1 มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง
และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์...
4 มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ
มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ (ปัญญาจารย์ 3:1, 4)
ชีวิตเป็นเรื่องที่ทุกข์ยากลำบาก คุณมองชีวิตในวันนี้ด้วยมุมมองเช่นนี้หรือไม่?
คริสตชนมักมองว่า
หลังจากที่อาดัมได้เลือกที่จะกระทำสิ่งที่ขัดขืนพระประสงค์ของพระเจ้า
สร้างผลกระทบให้เกิดความฉีกขาด แตกหักขึ้นในมิติต่าง ๆ ในโลกใบนี้
ไม่มีสิ่งใดที่จะดำเนินต่อไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์ การดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาของตนเองสร้างความไม่สมบูรณ์ถูกต้องทั้งในด้านร่างกาย ในการงานของเรา ทั้งในระดับตนเองและสังคม ทั้งในระบบเศรษฐกิจ การทำมาหากิน
และความเป็นอยู่ และที่เห็นชัดเจนทนโท่คือความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อมนุษย์ด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่มีต่อธรรมชาติ
และความสัมพันธ์กับพระเจ้าองค์สูงสุดในชีวิตกลับวิปริตวิกฤติแตกร้าวไปหมดสิ้น ชีวิตของมนุษย์พบกับความสูญเสียมากมาย และทำให้เราเกิดความรู้สึก เจ็บปวด โศกเศร้าในชีวิต ส่วนใหญ่คริสตชนมีมุมมองเช่นนี้ใช่ไหม?
จำเป็นอย่างยิ่งที่ราจะต้องกลับมาปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่เกี่ยวกับสัจจะความจริงการสูญเสีย
และ ความโศกเศร้าที่เราประสบพบเจอในชีวิตของเราตามที่พรรณนาบ่นเสียยืดยาวข้างต้น
ประการแรก
พระเจ้าไม่ได้ทรงคาดหวังให้เรามีความสุขตลอดเวลา ตลอดชีวิต
เป็นความเชื่อและความเข้าใจผิด ๆ
ว่าถ้าเป็นคริสตชนแล้วชีวิตจะมีความสุขตลอดเวลา
หน้าตาจะยิ้มแฉ่งตลอดวัน เหมือนกับรูปปั้นพระยิ้มปุ้มปุ้ย ในพระคัมภีร์มิได้มีมุมมองว่า
ชีวิตของมนุษย์จะมีแต่ความสุข
แต่ชีวิตย่อมมีความทุกข์
มีความยากลำบาก มีความเจ็บปวดได้ด้วย และสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพียงแต่ว่าคริสตชนที่ตกอยู่ในภาวะความทุกข์ยากลำบากของชีวิต แต่ยังจะมีความชื่นชมยินดีได้อย่างไร?
หรือสามารถที่จะมองเห็นสิ่งดีมีประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากความทุกข์ยากลำบากในชีวิตได้หรือไม่ต่างหาก
ตามพระธรรมปัญญาจารย์กล่าวชัดเจนไว้แล้วว่า ชีวิตมีทั้งความทุกข์โศกเศร้า แล้วก็มีเวลาของความสุขชื่นชมด้วย “มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ”
ในพระคัมภีร์กล่าวถึงความทุกข์โศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับเรา บางครั้งเกิดจากการสูญเสีย บางครั้งเกิดจากความผิดหวัง บางครั้งเกิดจากการกระทำผิดบาปของเรา บางครั้งบางคนเกิดจากความตกต่ำของชีวิตภายในของตน
และบางครั้งเกิดจากผลกระทบจากการกระทำผิดของคนอื่น แต่โปรดตระหนักชัดว่า ในความทุกข์ยากลำบาก หรือ
ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตเราทุกครั้ง
พระเจ้าทรงมีแผนการที่จะใช้สภาวการณ์ชีวิตเหล่านั้นในการเปลี่ยนแปลง และ
เสริมสร้างชีวิตของเราแต่ละคนให้เติบโตแข็งแรงขึ้น
เพื่อชีวิตของเราแต่ละคนจะได้เป็นผู้ที่สามารถเป็นพระพรของพระเจ้าไปสู่มนุษยชาติทั้งใกล้และไกล
ประการที่สอง ความทุกข์โศกเศร้าบ่งชี้ถึงความเป็นมนุษย์ปกติของเราแต่ละคน
ถ้าใครที่ไม่เคยมีความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตเลย นั่นบ่งชี้ชัดเจนว่า คน ๆ นั้นกำลังไม่สามารถรับรู้ความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นอยู่ในสังคมโลกปัจจุบันนี้ และบ่งชี้ว่าคน ๆ นั้นเป็นคนที่ปราศจากและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก และบ่งชี้ด้วยว่า คน ๆ นั้นไร้ซึ่งความรักเมตตาในจิตใจ เพราะถ้าเขาเห็น สัมผัส และต้องตกอยู่ในสภาพชีวิตสังคมโลกปัจจุบันแล้วยังเฉยไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดเลย คน ๆ นั้นจะมีความรักในหัวจิตหัวใจของเขาได้อย่างไร?
ความโศกเศร้าเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นประโยชน์ และสิ่งนี้เป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าทรงประทานสิ่งดีเข้ามาในชีวิตของเรา ความโศกเศร้าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อช่วยหนุนเสริมให้เราสามารถข้ามผ่านความตึงเครียด
การตีบตันในชีวิตของเรา
บางคนที่ได้รับความเจ็บปวดในส่วนลึกของชีวิตที่กลัดหนองในชีวิตจิตวิญญาณและความรู้สึก
อาจจะเกิดจากการกระทำของพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูในสมัยที่ยังเป็นเด็ก
หรือบางคนเจ็บปวดในชีวิตไม่รู้ลืมจากคำพูดของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง คน ๆ นี้มีความ “โศกเศร้า” ในชีวิต แต่ไม่สามารถจัดการรับมือกับมัน คิดที่จะทิ้งมันเสีย หรือ
หลีกลี้หนีไกลจากมัน หรือ
พยายามที่จะไม่ให้ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น
แต่ก็ไม่สามารถควบคุมจัดการมันได้
แต่มันกลับฝังรากลงลึกในชีวิตของตน
แต่เราต้องไม่ลืมคำสอนบนภูเขาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า 4“คนที่โศกเศร้าก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ”
(มัทธิว 5:4 มตฐ.)
ในมุมมองของพระเยซูคริสต์
ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่สำคัญจำเป็นที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เมื่อเรายอมรับ และจัดการรับมือกับความโศกเศร้าดังกล่าว เราเอาความทุกข์โศกเศร้านั้นออกมาในที่เปิดเผยเห็นได้ชัด
ทั้งต่อหน้าเราและต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
แทนการที่เรามัวแต่คร่ำครวญถึงความทุกข์ยากลำบากที่เราได้รับ
ซึ่งเป็นอาการที่ความทุกข์ยากลำบากกำลังมีอิทธิพลเหนือชีวิตของเรา ให้เรานำความโศกเศร้าขมขื่นที่รังแต่จะหยั่งรากลงลึกภายในชีวิตจิตใจของเราออกมา แต่ไม่ให้มันเกาะกุม ยึดครอง และควบคุมชีวิตความรู้สึกของเรา เพื่อเราจะรู้เท่าทัน และ
จัดการรับมือกับความทุกข์โศกเศร้านั้นโดยกำลังและพระปัญญาการทรงนำของพระเจ้า เพื่อให้สิ่งใหม่คือ “การหนุนใจ”
เข้ามาแทนที่ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตของเรา
ดาวิด กล่าวใน สดุดี 32:3
ว่า “3
เมื่อข้าพระองค์ไม่สารภาพบาป ร่างกายของข้าพระองค์ก็ทรุดโทรมไป โดยการคร่ำครวญวันยังค่ำ” (มตฐ.)
แม้ว่าสิ่งเลวร้าย หรือ สถานการณ์ไม่พึงประสงค์หลายอย่างเกิดขึ้นกับเราโดยที่เราไม่สามารถที่จะเลือกได้
แต่การรับมือจัดการกับความทุกข์โศกเศร้าเป็นสิ่งที่เราแต่ละคนสามารถที่จะเลือกได้ เราสามารถที่จะเลือกให้ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตจัดการควบคุมชีวิตของเรา
หรือ เราจะเลือกที่จะดึงเอาความทุกข์โศกเศร้าออกมาจากภายในชีวิตของเรา วางแผ่ให้เห็นชัดทั้งต่อหน้าตนเองและต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
และจัดการรับมือกับมันด้วยพระกำลังและพระปัญญาที่พระเจ้าทรงนำเรา เพื่อทำให้ชีวิตของเราเติบโตเข้มแข็ง และ
เกิดผลตามพระประสงค์ของพระเจ้า เป็นพระพรที่เกิดในชีวิตของเราและส่งผ่านไปยังคนรอบข้างด้วย
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น