อ่านพระธรรมสดุดี
113:1-9
พระองค์ทรงยกคนจนขึ้นมาจากผงคลี
และทรงยกคนขัดสนขึ้นมาจากกองขี้เถ้า
(สดุดี 113:7 มตฐ.)
ปกติทั่วไปเรามักเข้าใจว่า พระราชกิจของพระเจ้าประกอบด้วย พระราชกิจแห่งการทรงสร้าง การทรงกอบกู้ให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว พระราชกิจแห่งการทรงพลิกฟื้นและสร้างสังคมโลกนี้ขึ้นใหม่ ให้เป็นแผ่นดินโลกใหม่ ฟ้าสวรรค์ใหม่
อันเป็นพระราชกิจแห่งการนำเอาสภาพสังคมแบบแผ่นดินของพระเจ้าให้เกิดขึ้นเป็นจริงบนแผ่นดินโลกที่พระองค์ทรงสร้าง
แต่ในพระธรรมสดุดี บทที่ 113:7 ได้กล่าวชัดเจนถึงพระราชกิจของพระเจ้าในการ “ทรงยกคนจนและคนขัดสนขึ้น”
จากผงคลี และ จากกองขี้เถ้า หรือ
กองขยะที่ใหญ่โตมหึมาในปัจจุบัน
กล่าวคือนี่เป็นพระราชกิจที่พระเจ้าทรงยกคนที่ต่ำต้อยด้อยค่า (ผงคลี) ให้คนเหล่านั้นมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่าในชีวิตเท่าเทียมกับคนอื่น
ๆ ที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าเช่นกัน
และ ทรงยกคนที่ถูกกดขี่และการกดดันให้ต้องจมจ่อมอยู่ในกองทุกข์ยากจนขัดสนและโศกเศร้า
จากการกระทำของคนที่ตำแหน่ง อำนาจ และโอกาส จนไม่มีวันจะโงหัวขึ้น
พระเจ้าทรงยกคนเหล่านี้ขึ้น และนี่คือพระราชกิจของพระเจ้า!
เกิดคำถามว่า
ทุกวันนี้สภาคริสตจักรของเรากระทำพันธกิจที่สืบสานต่อจากพระคริสต์ หรือ
สวนกระแสกับแนวทางการทำพันธกิจของพระเจ้าและพระคริสต์กันแน่?
ผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้ได้เรียกร้องและเชิญชวนให้เราสรรเสริญพระเจ้า
(ข้อ 1-2)
เพราะพระองค์ทรงเป็นใหญ่อยู่เหนือประชาชาติทั้งหลาย และ เหนือฟ้าสวรรค์
(ข้อ 3-4)
แต่พระองค์กลับ “โน้มพระองค์ลง” เอาใจใส่ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก (ข้อ 6) ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยัง
“ทรงยกคนจนขึ้นจากผงคลีดิน” และ
“ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขี้เถ้า” (ข้อ 7) เพื่อให้มีคุณค่าและศักดิ์เท่าเทียมกับ
“บรรดาเจ้านาย” (ข้อ 8)
แล้วทรงอวยพระพรแก่คนที่ขาดพระพร (ข้อ 9)
ด้วยเหตุเหล่านี้แหละที่ผู้ประพันธ์สดุดีเชิญชวนให้เราสรรเสริญพระเจ้า
นี่คือพระลักษณะของพระเจ้าที่เราสามารถเรียนรู้จากพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ!
แต่หลายท่านรวมทั้งตัวผมเองเกิดคำถามในใจว่า แล้วพระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นอย่างไร?
พระเจ้าทรงส่งพระเยซูคริสต์ให้ลงมากระทำพระราชกิจ
“การยกคนยากจนและคนขัดสน” นี้ในสถานการณ์จริงบนแผ่นดินโลกในยุคของพระองค์ โดยมีเป้าหมายที่กระทำพระราชกิจดังกล่าวเพื่อนำแผ่นดินของพระเจ้า
น้ำพระทัยของพระบิดาได้เกิดขึ้นเป็นจริงบนแผ่นดินโลกนี้อย่างที่เกิดขึ้นในสวรรค์ จนวันหนึ่งจะสำเร็จเป็นจริง ที่เป็นแผ่นดินที่ผู้คนไม่ต้องหลั่งน้ำตาอีกต่อไป
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางแห่งพระราชกิจการเสริมสร้างแผ่นดินของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกนี้
พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจนี้เพื่อเป็นแบบอย่างถึงการทุ่มเท
และ การทรงอุทิศตนเพื่อพระคุณและความยุติธรรมของพระเจ้าอย่างไร เพื่อคนที่ยอมตนติดตามเป็นสาวกของพระองค์ และ
ชุมชนคริสตจักรจะได้สืบสานพระราชกิจนี้ต่อจากพระองค์ เป็นความจริงว่า พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ได้ด้วยพระองค์เอง และทรงกระทำพระราชกิจในชีวิตของผู้คน และผ่านชีวิตของผู้คน
แต่เราพบว่าพระราชกิจส่วนใหญ่ของพระเจ้าทรงกระทำในชีวิต และ ผ่านชีวิตของคนที่พระเจ้าทรงเรียกและทรงใช้
ดังนั้น
ด้วยวิธีหนึ่งในการที่พระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นจากผงคลีและกองขี้เถ้า ผ่านคริสตจักรที่เชื่อฟัง สัตย์ซื่อ
และทุ่มเทถวายชีวิตแด่พระองค์
นั่นหมายความว่า
พระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นผ่านงานชีวิตของท่านและข้าพเจ้า ผ่านชีวิตชุมชนคริสตจักร ผ่านสภาคริสตจักรในประเทศไทย!
แล้วเราจะมีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ได้อย่างไรบ้าง?
คริสตจักร
คนที่เชื่อและติดตามพระเยซูคริสต์
ทั้งท่านและผม
สามารถที่เข้ามีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งการยกคนยากจนขัดสนขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
บางคนเข้าไปมีส่วนในการรับใช้เอาใจใส่คนกลุ่มนี้โดยตรง หนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คนที่ลำบากขัดสนให้สามารถลืมตาอ้าปากที่จะสามารถจัดการชีวิตของตนเองได้อย่างมีคุณค่าและความหมาย
บางครั้งก็ได้มีคนที่รวมตัวกันเป็นองค์กรเอกชนที่จะเอาใจใส่สุขภาพ สวัสดิภาพ
การทำมาหากิน ของผู้ยากจนขัดสน ด้อยโอกาส บ้างก็เปิดโอกาสให้เด็กที่ยากจนขัดสนได้มีโอกาสเล่าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ
บางครั้งคริสตจักรก็เป็นกระบอกเสียงของคนยากคนจนคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ มีบางกลุ่มได้เริ่มทำธุรกิจเพื่อสังคม บ้างสร้างโอกาสและพื้นที่ชีวิตที่คนกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีอาชีพการงานเพื่อหารายได้เลี้ยงตนเอง บางคนบางกลุ่มได้จัดสรรระบบความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อให้คนกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะเริ่มต้นอาชีพที่ตนมีศักยภาพเพื่อทำให้มีรายได้เลี้ยงตนเองได้ แต่ในเวลาเดียวกัน
มีอีกหลายคนที่มีน้ำใจและเอาใจใส่ด้วยการสนับสนุนทางการเงินด้วยจิตใจที่กว้างขวาง ผ่านกลุ่มคนทำงานบางกลุ่มดังกล่าวข้างต้น
การเข้าร่วมสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในรูปแบบต่าง
ๆ นำมาซึ่งเสียงสรรเสริญพระนามของพระเจ้า
และการสรรเสริญพระเจ้านั้นมิใช่จะกระทำได้เพียงการเปล่งเสียงเท่านั้น
แต่เราสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ด้วยการกระทำผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการ
“ยกคนยากจนขัดสนขึ้น” จากผงคลีและกองขี้เถ้า
ว่าที่ผู้บริหารสภาคริสตจักรในประเทศไทยที่กำลังหาเสียงและจะมีการเลือกตั้งในเร็ววันนี้ ไม่รู้ว่ามีนโยบายของกลุ่มไหน ทีมไหน หรือ
ท่านไหนบ้างที่ให้ความสำคัญแก่การสานต่อพระราชกิจแห่งการ “ยกคนยากจนขัดสนขึ้น”
จากผงคลีและกองขี้เถ้าต่อจากพระเยซูคริสต์บ้าง?
มีทีมใด หรือ คนใดบ้างที่จะส่งเสริม และ
สนับสนุนให้โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย
หน่วยงาน คริสเตียนของสภาคริสตจักรทำพันธกิจ
“การยกคนยากจนขัดสนขึ้น” บ้าง? หรือ
มัวมองและหาวิธีเอาเงินรายได้ของสถาบันและหน่วยงาเหล่านั้นมาจัดสรรประโยชน์ในรูปแบบต่าง
ๆ ให้กับกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนกลุ่มตน?
การกระทำเช่นนี้เป็นการบีบบังคับสถาบันและหน่วยงานสภาฯ ทางอ้อมให้ต้องมุ่งทำธุรกิจหากำไร
แทนการทำพันธกิจสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในการ “ยกคนยากจนขัดสนขึ้น”
หรือไม่?
ว่าที่คณะผู้บริหารสภาคริสตจักรต้องตัดสินใจว่า จะเลือกที่จะทำให้สถาบันและหน่วยงานของสภาคริสตจักรฯ
สานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ หรือ
บริหารองค์กรสภาคริสตจักรที่ “สวนกระแส” ต่อพระประสงค์ของพระคริสต์ในการสานต่อพระราชกิจของพระองค์? แล้วก็อย่าอ้างแบบข้าง ๆ คู ๆ ว่า
เอาเงินจากสถาบันและหน่วยงานมาเพื่อเลี้ยงคริสตจักร ศิษยาภิบาล และการทำพันธกิจของคริสตจักร พระคริสต์บอกเราชัดเจนว่า พระองค์มาในโลกนี้มิใช่เพื่อ “ตนเอง” จะได้รับการปรนนิบัติ แต่พระองค์มาเพื่อรับใช้และให้ชีวิตคนเป็นอันมากต่างหากครับ
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น