16 พฤศจิกายน 2558

พระเจ้าทรงหล่อหลอมภาวะผู้นำในชีวิตท่านอย่างไร?

14เมื่อ​โลท​จาก​อับ​ราม​ไป​แล้ว พระ​ยาห์​เวห์​ตรัส​แก่​อับ​ราม​ว่า จง​เงย​หน้า​ดู​สถาน​ที่​ตั้ง​แต่​เจ้า​อยู่​นี้​ไป​ทาง​ทิศ​เหนือ ทิศ​ใต้ ทิศ​ตะวัน​ออก และ​ทิศ​ตะวัน​ตก 15เพราะ​ดิน​แดน​ทั้ง​หมด​ที่​เจ้า​แล​เห็น​นี้ เรา​จะ​ยก​ให้​เจ้า​และ​เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​ตลอด​นิรันดร์ (ปฐมกาล 13:14-15 มตฐ.)

พระเจ้าทรงหล่อหลอม เสริมสร้างภาวะผู้นำในตัวของเราแต่ละคนด้วยหลากหลายแนวทาง   บางครั้งพระองค์ทรงเสริมสร้างภาวะผู้นำในชีวิตของเราผ่านพระวจนะและการทรงกระทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์   บางครั้งทรงเสริมสร้างเราผ่านงานที่ท้าทาย หรือ ผ่านการที่เราร่วมด้วยช่วยกันในการทำงานสิ่งหนึ่งสิ่งใด   บางครั้งทรงหล่อหลอมเราผ่านการทนทุกข์ยากลำบาก  และบางครั้งผ่านความสุขและพระพร  

พระเจ้าทรงหล่อหลอมความคิดของเรา  เสริมแต่งจิตใจของเรา  และหนุนเสริมพฤติกรรมแสดงออกในแต่ละวันของเราให้มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็งชัดเจนขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตแต่ละวันของเรา   ทั้งนี้เพื่อให้เราได้ใช้ภาวะผู้นำของเราในการดำเนินชีวิตแต่ละวันเป็นพระพรแก่คนรอบข้าง  และเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์

เราได้เรียนรู้ก่อนหน้านี้จากปฐมกาลบทที่ 12 และ 13 แล้วว่า    พระเจ้าทรงปรับเปลี่ยน หล่อหลอม  และเสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามใหม่   จากผู้นำที่เห็นแก่ตัว  คิดแต่ผลประโยชน์และความอยู่รอดปลอดภัยของตนเองเท่านั้น   โดยไม่ห่วงหาอาทรว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบเช่นไร  แม้คนใกล้ชิดที่สุดอย่างซาราย   แต่พระเจ้าทรงสร้างภาวะผู้นำในตัวอับรามขึ้นใหม่   ให้เป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยจิตใจเมตตา และ เชื่อศรัทธาไว้วางใจในพระเจ้า   พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกในรายละเอียดว่าพระองค์ทรงหล่อหลอมเปลี่ยนแปลงภาวะผู้นำของอับรามอย่างไร   แต่เราเห็นว่า   ในช่วงวิกฤติที่ซารายต้องได้รับผลกระทบจากภาวะผู้นำที่เห็นแก่ตัวของตน   เขาได้เห็นถึงพระคุณของพระเจ้าที่ทรงกอบกู้ให้ซารายรอดพ้นจากภัยเนื่องจากความเห็นแก่ตัวของเขา   ด้วยพระคุณที่เขาได้สัมผัสในความรักเมตตานี่เอง   อับรามเรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้น

เพราะความสำนึกในพระคุณเมตตาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเขาและซารายนี่เอง   เสริมสร้างความไว้วางใจในพระเจ้าของอับรามที่มั่นคงและหนักแน่นยิ่งขึ้น   ยิ่งกว่านั้น เขาได้เริ่มเรียนรู้รูปแบบภาวะผู้นำจากแบบอย่างของพระเจ้าที่ทรงเมตตาด้วยจิตใจที่กว้างขวาง   สิ่งนี้ได้แสดงผลออกมาเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของอับราม   เมื่อเขาจะต้องตัดสินใจแก้ไขความขัดแย้งรุนแรงระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของตนกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลทหลานชาย

ด้วยการมีภาวะผู้นำที่ไว้วางใจในพระเจ้า   ทำให้อับรามสามารถแก้ความขัดแย้งบนฐานความรักเมตตาจากแบบอย่างของพระเจ้าที่ตนได้เรียนรู้   อับราฮามสามารถทำการแก้ไขความขัดแย้งด้วยความเมตตาและจิตใจกว้างขวาง   ให้โลทเลือกผืนแผ่นดิน  ทุ่งหญ้า  และสายน้ำตามที่ตนต้องการ   และโลทก็เลือกเอาภูมิประเทศในส่วนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเวลานั้น   และด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า อับรามก็รับเอาส่วนผืนที่ดินที่เหลือสำหรับตน

หลังเหตุการณ์ครั้งนี้   พระเจ้าทรงหล่อหลอมเสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามให้มั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น   พระเจ้าทรงยืนหยัดย้ำเตือนความมั่นใจของอับรามว่า   การแสดงออกถึงภาวะผู้นำของอับรามต่อโลทนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  และที่สำคัญคือทรงสำแดงให้เห็นชัดว่า การกระทำเช่นนี้สอดคล้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า   พระเจ้าทรงย้ำเตือนเรื่องนี้ด้วยการทรงอวยพระพรเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าพระพรที่ทรงให้ในปฐมกาลบทที่ 12 ว่า “จง​เงย​หน้า​ดู​สถาน​ที่​ตั้ง​แต่​เจ้า​อยู่​นี้​ไป​ทาง​ทิศ​เหนือ ทิศ​ใต้ ทิศ​ตะวัน​ออก และ​ทิศ​ตะวัน​ตก 15 เพราะ​ดิน​แดน​ทั้ง​หมด​ที่​เจ้า​แล​เห็น​นี้ เรา​จะ​ยก​ให้​เจ้า​และ​เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​ตลอด​นิรันดร์” (13:14-15)

ภาวะผู้นำที่มีใจเมตตากว้างขวางและเสียสละ  ก็คือภาวะผู้นำที่เป็นผู้รับใช้อย่างพระคริสต์   แต่ใครก็ตามที่จะมีภาวะผู้นำเช่นนี้ได้   รากฐานสำคัญที่จะต้องมีและหยั่งรากลงลึกในชีวิตของคนนั้นก่อนคือ   การไว้วางใจในพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดชีวิตของตน   เพราะการที่เราจะมีความไว้วางใจในพระเจ้าเช่นนี้ได้นั้น   เราจะต้องสัมผัสกับพระคุณความรักเมตตาของพระคริสต์ที่ไร้เงื่อนไขขอบเขตที่มีในชีวิตของเราก่อน   เราถึงจะสามารถสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์   ด้วยความสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์เช่นนี้ต่างหากที่เสริมสร้างเราให้มีภาวะผู้นำที่ถ่อมตนยอมรับใช้คนอื่น   ยอมรักเมตตาและเสียสละเพื่อคนอื่น   

จากเรื่องที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลง และ เสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามขึ้นใหม่นี้   เราได้เรียนรู้อะไรบ้างว่า พระเจ้าทรงปรับ เปลี่ยน เติม แต่ง และสร้างภาวะผู้นำของเราขึ้นใหม่อย่างไร?   พระเจ้าทรงสำแดงถึงความรักเมตตาต่อชีวิตของเรา   ทั้ง ๆ ที่เราไม่สมควรที่จะได้รับความรักเมตตานั้น   อย่างเช่นที่พระองค์ทรงเมตตาต่ออับรามที่เป็นคนเห็นแก่ตัวสิ้นดี   แต่ด้วยการสำแดงความรักเมตตาที่เป็น “พระคุณ” ของพระเจ้าต่อชีวิตของอับรามนี้เอง   ที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตของอับราม   ทำให้อับรามเกิดความสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระเจ้า   นอกจากทรงช่วยกอบกู้ซารายภรรยาของตนแล้ว   เขายังได้รับทรัพย์สมบัติมากมายจากฟาโรห์   ซึ่งเป็นพระคุณของพระเจ้าที่อับรามไม่สมควรจะได้รับเลย   ด้วยเหตุนี้จึงเสริมสร้างให้อับรามไว้วางใจในพระเจ้าอย่างสุดชีวิตของเขา   ในที่นี้ขอเน้นว่า  ความไว้วางใจที่คนเรามีต่อพระเจ้าจึงเป็นของประทานจากพระองค์   เพราะพระเจ้าทรงมีพระคุณในชีวิตของเรา   จึงทำให้เรากล้าที่จะไว้วางใจในพระองค์    ดังนั้น การไว้วางใจในพระเจ้าจึงมิใช่เป็นความดีของเราเอง  ไม่ใช่เพราะเรายอมสละไว้วางใจพระเจ้าเลย  

ด้วยความรักเมตตาของพระเจ้าที่เป็นพระคุณของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเราแต่ละคน   เราจึงไว้วางใจพระเจ้า   และเพราะเราไว้วางใจในพระเจ้า   เราจึงกล้าที่จะรักเมตตาเพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วยใจกว้างขวาง   เพราะเราสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระเจ้า

ถามจริง ๆ เถอะ   พระเจ้าทรงมีพระคุณเมตตาต่อชีวิตของท่านถึงขนาดที่ท่านสำนึกใน “พระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์” หรือไม่?   และเพราะพระคุณซ้อนพระคุณดังกล่าวในชีวิตของท่านทำให้ท่านไว้วางใจพระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือไม่?   คำตอบคงต้องไปดูว่า  วันนี้ท่านจะมีภาวะผู้นำที่รักเมตตาและเสียสละ  ด้วยใจกว้างขวางแก่คนรอบข้างที่ท่านพบและเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยหรือไม่?

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น