24 ธันวาคม 2558

คริสตชน...หยุดกล่าวหากระแสสังคมดีไหม?

เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสทุกปีจะต้องมีบทความ  ข้อเขียน  หรือ  เสียงบ่นจนกระทั่งเสียงด่าตำหนิว่า  อิทธิพลกระแสนิยมในสังคมเข้ามาแทรกซึมบ่อนเซาะทำลายความหมายที่แท้จริงของเทศกาลคริสต์มาส   แล้วก็กล่าวหาพวกห้างใหญ่ ๆ เดอะมอลล์ทั้งหลายว่า   นำเอาเทศกาลของคริสต์ศาสนาไปทำมาหากิน   กล่าวหาพวกคลับพวกบาร์  ว่านำเอาเทศกาลคริสต์มาสไปปู้ยี่ปู้ยำจนเสียหายคุณค่าและความหมาย   นี่ยังไม่ได้รวมไปถึง อาบอบนวดที่เอาซานต้ามาลงอ่างแช่น้ำร้อน  แล้วนวดให้หายปวดเมื่อยหลังจากเดินทางไกลรอบโลกแจกของขวัญแก่เด็ก ๆ ที่เขียนจดหมายไปขอ  

ที่คริสตชนบ่นด่าเช่นนี้จริง ๆ แล้วพวกเขาต้องการสื่อสารเรื่องอะไรกันแน่?

ที่คริสตชนต้องออกมาด่าทอต่อว่ากระแสสังคมเช่นนี้ในเรื่องคริสต์มาสเพราะ   พวกห้างร้าน  สถานบันเทิงและธุรกิจ นอกจากพวกนี้ใช้เทศกาลคริสต์มาสเป็น “อีเวนท์” ในการทำธุรกิจสร้างรายได้ของเขาแล้ว   คริสตชนกลุ่มนี้มักถามว่า  ทำไมไม่ใช้คริสต์มาสในความหมายที่ถูกต้อง   ทำไมต้องมาบิดเบือนความหมายของคริสต์มาส   นี่คือสิ่งที่สร้างความหงุดหงิดกังวลของคริสตชนกลุ่มใหญ่ ๆ ใช่ไหม?

คริสตชนครับ...  แล้วท่านว่าอะไรคือความหมายที่ถูกต้องแท้จริงของวันคริสต์มาสล่ะครับ?

คำถามก็คือว่า...  แล้วคริสตชนได้สื่อสารความหมายที่แท้จริงเรื่องคริสต์มาสแก่คนกลุ่มเป้าหมายในสังคมที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคริสต์มาสอย่างไรหรือไม่?   และทำแค่ไหน?   ด้วยจิตใจแบบไหน?   ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่รู้ถึงความหมายที่แท้จริงแล้ววิ่งไปตามกระแสสังคม  แล้วคริสตชนกล่าวหาคนกลุ่มนี้มันถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่?   แล้วที่ไปก่นด่าต่อว่าห้างร้าน สถานบันเทิงว่ามันชั่วมันเลว   แล้วแก้ปัญหาไหม?

เมื่ออิทธิพล “ความมืด” เข้ามาครอบงำสังคมและในคริสตจักร   คริสตชนควรเลือกด่าความเลวร้ายของความมืด หรือ ควรหาทางจุดเทียนเล็ก ๆ สักเล่มหนึ่ง   เพื่อให้เกิดแสงสว่าง   เพื่อเราเองและผู้คนจะได้มองเห็น  แม้จะเลือนรางก็ดีกว่ามืดมิดไม่เห็นอะไรเลย?

แต่ความเป็นจริงที่ประจักษ์  เราพบว่า   คริสตชนส่วนใหญ่เลือกที่จะ “ด่า” ความมืดครับ! (ง่ายดี!)

ในขณะที่พระเยซูคริสต์บอกให้คริสตชนเป็นความสว่างของโลก   แต่คริสตชนกลับไปบ่นด่าความมืดแทนที่จะเป็นความสว่างตามที่พระคริสต์ประสงค์!

แท้จริงแล้วคริสตจักรมีโอกาสมีเวลาปีละ 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน) หรือ ปีละ 335 วัน   ที่จะเตรียม  ที่จะสื่อสารความจริงพระกิตติคุณเรื่องคริสต์มาสแก่สังคม   โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในสังคมที่อยู่รอบคริสตจักร   ที่อยู่ล้อมรอบสมาชิกคริสตจักร   ทั้งในที่ตั้งครอบครัว  ที่ทำงาน  การพบปะกันในชุมชน  หรือการทำงานเพื่อชุมชนร่วมกัน 

สำหรับวิธีการที่คริสตจักรจะสื่อสารถึงความหมายของพระกิตติคุณในวันคริสต์มาสนั้นมีหลากหลายวิธีที่คริสตจักรน่าจะทำได้   ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บริบทของชุมชน หรือ สถานที่นั้น ๆ   และที่สำคัญเป็นวิธีการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพ ความสามารถ หรือ ทักษะของสมาชิกในคริสตจักรแต่ละคนแต่ละกลุ่ม
  1. ในการสื่อสารสาระความหมายของข่าวดีในวันคริสต์มาสแก่ผู้คนในสังคม  โดยเฉพาะที่ยังไม่รู้เรื่องราวของคริสตชนนั้น   ไม่ควรเน้นเอกสารเช่นใบปลิว  คำพูดที่โน้มน้าว หรือ การเทศนา   แต่เน้นการทำสิ่งที่มีคุณค่าและความหมายแก่ชีวิตของเพื่อนมนุษย์   โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังเป็นประเด็นวิกฤติในชุมชนสังคมนั้น ๆ   เพื่อผู้คนจะได้เข้าใจถึงคุณค่าความหมายของวันคริสต์มาสที่เป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมที่ทำ
  2. เลือกสถานที่ที่จะสื่อสารคุณค่าและความหมายของวันคริสต์มาสในที่ที่มีผู้คนผ่านหรือชุมนุมกันจำนวนมาก เช่น ในห้างใหญ่  สถานที่สาธารณะ  หรือ ในที่ชุมนุมชน
  3. การสื่อสารผ่านกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเน้นกิจกรรมที่จะให้ผู้คนทั้งที่เป็นและไม่เป็นคริสตชนสามารถเข้ามีส่วนร่วมที่จะสร้างคุณประโยชน์แก่คนกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดในกิจกรรมนั้น  เช่น การรณรงค์ทุนการศึกษาเพื่อเด็กด้อยโอกาส   การเข้าถึงผู้สูงอายุที่ถูกละเลยทอดทิ้ง   การรวมตัวเป็นกลุ่มเสริมหนุนการเรียนรู้  การทำการบ้าน และการดำเนินชีวิตของเยาวชนวัยรุ่นในชุมชนต่าง ๆ    และชี้ชัดว่า ที่ทำเช่นนี้เพราะเป็นการกระทำตามความหมายที่แท้จริงของวันคริสต์มาส
  4. สื่อสารถึงคุณค่าและความหมายของวันคริสต์มาสผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ   ด้วยวิธีการที่น่าสนใจ  ท้าคิดท้าทำ   และเชิญชวนเข้าร่วมในการสร้างคุณค่าและความหมายวันคริสต์มาสสำหรับกลุ่มชนเป้าหมายที่กำหนด
  5. ถ้าเป็นไปได้แล้ว   ควรชวนสมาชิกคริสตจักรที่สนใจในเรื่องนี้ออกไปสำรวจ สังเกต และศึกษาในสถานที่ชุมนุมชนต่าง ๆ   ที่มีความเป็นไปได้ที่เราจะใช้ในการสื่อสารความจริง ความหมายและคุณค่าในวันคริสต์มาสที่เป็นการกระทำ เป็นรูปธรรม ที่ประจักษ์และสัมผัสได้   แล้วมีโอกาสร่วมกันคิด ร่วมกันวางแผนว่าจะทำอย่างไรบน ทักษะ ความรู้ ความสามารถ และ ศักยภาพที่สมาชิกในคริสตจักรมีอยู่   ทั้งนี้เพื่อสมาชิกที่ร่วมกันคิดจะสามารถร่วมกันทำตามกำลังความสามารถที่ตนมีอยู่จริง
  6. อย่าลืมนะครับว่า  นี่เป็นสิ่งที่เราจะทำตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน ที่กำลังจะมาถึงนี้    มิใช่โหมกระทำในเดือนธันวาคม  “แบบไฟไหม้ฟาง”  เพียงไม่กี่วันนะครับ
  7. กระบวนการสื่อสารสัจจะความจริงแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวดีในวันคริสต์มาส เป็นโอกาสที่สมาชิกคริสตจักรจะเรียนรู้ และรับการเสริมสร้างใหม่จากพระเจ้า ให้สามารถดำเนินชีวิตท่ามกลางชุมชนคนที่ยังไม่เชื่อในพระเจ้าด้วยการหนุนเสริมให้เกิด  “สันติสุขบนแผ่นดินโลกนี้”   ตามคำพรที่ทูตสวรรค์นำถึงคนเลี้ยงแกะในวันที่พระคริสต์บังเกิดว่า  พระ​สิริ​จง​มี​แด่​พระ​เจ้า​ใน​ที่​สูง​สุด   ส่วน​บน​แผ่น​ดิน​โลก สันติ​สุข​จง​มีท่ามกลางมนุษย์​ทั้ง​หลาย​ที่​พระ​องค์​โปรด​ปราน​นั้น (ลูกา 2:14 มตฐ.)


ส่วนคริสตจักรไหนจะเลือกวิธีการทำอย่างไรผมขอเสนอว่า   ให้แต่ละคริสตจักรเตรียมการ ขับเคลื่อน  แล้วแบ่งปันความคิด ประสบการณ์ที่ได้รับจากการขับเคลื่อนบนสื่อออนไลน์นี้ดีไหมครับ?   ในเวลานั้น เราจะเห็นว่ามีวิธีการมากมายหลากหลายที่เราจะสื่อสารสัจจะความจริงคริสต์มาสแก่ผู้คนในสังคมชุมชน   และนี่คือพลังที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมเรื่องคริสต์มาสได้อย่างดียิ่ง   และเราสามารถเรียนรู้จากกันและกัน   ตอนนั้นเราคงไม่ต้องมานั่ง “ด่าความมืด” แต่เราจะ “จุดเทียน” ให้เกิดการ “ส่องสว่างแห่งวันคริสต์มาส”  ในสังคมชุมชนโลกครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น