27เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
28ท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
และที่ดินแดนทั้งหมดในที่ลุ่ม
ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาเผา (ปฐมกาล 19:27-28 มตฐ.)
ในฐานะคริสตชน
ถ้ามีฐานะตำแหน่งในการเป็นผู้นำไม่ว่าจะเป็นในคริสตจักร ในโรงเรียน
ในโรงพยาบาล ในหน่วยงาน หรือ
แม้แต่ในหน้าที่การงานทางธุรกิจหรือองค์กร
ผมเชื่อว่าทุกคนคงคาดหวังว่าตนต้องการเห็นผลที่เกิดขึ้นจากการที่ตนได้ลงทุนลงแรงในการนำงานนั้น
ๆ ที่ตนรับผิดชอบ
ท่านคงต้องการเห็นความก้าวหน้าเกิดผลและพอใจในความสำเร็จ แม้เราจะรู้อยู่กะใจว่า
ความสำเร็จก้าวหน้าดังกล่าวจะมิใช่มาจากการทำงานหนักของเราเท่านั้น
แต่เพราะพระคุณของพระเจ้าในชีวิตและการงานของเราด้วย
แล้วท่านจะรู้สึกอย่างบ้าง
ถ้าท่านได้ลงทุนลงแรงในฐานะผู้นำในงานที่ทำแต่ไม่เกิดผลเลยตามที่คาดหวัง ทั้ง ๆ ที่ท่านได้ลงทุนลงแรงทั้งสติปัญญา
ความเฉลียวฉลาด ทุ่มทั้งกำลังกายกำลังใจที่พยายามขับเคลื่อนงานด้วยวิถีแนวทางต่าง
ๆ แต่ไม่เกิดผลตามที่ท่านคาดหวัง
อับราฮามได้เรียนรู้ทั้งความชื่นชมยินดีและความทุกข์เศร้าใจในการเป็นผู้นำ ที่ผ่านมาเราได้เห็นถึงความพยายามของอับราฮามที่ต่อรองแสวงหาทางที่จะช่วยเมืองโสโดมให้รอดพ้นจากการถูกทำลาย และเมื่อพระเจ้าสัญญากับอับราฮามว่า
ถ้ามีคนชอบธรรมในเมืองโสโดม 10 คนพระองค์จะไม่ทำลายเมืองโสโดม คำสัญญานั้นทำให้อับราฮามดีใจเป็นเหมือนการพยายามของตนได้ผล นอกจากที่เมืองโสโดมจะไม่ถูกทำลายแล้ว หลานและครอบครัวของเขาก็จะได้ปลอดภัยจากการถูกทำลายของเมืองโสโดมด้วย
แต่พอรุ่งเช้าวันใหม่ เมื่ออับราฮามตื่นขึ้น
แล้วไปยังสถานที่ที่เขาได้สนทนาต่อรองกับพระเจ้าและได้รับคำสัญญาที่พระเจ้าทรงเมตตาแก่เมืองโสโดมและโกโมราห์ ถ้าพระเจ้าพบ 10 คนที่ชอบธรรมในเมืองโสโดม เมืองนี้จะไม่ถูกทำลาย “แต่เมื่อท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
และที่ดินแดนทั้งหมดในที่ลุ่ม ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาเผา...บนที่พื้นราบ”
(19:28 มตฐ.)
ในวินาทีนั้นเอง อับราฮามตระหนักรู้ทันทีว่า พระเจ้าทรงทำลายเมืองนั้น สิ่งที่เขาพยายามต่อรองขอกับพระเจ้าล้มเหลว
ไม่เกิดผล (ในเวลานั้นอับราฮามยังไม่รู้ว่า พระเจ้าได้ทรงช่วยนำโลทและครอบครัวให้ออกจากเมืองโสโดม
ก่อนที่เมืองนั้นจะถูกทำลาย)
ในพระธรรมปฐมกาลตอนนี้ไม่ได้กล่าวถึงความรู้สึกของอับราฮามที่เห็นการถูกทำลายของเมืองนั้น
แต่เราคงพอที่จะรู้ได้ว่าอับราฮามรู้สึกอย่างไรบ้าง
เขาคงห่วงกังวลอย่างหนักถึงโลทและครอบครัวของเขา กลัวว่าคนในครอบครัวโลทจะเสียชีวิต สิ้นหวังในความกล้าหาญและพยายามต่อรองกับพระเจ้าแล้วไม่เกิดผลตามคาดหวัง เศร้าเสียใจที่เมืองนั้นถูกทำลาย
และคนที่อยู่ในเมืองนั้นซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของอับราฮาม จะเป็นไปได้ไหมที่อับราฮามอาจจะโกรธพระเจ้าที่ตัดสินอย่างรุนแรงไปหน่อยในส่วนลึกจิตใจของเขา เพราะในความคิดของอับราฮามน่าจะมีคนชอบธรรมสัก
10 คนในเมืองนั้น
ในพระธรรมปฐมกาลตอนนี้ไม่ได้บอกเราถึงว่าอับราฮามทำอย่างไรหรือพูดอะไรออกมาเมื่อเห็นควันไฟพวยพุ่งออกจากเมืองที่ตั้งบนพื้นราบลุ่มนั้น อับราฮามอาจจะอธิษฐาน เพราะจากพระคัมภีร์ในตอนอื่น ๆ และประสบการณ์ของผมเมื่อต้องประสบพบกับความสิ้นหวัง รวมไปถึงเกิดความรู้สึกผิดหวังกับพระเจ้า
ในเวลาเช่นนั้นไม่รู้จะทำอะไรได้นอกเสียจากหลับตาและก้มหัวลง แล้วเปิดใจต่อพระเจ้าในความเงียบ หรือ
ในคำอธิษฐาน
ในเวลาผิดหวังหรือสิ้นหวังเช่นนี้ เราต้องระวังที่จะไม่ให้ความสิ้นหวังครอบงำและมีอิทธิพลเหนือความรู้สึก
ความคิด และการตัดสินใจของเรา แต่ให้เราสงบ
รู้และไว้วางใจในการทำพระราชกิจของพระเจ้า
ท่ามกลางทุกวิกฤติสิ้นหวัง
เราต้องไว้วางใจว่า
พระเจ้าทรงมีแผนการ และ กำลังทรงกระทำสิ่งที่ดีที่สุดตามพระประสงค์ของพระองค์ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายเสื่อมถอยลงนั้น
ในเวลาที่เราไม่รู้จะทำอย่างไรพระเจ้ากำลังเสริมสร้างเราขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น