินใจเลือกที่จะติดตามเป็นสาวกของพระองค์คือ การที่เรายอมละทิ้งหรือยอมสูญเสียสิ่งที่เราอยากได้ใคร่มีสูงสุดในชีวิตของเรา ที่เราอาจจะอ้างอิงเหตุผลสารพัดเพื่อที่จะกอดยึดสิ่งเหล่านั้นให้เป็นของเรา

คำตรัสของพระคริสต์ที่ทรงยื่นคำขาดสำหรับคนที่จะเลือกติดตามเป็นสาวกของพระองค์ต้องตัดสินใจ ยุติจิตใจที่หมกมุ่นอยู่กับความเห็นแก่ตัวแห่งโลกนี้ เป็นคำตรัสที่กระตุกเตือนทุกคนที่หลงคิดว่าตนเป็นสาวกของพระคริสต์ ให้มองชีวิตการติดตามพระองค์และมีชีวิตที่เป็นสาวกของพระองค์ด้วยมุมมองของเบื้องบน

ดังนั้น ใครก็ตามที่หลงระเริงอยู่กับความคิดว่าตนเป็นสาวกของพระคริสต์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องหยุดตนเอง แล้วใช้เวลาพิจารณาตนเองอย่างจริงจังว่า ตนเองเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเราคิดว่าเราเป็นสาวกของพระองค์ แต่ดำเนินชีวิตที่ต่อต้านขัดแย้งต่อพระประสงค์และน้ำพระทัยของพระเจ้า

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตัดสินใจเลือกที่จะละทิ้งตนเอง แล้วตามพระองค์ไปบนเส้นทางแห่งกางเขนดังกล่าว ถ้าใครที่รู้สึกได้รับความเจ็บปวดจากการที่ตนถวายชีวิตเป็นเครื่องบูชา และถูกทดลองให้ท้อแท้ถอยกลับ...ขอให้ระลึกถึงพระเยซู ดังใน พระธรรมฮีบรู 12:2-3 ที่เขียนไว้ว่า “...ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา 2หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า 3ท่านทั้งหลายจงคิดถึงพระองค์ผู้ได้ทรงยอมทนต่อคำคัดค้านของคนบาป เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้ไม่รู้สึกท้อถอย”

ให้เราขอบพระคุณพระเจ้า ที่ทรงเตือนให้เราระลึกถึงการที่เราจาริกไปกับพระองค์ในแต่ละวัน ที่เรามีโอกาสดำเนินไปกับพระองค์บนเส้นทางชีวิตประจำวัน มิใช่เชื่อศรัทธาในพระองค์ด้วยการประกอบศาสนพิธี แต่ด้วยการถวายชีวิตของเราเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าและมีชีวิตที่เชื่อฟังพระองค์ และขอพระเจ้าทรงโปรดยกโทษเราที่บ่อยครั้งเราเรียกร้องหรืออ้างสิทธิส่วนบุคคลให้ได้ซึ่งความอยากมีอยากได้เพื่อตนเอง ขอพระเจ้าทรงช่วยให้เราได้เข้าใจถึงการที่พระคริสต์ยอมมอบกายถวายชีวิตของพระองค์ให้เป็นเครื่องบูชาเพื่อเป็นค่าไถ่ชีวิตคนเป็นอันมาก เพื่อเราจะติดตามและทำตามอย่างพระองค์ด้วยความเต็มใจ และพร้อมที่จะละทิ้งสิทธิส่วนบุคคลเพื่อเราจะสามารถเดินไปอย่างใกล้ชิดพระองค์ ขอให้พระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกป้องรักษาให้ชีวิตของเราเป็นสาวกที่แท้จริงของพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น