01 ธันวาคม 2558

จะจัดการความโศกเศร้า หรือ ให้มันจัดการเรา?

1 มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง
และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์...
4 มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ  
มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ (ปัญญาจารย์ 3:1, 4)

ชีวิตเป็นเรื่องที่ทุกข์ยากลำบาก   คุณมองชีวิตในวันนี้ด้วยมุมมองเช่นนี้หรือไม่?

คริสตชนมักมองว่า หลังจากที่อาดัมได้เลือกที่จะกระทำสิ่งที่ขัดขืนพระประสงค์ของพระเจ้า สร้างผลกระทบให้เกิดความฉีกขาด แตกหักขึ้นในมิติต่าง ๆ ในโลกใบนี้   ไม่มีสิ่งใดที่จะดำเนินต่อไปอย่างถูกต้องสมบูรณ์   การดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาของตนเองสร้างความไม่สมบูรณ์ถูกต้องทั้งในด้านร่างกาย   ในการงานของเรา   ทั้งในระดับตนเองและสังคม  ทั้งในระบบเศรษฐกิจ  การทำมาหากิน  และความเป็นอยู่   และที่เห็นชัดเจนทนโท่คือความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อมนุษย์ด้วยกัน  ความสัมพันธ์ที่มีต่อธรรมชาติ   และความสัมพันธ์กับพระเจ้าองค์สูงสุดในชีวิตกลับวิปริตวิกฤติแตกร้าวไปหมดสิ้น   ชีวิตของมนุษย์พบกับความสูญเสียมากมาย   และทำให้เราเกิดความรู้สึก เจ็บปวด  โศกเศร้าในชีวิต   ส่วนใหญ่คริสตชนมีมุมมองเช่นนี้ใช่ไหม?

จำเป็นอย่างยิ่งที่ราจะต้องกลับมาปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่เกี่ยวกับสัจจะความจริงการสูญเสีย และ ความโศกเศร้าที่เราประสบพบเจอในชีวิตของเราตามที่พรรณนาบ่นเสียยืดยาวข้างต้น

ประการแรก  พระเจ้าไม่ได้ทรงคาดหวังให้เรามีความสุขตลอดเวลา ตลอดชีวิต

เป็นความเชื่อและความเข้าใจผิด ๆ ว่าถ้าเป็นคริสตชนแล้วชีวิตจะมีความสุขตลอดเวลา   หน้าตาจะยิ้มแฉ่งตลอดวัน   เหมือนกับรูปปั้นพระยิ้มปุ้มปุ้ย   ในพระคัมภีร์มิได้มีมุมมองว่า ชีวิตของมนุษย์จะมีแต่ความสุข   แต่ชีวิตย่อมมีความทุกข์  มีความยากลำบาก  มีความเจ็บปวดได้ด้วย   และสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต   เพียงแต่ว่าคริสตชนที่ตกอยู่ในภาวะความทุกข์ยากลำบากของชีวิต   แต่ยังจะมีความชื่นชมยินดีได้อย่างไร?   หรือสามารถที่จะมองเห็นสิ่งดีมีประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากความทุกข์ยากลำบากในชีวิตได้หรือไม่ต่างหาก  

ตามพระธรรมปัญญาจารย์กล่าวชัดเจนไว้แล้วว่า  ชีวิตมีทั้งความทุกข์โศกเศร้า  แล้วก็มีเวลาของความสุขชื่นชมด้วย  “มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ   มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ”   ในพระคัมภีร์กล่าวถึงความทุกข์โศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับเรา  บางครั้งเกิดจากการสูญเสีย  บางครั้งเกิดจากความผิดหวัง   บางครั้งเกิดจากการกระทำผิดบาปของเรา  บางครั้งบางคนเกิดจากความตกต่ำของชีวิตภายในของตน   และบางครั้งเกิดจากผลกระทบจากการกระทำผิดของคนอื่น    แต่โปรดตระหนักชัดว่า   ในความทุกข์ยากลำบาก หรือ ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตเราทุกครั้ง   พระเจ้าทรงมีแผนการที่จะใช้สภาวการณ์ชีวิตเหล่านั้นในการเปลี่ยนแปลง และ เสริมสร้างชีวิตของเราแต่ละคนให้เติบโตแข็งแรงขึ้น   เพื่อชีวิตของเราแต่ละคนจะได้เป็นผู้ที่สามารถเป็นพระพรของพระเจ้าไปสู่มนุษยชาติทั้งใกล้และไกล

ประการที่สอง   ความทุกข์โศกเศร้าบ่งชี้ถึงความเป็นมนุษย์ปกติของเราแต่ละคน

ถ้าใครที่ไม่เคยมีความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตเลย   นั่นบ่งชี้ชัดเจนว่า   คน ๆ นั้นกำลังไม่สามารถรับรู้ความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นอยู่ในสังคมโลกปัจจุบันนี้   และบ่งชี้ว่าคน ๆ นั้นเป็นคนที่ปราศจากและไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก   และบ่งชี้ด้วยว่า คน ๆ นั้นไร้ซึ่งความรักเมตตาในจิตใจ   เพราะถ้าเขาเห็น  สัมผัส และต้องตกอยู่ในสภาพชีวิตสังคมโลกปัจจุบันแล้วยังเฉยไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดเลย   คน ๆ นั้นจะมีความรักในหัวจิตหัวใจของเขาได้อย่างไร?

ความโศกเศร้าเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เจ็บปวด   แต่ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีและเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เป็นประโยชน์   และสิ่งนี้เป็นหนทางหนึ่งที่พระเจ้าทรงประทานสิ่งดีเข้ามาในชีวิตของเรา   ความโศกเศร้าเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อช่วยหนุนเสริมให้เราสามารถข้ามผ่านความตึงเครียด การตีบตันในชีวิตของเรา

บางคนที่ได้รับความเจ็บปวดในส่วนลึกของชีวิตที่กลัดหนองในชีวิตจิตวิญญาณและความรู้สึก   อาจจะเกิดจากการกระทำของพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูในสมัยที่ยังเป็นเด็ก   หรือบางคนเจ็บปวดในชีวิตไม่รู้ลืมจากคำพูดของเพื่อนสนิทคนหนึ่ง   คน ๆ นี้มีความ “โศกเศร้า” ในชีวิต   แต่ไม่สามารถจัดการรับมือกับมัน   คิดที่จะทิ้งมันเสีย หรือ หลีกลี้หนีไกลจากมัน   หรือ พยายามที่จะไม่ให้ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้น   แต่ก็ไม่สามารถควบคุมจัดการมันได้   แต่มันกลับฝังรากลงลึกในชีวิตของตน

แต่เราต้องไม่ลืมคำสอนบนภูเขาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า   4คน​ที่​โศก​เศร้าก็​เป็น​สุข   เพราะ​ว่า​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​รับ​การ​หนุน​ใจ” (มัทธิว 5:4 มตฐ.)   ในมุมมองของพระเยซูคริสต์  ความโศกเศร้าเป็นสิ่งที่สำคัญจำเป็นที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา  เมื่อเรายอมรับ และจัดการรับมือกับความโศกเศร้าดังกล่าว   เราเอาความทุกข์โศกเศร้านั้นออกมาในที่เปิดเผยเห็นได้ชัด   ทั้งต่อหน้าเราและต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า   แทนการที่เรามัวแต่คร่ำครวญถึงความทุกข์ยากลำบากที่เราได้รับ   ซึ่งเป็นอาการที่ความทุกข์ยากลำบากกำลังมีอิทธิพลเหนือชีวิตของเรา   ให้เรานำความโศกเศร้าขมขื่นที่รังแต่จะหยั่งรากลงลึกภายในชีวิตจิตใจของเราออกมา    แต่ไม่ให้มันเกาะกุม ยึดครอง  และควบคุมชีวิตความรู้สึกของเรา   เพื่อเราจะรู้เท่าทัน และ จัดการรับมือกับความทุกข์โศกเศร้านั้นโดยกำลังและพระปัญญาการทรงนำของพระเจ้า  เพื่อให้สิ่งใหม่คือ “การหนุนใจ” เข้ามาแทนที่ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตของเรา

ดาวิด กล่าวใน สดุดี 32:3 ว่า  “3 เมื่อ​ข้า​พระ​องค์​ไม่​สาร​ภาพ​บาป ร่าง​กาย​ของ​ข้า​พระ​องค์​ก็​ทรุด​โทรม​ไป   โดย​การ​คร่ำ​ครวญ​วัน​ยัง​ค่ำ” (มตฐ.)

แม้ว่าสิ่งเลวร้าย หรือ สถานการณ์ไม่พึงประสงค์หลายอย่างเกิดขึ้นกับเราโดยที่เราไม่สามารถที่จะเลือกได้   แต่การรับมือจัดการกับความทุกข์โศกเศร้าเป็นสิ่งที่เราแต่ละคนสามารถที่จะเลือกได้   เราสามารถที่จะเลือกให้ความทุกข์โศกเศร้าในชีวิตจัดการควบคุมชีวิตของเรา หรือ เราจะเลือกที่จะดึงเอาความทุกข์โศกเศร้าออกมาจากภายในชีวิตของเรา  วางแผ่ให้เห็นชัดทั้งต่อหน้าตนเองและต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า   และจัดการรับมือกับมันด้วยพระกำลังและพระปัญญาที่พระเจ้าทรงนำเรา   เพื่อทำให้ชีวิตของเราเติบโตเข้มแข็ง และ เกิดผลตามพระประสงค์ของพระเจ้า   เป็นพระพรที่เกิดในชีวิตของเราและส่งผ่านไปยังคนรอบข้างด้วย

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น