14เมื่อโลทจากอับรามไปแล้ว
พระยาห์เวห์ตรัสแก่อับรามว่า “จงเงยหน้าดูสถานที่ตั้งแต่เจ้าอยู่นี้ไปทางทิศเหนือ ทิศใต้
ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก 15เพราะดินแดนทั้งหมดที่เจ้าแลเห็นนี้
เราจะยกให้เจ้าและเชื้อสายของเจ้าตลอดนิรันดร์ (ปฐมกาล 13:14-15 มตฐ.)
พระเจ้าทรงหล่อหลอม
เสริมสร้างภาวะผู้นำในตัวของเราแต่ละคนด้วยหลากหลายแนวทาง
บางครั้งพระองค์ทรงเสริมสร้างภาวะผู้นำในชีวิตของเราผ่านพระวจนะและการทรงกระทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ บางครั้งทรงเสริมสร้างเราผ่านงานที่ท้าทาย
หรือ ผ่านการที่เราร่วมด้วยช่วยกันในการทำงานสิ่งหนึ่งสิ่งใด บางครั้งทรงหล่อหลอมเราผ่านการทนทุกข์ยากลำบาก และบางครั้งผ่านความสุขและพระพร
พระเจ้าทรงหล่อหลอมความคิดของเรา เสริมแต่งจิตใจของเรา
และหนุนเสริมพฤติกรรมแสดงออกในแต่ละวันของเราให้มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็งชัดเจนขึ้นตามพระประสงค์ของพระองค์ในชีวิตแต่ละวันของเรา
ทั้งนี้เพื่อให้เราได้ใช้ภาวะผู้นำของเราในการดำเนินชีวิตแต่ละวันเป็นพระพรแก่คนรอบข้าง และเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์
เราได้เรียนรู้ก่อนหน้านี้จากปฐมกาลบทที่ 12
และ 13 แล้วว่า พระเจ้าทรงปรับเปลี่ยน หล่อหลอม และเสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามใหม่ จากผู้นำที่เห็นแก่ตัว คิดแต่ผลประโยชน์และความอยู่รอดปลอดภัยของตนเองเท่านั้น โดยไม่ห่วงหาอาทรว่าคนอื่นจะได้รับผลกระทบเช่นไร แม้คนใกล้ชิดที่สุดอย่างซาราย
แต่พระเจ้าทรงสร้างภาวะผู้นำในตัวอับรามขึ้นใหม่ ให้เป็นผู้นำที่เปี่ยมด้วยจิตใจเมตตา และ
เชื่อศรัทธาไว้วางใจในพระเจ้า
พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกในรายละเอียดว่าพระองค์ทรงหล่อหลอมเปลี่ยนแปลงภาวะผู้นำของอับรามอย่างไร แต่เราเห็นว่า ในช่วงวิกฤติที่ซารายต้องได้รับผลกระทบจากภาวะผู้นำที่เห็นแก่ตัวของตน
เขาได้เห็นถึงพระคุณของพระเจ้าที่ทรงกอบกู้ให้ซารายรอดพ้นจากภัยเนื่องจากความเห็นแก่ตัวของเขา
ด้วยพระคุณที่เขาได้สัมผัสในความรักเมตตานี่เอง อับรามเรียนรู้ที่จะไว้วางใจพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
เพราะความสำนึกในพระคุณเมตตาของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเขาและซารายนี่เอง
เสริมสร้างความไว้วางใจในพระเจ้าของอับรามที่มั่นคงและหนักแน่นยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้น
เขาได้เริ่มเรียนรู้รูปแบบภาวะผู้นำจากแบบอย่างของพระเจ้าที่ทรงเมตตาด้วยจิตใจที่กว้างขวาง
สิ่งนี้ได้แสดงผลออกมาเป็นรูปธรรมในชีวิตประจำวันของอับราม
เมื่อเขาจะต้องตัดสินใจแก้ไขความขัดแย้งรุนแรงระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของตนกับคนเลี้ยงสัตว์ของโลทหลานชาย
ด้วยการมีภาวะผู้นำที่ไว้วางใจในพระเจ้า ทำให้อับรามสามารถแก้ความขัดแย้งบนฐานความรักเมตตาจากแบบอย่างของพระเจ้าที่ตนได้เรียนรู้ อับราฮามสามารถทำการแก้ไขความขัดแย้งด้วยความเมตตาและจิตใจกว้างขวาง ให้โลทเลือกผืนแผ่นดิน ทุ่งหญ้า
และสายน้ำตามที่ตนต้องการ
และโลทก็เลือกเอาภูมิประเทศในส่วนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเวลานั้น และด้วยความไว้วางใจในพระเจ้า
อับรามก็รับเอาส่วนผืนที่ดินที่เหลือสำหรับตน
หลังเหตุการณ์ครั้งนี้
พระเจ้าทรงหล่อหลอมเสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามให้มั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้น
พระเจ้าทรงยืนหยัดย้ำเตือนความมั่นใจของอับรามว่า การแสดงออกถึงภาวะผู้นำของอับรามต่อโลทนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และที่สำคัญคือทรงสำแดงให้เห็นชัดว่า
การกระทำเช่นนี้สอดคล้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า
พระเจ้าทรงย้ำเตือนเรื่องนี้ด้วยการทรงอวยพระพรเพิ่มพูนมากขึ้นกว่าพระพรที่ทรงให้ในปฐมกาลบทที่
12 ว่า “จงเงยหน้าดูสถานที่ตั้งแต่เจ้าอยู่นี้ไปทางทิศเหนือ
ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก 15
เพราะดินแดนทั้งหมดที่เจ้าแลเห็นนี้
เราจะยกให้เจ้าและเชื้อสายของเจ้าตลอดนิรันดร์” (13:14-15)
ภาวะผู้นำที่มีใจเมตตากว้างขวางและเสียสละ ก็คือภาวะผู้นำที่เป็นผู้รับใช้อย่างพระคริสต์ แต่ใครก็ตามที่จะมีภาวะผู้นำเช่นนี้ได้ รากฐานสำคัญที่จะต้องมีและหยั่งรากลงลึกในชีวิตของคนนั้นก่อนคือ
การไว้วางใจในพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดชีวิตของตน
เพราะการที่เราจะมีความไว้วางใจในพระเจ้าเช่นนี้ได้นั้น เราจะต้องสัมผัสกับพระคุณความรักเมตตาของพระคริสต์ที่ไร้เงื่อนไขขอบเขตที่มีในชีวิตของเราก่อน
เราถึงจะสามารถสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์
ด้วยความสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์เช่นนี้ต่างหากที่เสริมสร้างเราให้มีภาวะผู้นำที่ถ่อมตนยอมรับใช้คนอื่น ยอมรักเมตตาและเสียสละเพื่อคนอื่น
จากเรื่องที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลง และ
เสริมสร้างภาวะผู้นำของอับรามขึ้นใหม่นี้
เราได้เรียนรู้อะไรบ้างว่า พระเจ้าทรงปรับ เปลี่ยน เติม แต่ง
และสร้างภาวะผู้นำของเราขึ้นใหม่อย่างไร?
พระเจ้าทรงสำแดงถึงความรักเมตตาต่อชีวิตของเรา ทั้ง ๆ ที่เราไม่สมควรที่จะได้รับความรักเมตตานั้น
อย่างเช่นที่พระองค์ทรงเมตตาต่ออับรามที่เป็นคนเห็นแก่ตัวสิ้นดี แต่ด้วยการสำแดงความรักเมตตาที่เป็น “พระคุณ”
ของพระเจ้าต่อชีวิตของอับรามนี้เอง
ที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตของอับราม
ทำให้อับรามเกิดความสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระเจ้า นอกจากทรงช่วยกอบกู้ซารายภรรยาของตนแล้ว เขายังได้รับทรัพย์สมบัติมากมายจากฟาโรห์
ซึ่งเป็นพระคุณของพระเจ้าที่อับรามไม่สมควรจะได้รับเลย ด้วยเหตุนี้จึงเสริมสร้างให้อับรามไว้วางใจในพระเจ้าอย่างสุดชีวิตของเขา ในที่นี้ขอเน้นว่า ความไว้วางใจที่คนเรามีต่อพระเจ้าจึงเป็นของประทานจากพระองค์ เพราะพระเจ้าทรงมีพระคุณในชีวิตของเรา จึงทำให้เรากล้าที่จะไว้วางใจในพระองค์ ดังนั้น
การไว้วางใจในพระเจ้าจึงมิใช่เป็นความดีของเราเอง
ไม่ใช่เพราะเรายอมสละไว้วางใจพระเจ้าเลย
ด้วยความรักเมตตาของพระเจ้าที่เป็นพระคุณของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเราแต่ละคน เราจึงไว้วางใจพระเจ้า และเพราะเราไว้วางใจในพระเจ้า เราจึงกล้าที่จะรักเมตตาเพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ ด้วยใจกว้างขวาง เพราะเราสำนึกในพระคุณซ้อนพระคุณของพระเจ้า
ถามจริง ๆ เถอะ
พระเจ้าทรงมีพระคุณเมตตาต่อชีวิตของท่านถึงขนาดที่ท่านสำนึกใน
“พระคุณซ้อนพระคุณของพระองค์” หรือไม่?
และเพราะพระคุณซ้อนพระคุณดังกล่าวในชีวิตของท่านทำให้ท่านไว้วางใจพระเจ้าอย่างไม่มีเงื่อนไขหรือไม่? คำตอบคงต้องไปดูว่า วันนี้ท่านจะมีภาวะผู้นำที่รักเมตตาและเสียสละ ด้วยใจกว้างขวางแก่คนรอบข้างที่ท่านพบและเกี่ยวข้องสัมพันธ์ด้วยหรือไม่?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น