31 ธันวาคม 2558

พระเจ้าแห่งสามัญธรรมดา

การมาบังเกิดของพระคริสต์   เป็นการที่พระเจ้าทรงเปิดเผยและสำแดงพระองค์ในสภาพชีวิตเยี่ยงมนุษย์สามัญชนคนธรรมดา  และดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัวสามัญชนคนยากจนซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในเวลานั้น   อยู่ในบ้านและชุมชนของคนธรรมดา   อยู่ภายใต้การครอบงำของอำนาจเผด็จการทหารโรมัน  และพวกเฮโรดขายชาติในเวลานั้น   ด้วยเหตุนี้ผู้คนส่วนใหญ่จึงมองข้ามพระเจ้าที่ทรงสำแดงพระองค์   คนทั้งหลายจะมองไม่เห็นพระเจ้าที่มาอยู่กับเขาในสภาพมนุษย์สามัญชนคนธรรมดาส่วนใหญ่ที่ต่ำต้อยยากจนดูเหมือนไร้อำนาจ   เพราะพระเจ้าทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ที่แตกต่างจากที่มนุษย์ส่วนใหญ่คาดหวัง   พระองค์ไม่ได้ทำตามสิ่งที่มนุษย์ต้องการเห็น  

พระเจ้าจะมาเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญ  และในชุมชนคนต่ำต้อยเล็กน้อยได้อย่างไร

การที่มารีย์และโยเซฟ เป็นคนยากจนสามัญชนธรรมดา   ที่ยอมตนตามพระประสงค์ของพระเจ้า   ยอมร่วมในกระบวนแห่งพระราชกิจของพระเจ้า   ที่ต้องกระทำงานนี้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก   ทำให้เราตระหนักคิดได้ว่า   การที่พระเจ้าทรงปรากฏพระองค์ท่ามกลางความยากจนข้นแค้นลำบากเช่นนี้เป็นเหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดสนิทที่มองไม่เห็นอะไร   เพราะผู้คนไม่คิดว่าตนจะเห็นอะไรได้

การที่คนเลี้ยงแกะ  คนบ้านนอกคอกนา  คนที่ไม่มีความรู้  ไม่มีฐานะ กลับกลายเป็นคนกลุ่มแรกที่สุด  ที่ได้รับการเปิดเผยแจ้งข่าวยิ่งใหญ่แห่งพระราชกิจของพระเจ้า   คือการมาเกิดของพระคริสต์ในโลกนี้   แม้จะเป็นเรื่องที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน   แต่พระเจ้าเห็นถึงความสำคัญยิ่งของพวกเขา   และที่เขาได้รับรู้ข่าวดีนี้จากทูตสวรรค์เพราะ “เขาตื่นรู้ในเวลานั้น”   เตือนเราให้ระมัดระวังว่า ชีวิตของเราต้องตื่นรู้เสมอ   และเมื่อ “ข่าวดี” จากพระเจ้าปรากฏขึ้นในถิ่นทุรกันดารแล้งแห้งแห่งชีวิตของเรา   เราจะได้ตื่นรู้และชื่นชมยินดีอย่างคนเลี้ยงแกะในครั้งนั้น   แล้วเราจะได้เข้าไปนมัสการพระกุมารในคอกเลี้ยงสัตว์ที่ผู้คนเดินผ่านไปมาไม่สนใจ และ เมินหนีด้วยซ้ำ

ความจริงที่นักปราชญ์คนต่างชาติที่พวกยิวมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม   ที่เป็นพวก “มิได้รับสุหนัต”  พวกที่ไม่ได้อยู่ใต้ร่มแห่งพระพรของพระเจ้า  เป็นผู้รู้นักปราชญ์ที่ได้รับการทรงเปิดเผยทาง “ดวงดาว” ผ่านความรู้ในศาสตร์ที่พวกเขาร่ำเรียน   แต่กลับมิใช่พวกปุโรหิต  ธรรมมาจารย์  อาลักษณ์  ฟาริสี  หรือนักการเมืองอย่างพวกสะดูสี  หรือ ไม่มีแม้แต่ตัวแทนในสภา (ซันเฮ็ดริน)   สิ่งนี้เตือนเราให้ระมัดระวังที่มั่นใจเกินจริงว่า “ชีวิตของเรารอดแล้ว”   “สำคัญผิดคิดว่าตนเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้”   แต่พระเจ้ากลับไปใช้คนนอกรีต  ในงานสำคัญยิ่งของพระองค์   พระองค์กลับไม่ทรงใช้เรา?

พระเจ้าแห่งสามัญชน   และที่สำคัญพระองค์ทรงใช้คนธรรมดาสามัญในการสานต่อพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์   แต่ในขวบปีที่ผ่านมา   เรามักพบแต่คนที่พยายามที่จะหาทางทำตนเป็นคนสำคัญ  คนมีตำแหน่งสูง ๆ   แล้วอ้างว่าเพื่อที่จะรับใช้พระเจ้า   ไม่เป็นศาสนาจารย์ก็รับใช้พระเจ้าได้ครับ   ไม่ได้เป็นผู้บริหารสภาฯ ก็รับใช้พระเจ้าได้ครับ   ไม่ได้เป็นกรรมการอำนวยการก็รับใช้พระเจ้าได้ครับ   อย่าอ้างว่าถ้าได้ตำแหน่งสูง  มีอำนาจ  มีหน้าที่แล้วจะทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรใหญ่ ๆ สำคัญ ๆ ได้  ไม่จริงครับ  โกหกตนเองทั้งสิ้น

ที่แน่ชัดคือ  พระคริสต์มาบังเกิดเป็นสามัญชน  อยู่กับสามัญชน  และเป็นสามัญชน   ถ้าเราท่านต้องการพบพระคริสต์เราต้องกลับคืนสู่สามัญชนเพื่อที่จะพบเห็นพระองค์ในชีวิตและในชุมชนของสามัญชน

แม่ชีเทเรซา  เคยกล่าวไว้ว่า...
“ในพิธีมหาสนิทฉันเห็นพระคริสต์ในขนมปัง
ในสลัมฉันเห็นพระคริสต์ในคนจนที่เปล่าเปลือยและถูกทอดทิ้ง
สำหรับฉันพิธีมหาสนิทและคนจนเป็นคนรักคนเดียวกัน
ในสวรรค์เท่านั้นที่เราจะรู้ว่าเราเป็นหนี้คนจนมากมายเพียงใด
ที่พวกเขาช่วยให้เรารักพระเจ้าได้ดียิ่ง ๆ ขึ้น
เป็นการง่ายที่จะรักคนที่อยู่ไกล
ยิ่งเป็นการง่ายกว่าที่จะให้ข้าวสักชามหนึ่งแทนการช่วยบางคนในบ้าน...
ให้พ้นจากความว้าเหว่ เดียวดาย  และความเจ็บปวดที่ไม่มีใครรักเขา”...

ปีใหม่นี้  เราท่านพร้อมที่เป็นอย่างพระคริสต์ไหม?   เราจะมีชีวิตอย่างสามัญชนคนยากจนทั่วไปได้หรือไม่?   แต่แม่ชีเทเรซาพูดไว้อย่างชัดเจนว่า   “รักพระเยซูท่ามกลางประชาชน   รับใช้พระองค์ท่ามกลางมวลชน   รักแท้นั้นเจ็บปวดเสมอ   นั่นจะเป็นรักแท้และบริสุทธิ์...”

พระคริสต์มาเกิดเป็นสามัญชน   กำลังอยู่กับสามัญชน   ท่านต้องการจะพบพระองค์หรือไม่ครับ?   ถ้าอยากพบท่านก็ต้องลงไปหาพระองค์ที่อยู่ท่ามกลางสามัญชนคนธรรมดา

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น