02 ตุลาคม 2557

คริสตจักรจะว่าอย่างไรกับ...พระราชกิจแห่งการยกคนจนและคนขัดสนขึ้น?

อ่านพระธรรมสดุดี 113:1-9

พระ​องค์​ทรง​ยก​คน​จน​ขึ้น​มา​จาก​ผง​คลี
และ​ทรง​ยก​คน​ขัด​สน​ขึ้น​มา​จาก​กอง​ขี้เถ้า
(สดุดี 113:7 มตฐ.)

ปกติทั่วไปเรามักเข้าใจว่า  พระราชกิจของพระเจ้าประกอบด้วย  พระราชกิจแห่งการทรงสร้าง  การทรงกอบกู้ให้หลุดรอดออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว   พระราชกิจแห่งการทรงพลิกฟื้นและสร้างสังคมโลกนี้ขึ้นใหม่   ให้เป็นแผ่นดินโลกใหม่  ฟ้าสวรรค์ใหม่   อันเป็นพระราชกิจแห่งการนำเอาสภาพสังคมแบบแผ่นดินของพระเจ้าให้เกิดขึ้นเป็นจริงบนแผ่นดินโลกที่พระองค์ทรงสร้าง

แต่ในพระธรรมสดุดี บทที่ 113:7 ได้กล่าวชัดเจนถึงพระราชกิจของพระเจ้าในการ “ทรงยกคนจนและคนขัดสนขึ้น” จากผงคลี และ จากกองขี้เถ้า  หรือ กองขยะที่ใหญ่โตมหึมาในปัจจุบัน   กล่าวคือนี่เป็นพระราชกิจที่พระเจ้าทรงยกคนที่ต่ำต้อยด้อยค่า (ผงคลี) ให้คนเหล่านั้นมีศักดิ์ศรีและมีคุณค่าในชีวิตเท่าเทียมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าเช่นกัน   และ  ทรงยกคนที่ถูกกดขี่และการกดดันให้ต้องจมจ่อมอยู่ในกองทุกข์ยากจนขัดสนและโศกเศร้า จากการกระทำของคนที่ตำแหน่ง อำนาจ และโอกาส จนไม่มีวันจะโงหัวขึ้น  

พระเจ้าทรงยกคนเหล่านี้ขึ้น  และนี่คือพระราชกิจของพระเจ้า!

เกิดคำถามว่า ทุกวันนี้สภาคริสตจักรของเรากระทำพันธกิจที่สืบสานต่อจากพระคริสต์ หรือ สวนกระแสกับแนวทางการทำพันธกิจของพระเจ้าและพระคริสต์กันแน่?

ผู้ประพันธ์สดุดีบทนี้ได้เรียกร้องและเชิญชวนให้เราสรรเสริญพระเจ้า (ข้อ 1-2)   เพราะพระองค์ทรงเป็นใหญ่อยู่เหนือประชาชาติทั้งหลาย และ เหนือฟ้าสวรรค์ (ข้อ 3-4)   แต่พระองค์กลับ “โน้มพระองค์ลง” เอาใจใส่ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก (ข้อ 6)  ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยัง “ทรงยกคนจนขึ้นจากผงคลีดิน”  และ “ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขี้เถ้า” (ข้อ 7)   เพื่อให้มีคุณค่าและศักดิ์เท่าเทียมกับ “บรรดาเจ้านาย” (ข้อ 8)   แล้วทรงอวยพระพรแก่คนที่ขาดพระพร (ข้อ 9)   ด้วยเหตุเหล่านี้แหละที่ผู้ประพันธ์สดุดีเชิญชวนให้เราสรรเสริญพระเจ้า

นี่คือพระลักษณะของพระเจ้าที่เราสามารถเรียนรู้จากพระราชกิจที่พระองค์ทรงกระทำ!

แต่หลายท่านรวมทั้งตัวผมเองเกิดคำถามในใจว่า   แล้วพระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นอย่างไร?

พระเจ้าทรงส่งพระเยซูคริสต์ให้ลงมากระทำพระราชกิจ “การยกคนยากจนและคนขัดสน” นี้ในสถานการณ์จริงบนแผ่นดินโลกในยุคของพระองค์   โดยมีเป้าหมายที่กระทำพระราชกิจดังกล่าวเพื่อนำแผ่นดินของพระเจ้า  น้ำพระทัยของพระบิดาได้เกิดขึ้นเป็นจริงบนแผ่นดินโลกนี้อย่างที่เกิดขึ้นในสวรรค์  จนวันหนึ่งจะสำเร็จเป็นจริง  ที่เป็นแผ่นดินที่ผู้คนไม่ต้องหลั่งน้ำตาอีกต่อไป

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศูนย์กลางแห่งพระราชกิจการเสริมสร้างแผ่นดินของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกนี้  พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจนี้เพื่อเป็นแบบอย่างถึงการทุ่มเท และ การทรงอุทิศตนเพื่อพระคุณและความยุติธรรมของพระเจ้าอย่างไร   เพื่อคนที่ยอมตนติดตามเป็นสาวกของพระองค์ และ ชุมชนคริสตจักรจะได้สืบสานพระราชกิจนี้ต่อจากพระองค์   เป็นความจริงว่า พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ได้ด้วยพระองค์เอง   และทรงกระทำพระราชกิจในชีวิตของผู้คน  และผ่านชีวิตของผู้คน   แต่เราพบว่าพระราชกิจส่วนใหญ่ของพระเจ้าทรงกระทำในชีวิต และ ผ่านชีวิตของคนที่พระเจ้าทรงเรียกและทรงใช้

ดังนั้น  ด้วยวิธีหนึ่งในการที่พระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นจากผงคลีและกองขี้เถ้า  ผ่านคริสตจักรที่เชื่อฟัง สัตย์ซื่อ และทุ่มเทถวายชีวิตแด่พระองค์   นั่นหมายความว่า  พระเจ้าทรงยกคนยากจนขัดสนขึ้นผ่านงานชีวิตของท่านและข้าพเจ้า  ผ่านชีวิตชุมชนคริสตจักร  ผ่านสภาคริสตจักรในประเทศไทย!

แล้วเราจะมีส่วนร่วมในพระราชกิจของพระคริสต์ได้อย่างไรบ้าง?  

คริสตจักร  คนที่เชื่อและติดตามพระเยซูคริสต์  ทั้งท่านและผม สามารถที่เข้ามีส่วนร่วมในพระราชกิจแห่งการยกคนยากจนขัดสนขึ้นได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม   บางคนเข้าไปมีส่วนในการรับใช้เอาใจใส่คนกลุ่มนี้โดยตรง  หนุนเสริมเพิ่มพลังแก่คนที่ลำบากขัดสนให้สามารถลืมตาอ้าปากที่จะสามารถจัดการชีวิตของตนเองได้อย่างมีคุณค่าและความหมาย   บางครั้งก็ได้มีคนที่รวมตัวกันเป็นองค์กรเอกชนที่จะเอาใจใส่สุขภาพ  สวัสดิภาพ  การทำมาหากิน  ของผู้ยากจนขัดสน   ด้อยโอกาส   บ้างก็เปิดโอกาสให้เด็กที่ยากจนขัดสนได้มีโอกาสเล่าเรียนในโรงเรียนที่มีคุณภาพ   บางครั้งคริสตจักรก็เป็นกระบอกเสียงของคนยากคนจนคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ   มีบางกลุ่มได้เริ่มทำธุรกิจเพื่อสังคม   บ้างสร้างโอกาสและพื้นที่ชีวิตที่คนกลุ่มเป้าหมายนี้จะมีอาชีพการงานเพื่อหารายได้เลี้ยงตนเอง   บางคนบางกลุ่มได้จัดสรรระบบความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อให้คนกลุ่มเป้าหมายมีโอกาสที่จะเริ่มต้นอาชีพที่ตนมีศักยภาพเพื่อทำให้มีรายได้เลี้ยงตนเองได้   แต่ในเวลาเดียวกัน   มีอีกหลายคนที่มีน้ำใจและเอาใจใส่ด้วยการสนับสนุนทางการเงินด้วยจิตใจที่กว้างขวาง   ผ่านกลุ่มคนทำงานบางกลุ่มดังกล่าวข้างต้น

การเข้าร่วมสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในรูปแบบต่าง ๆ นำมาซึ่งเสียงสรรเสริญพระนามของพระเจ้า   และการสรรเสริญพระเจ้านั้นมิใช่จะกระทำได้เพียงการเปล่งเสียงเท่านั้น   แต่เราสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ด้วยการกระทำผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการ “ยกคนยากจนขัดสนขึ้น” จากผงคลีและกองขี้เถ้า

ว่าที่ผู้บริหารสภาคริสตจักรในประเทศไทยที่กำลังหาเสียงและจะมีการเลือกตั้งในเร็ววันนี้   ไม่รู้ว่ามีนโยบายของกลุ่มไหน ทีมไหน หรือ ท่านไหนบ้างที่ให้ความสำคัญแก่การสานต่อพระราชกิจแห่งการ “ยกคนยากจนขัดสนขึ้น” จากผงคลีและกองขี้เถ้าต่อจากพระเยซูคริสต์บ้าง?  

มีทีมใด หรือ คนใดบ้างที่จะส่งเสริม และ สนับสนุนให้โรงเรียน  โรงพยาบาล  มหาวิทยาลัย  หน่วยงาน  คริสเตียนของสภาคริสตจักรทำพันธกิจ “การยกคนยากจนขัดสนขึ้น” บ้าง?   หรือ มัวมองและหาวิธีเอาเงินรายได้ของสถาบันและหน่วยงาเหล่านั้นมาจัดสรรประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ให้กับกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนกลุ่มตน?   การกระทำเช่นนี้เป็นการบีบบังคับสถาบันและหน่วยงานสภาฯ ทางอ้อมให้ต้องมุ่งทำธุรกิจหากำไร แทนการทำพันธกิจสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในการ “ยกคนยากจนขัดสนขึ้น” หรือไม่?

ว่าที่คณะผู้บริหารสภาคริสตจักรต้องตัดสินใจว่า   จะเลือกที่จะทำให้สถาบันและหน่วยงานของสภาคริสตจักรฯ สานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ หรือ บริหารองค์กรสภาคริสตจักรที่ “สวนกระแส” ต่อพระประสงค์ของพระคริสต์ในการสานต่อพระราชกิจของพระองค์?   แล้วก็อย่าอ้างแบบข้าง ๆ คู ๆ ว่า   เอาเงินจากสถาบันและหน่วยงานมาเพื่อเลี้ยงคริสตจักร ศิษยาภิบาล  และการทำพันธกิจของคริสตจักร   พระคริสต์บอกเราชัดเจนว่า  พระองค์มาในโลกนี้มิใช่เพื่อ “ตนเอง” จะได้รับการปรนนิบัติ   แต่พระองค์มาเพื่อรับใช้และให้ชีวิตคนเป็นอันมากต่างหากครับ
                                                                                                                                
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น