21 มิถุนายน 2553

สิบลดชีวิต

42“แต่วิบัติแก่ท่าน พวกฟาริสี เพราะว่าท่านถวายทศางค์ (สิบลด) เป็นพวกสะระแหน่ ขมิ้น และพืชผักทุกชนิด แต่กลับละเว้นความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า สิ่งเหล่านี้พวกท่านควรทำอยู่แล้ว แต่สิ่งอื่นๆ ก็ไม่ควรละเว้นด้วย
(ลูกา 11:42 สำนวนแปล TBS02b)


ทศางค์ หรือ สิบลด คือการที่ชาวยิวแต่ละคนมอบถวาย 10% ของรายได้ในชีวิตของเขา รวมไปถึงพืชผลที่เขาเพาะปลูก เมื่อได้ผลผลิตแล้วเขาจะหัก 10% มอบถวายผ่านทางปุโรหิต นี่เป็นศาสนบัญญัติที่ชาวยิวทุกคนพึงถือปฏิบัติ และของถวายส่วนนี้เป็นการช่วยให้ปุโรหิตและเลวีที่ถวายตัวปรนนิบัติพระเจ้าโดยไม่มีอาชีพและรายได้ก็จะใช้ของถวายส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งในการอยู่รอดของเขา และในเวลาเดียวกันของถวายจากสิบลดส่วนหนึ่งก็ใช้สำหรับค้ำจุนให้ชีวิตของผู้ต่ำต้อย ยากจน ด้อยโอกาส ให้สามารถอยู่รอดชีวิตในชุมชนของยิวด้วย ดังนั้น การถวายสิบลดจึงเป็นบทบัญญัติหนึ่งที่พระเจ้ามีพระประสงค์สำแดงให้เห็นถึงน้ำพระทัยของพระองค์ที่รักและเอาใจใส่ผู้เล็กน้อยเหล่านี้ในสังคม หัวใจของการถวายสิบลดมิได้อยู่ที่การถวายทรัพย์สิ่งของรายได้ให้ครบ 10% เท่านั้น แต่จิตวิญญาณของการถวายสิบลดคือการที่ผู้เชื่อศรัทธาในพระเจ้าแต่ละคนตอบสนองต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ทรงเอาใจใส่ห่วงใยและดูแลเลี้ยงดูคนต่ำต้อยเล็กน้อยเหล่านี้ เพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในชุมชนของผู้เชื่อศรัทธาพระองค์ และนี่คือพระบัญญัติของพระเจ้าด้านระบบสังคมของยิวและพระเยซูคริสต์ก็ให้เราปฏิบัติธรรมบัญญัตินี้ด้วย

ดังนั้น รากฐานของการถวายสิบลดจึงมาจากชีวิต จิตใจ และจิตวิญญาณของคนๆ นั้นรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ จนมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะทำตามพระประสงค์ของพระบิดา คือการเอาใจใส่คนต่ำต้อยเล็กน้อยเหล่านั้นอย่างน้ำพระทัยของพระองค์ เพื่อคนเหล่านี้จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดอย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี โดยผ่านน้ำใจของผู้ถวายที่รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง และนี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์เรียกว่า “ความยุติธรรมและความรักต่อพระเจ้า” แล้วจึงสำแดงผ่านการถวายทศางค์หรือสิบลด พระคริสต์ต้องการให้ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์มีใจและพฤติกรรมที่แสดงออกตรงกันด้วย

พระเยซูคริสต์ได้วิพากษ์พวกฟาริสีและธรรมาจารย์อย่างรุนแรงว่า พฤติกรรมการถวายสิบลดเพียง “เปลือกนอก” หรือ เพียงรูปแบบ ตามศาสนบัญญัติและศาสนพิธีโดยมิได้มีจิตใจที่รักพระเจ้าด้วยการเอาใจใส่คนเล็กน้อยตามพระประสงค์ของพระเจ้านั้นนำมาซึ่ง “วิบัติ” ในชีวิต เพราะการกระทำเพียงภายนอกเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าตนชอบธรรม มิได้รักพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจจนนำไปสู่การรักเพื่อนบ้านที่เป็นคนยากจนต่ำต้อยเล็กน้อยเหมือนรักตนเองนั้นเป็นชีวิตที่ “หน้าซื่อใจคด” “มือถือสากปากถือศีล” เป็นการประกอบศาสนพิธีที่หลอกลวงชาวโลกที่พบเห็น แท้จริงแล้วเป็นการหลอกตนเอง ยิ่งกว่านั้นเป็นการหลอกพระเจ้า เป็นการหมิ่นพระเกียรติพระองค์ และนี่นำมาซึ่ง “วิบัติ” ในชีวิตของพวกถวายสิบลดแบบหน้าซื่อใจคด

คนเหล่านี้ปฏิบัติศาสนพิธี เป็นคนเจ้าระเบียบ เจ้าพิธีรีตอง เล่นกับพิธีกรรม เป็นเหมือนนักแสดงบนเวที คนพวกนี้วัดความสำคัญของจิตวิญญาณด้วยการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติเท่านั้น แต่หลีกเลี่ยง หลบลี้หนีการดำเนินชีวิตตามจิตวิญญาณของธรรมบัญญัติเหล่านั้น และละเลยสัมพันธภาพที่ติดสนิทกับพระเจ้าอย่างแท้จริงลึกซึ้ง และหลีกเลี่ยงที่จะมีความรักความสัมพันธ์กับผู้เล็กน้อยต่ำต้อยยากจนที่พระเจ้าสนพระทัยและเอาใจใส่ และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ชีวิตต้อง “วิบัติ” ตามคำวิพากษ์ของพระคริสต์ เพราะคนที่ถวายสิบลดแบบคนหน้าซื่อใจคด เขาปิดหูปิดตาและปิดใจจากพระประสงค์ของพระเจ้า

ในยุคปัจจุบันนี้ง่ายดายเหลือเกินที่เราจะติดตามพระเยซูคริสต์แบบ “หน้าซื่อใจคด” ที่ผู้เชื่อศรัทธาทำตามความคาดหวังของคริสตจักรที่จะให้มีชีวิตเพียงตามรูปแบบ มานมัสการพระเจ้า ถวายสิบลด ทำตามบทบัญญัติ หรือธรรมเนียมปฏิบัติของคริสตจักร และถือว่าสิ่งเหล่านี้คือเป้าหมายปลายทางของการติดตามพระเยซูคริสต์ แต่ขาดการใคร่ครวญขุดลึกลงถึงรากฐานแห่งความเชื่อศรัทธาที่วางบนรากฐานแห่งความรักสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าในชีวิตแต่ละวัน และในการทำกิจกรรมแต่ละเรื่องมีใจปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ได้รับการเปลี่ยน แปลงและสร้างใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อเราจะเป็นคนที่พระเจ้าใช้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ บ่อยครั้งการทำศาสนพิธี การทำตามบทบัญญัติ และการทำตามประเพณีนิยมของคริสตจักรกลับกลายเป็น “ม่านบังตา” ของผู้ที่เชื่อจากพระประสงค์และการทรงเรียกของพระเจ้าในแต่ละวัน แม้จะทำ ศาสนพิธีและดำเนินชีวิตตามธรรมบัญญัติแต่พบว่าชีวิตจิตวิญญาณของตนนั้นแห้งแล้ง ชีวิตจิตใจห่อเหี่ยว

ทั้งนี้เพราะเราอาจจะกำลังหลอกตนเอง หรือกำลังเข้าใจผิด ทึกทักเอาว่าสิ่งที่ทำนั้นทำให้ตนมีสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าแล้ว แต่ในความเป็นจริงความรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจ สัมพันธ์สนิทสนมกับพระองค์นั้นเป็นสิ่งสำคัญยิ่งยวดในชีวิตของผู้เชื่อแต่ละคน

แล้วเราจะเยียวยาบาดแผลที่เกิดจากความเชื่อแบบหน้าซื่อใจคดนี้ได้อย่างไร?

พระคริสต์ตรัสว่า ให้ผู้เชื่อมุ่งมั่นตั้งใจปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตแต่ละวัน และ ทุกขณะจิตในชีวิตที่จะรักติดสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจสุดชีวิตของเรา เพื่อเราจะได้ซึมซับพลังแห่งความรักของพระคริสต์ช่วยให้เราสามารถที่จะรักเพื่อนบ้านคนเล็กคนน้อย ผู้ต่ำต้อย และคนถูกทอดทิ้งด้วยความรักจากพระองค์ และนั่นคือส่วนที่พระคริสต์เรียกว่า “ความยุติธรรมและความรักพระเจ้า” ที่คนหน้าซื่อใจคดละเว้นกระทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น