19 เมษายน 2554

คริสตจักร: ชุมชนแห่งการเยียวยารักษา

คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ควรจะเป็นชุมชนแห่งการเยียวยารักษาบาดแผลแห่งชีวิต สามัคคีธรรมที่เรามีต่อกันควรจะเป็นกระบวนการเลี้ยงดู ฟูมฟัก เป็นการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน มิใช่ชุมชนมีกลิ่นคละคลุ้งด้วยใจพยาบาทคิดร้าย เป็นชุมชนที่คอยจับจ้องที่จะทำการล้างแค้น เคยมีผู้กล่าวว่า คริสตจักรเป็นสถาบันชนิดเดียวที่ยิ่งเหยียบซ้ำย่ำบาดแผลเดิม... น่าเศร้าอย่างยิ่งครับ ที่ต้องสารภาพว่า บ่อยครั้งที่คริสตจักรทำตัวเช่นนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย

ให้เราถอดบทเรียนจากธรรมชาติ ลองพินิจพิจารณาต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า “ซิไคว” (Sequoia tree) “ซิไคว เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมานมนานแต่โบราณ และที่สำคัญคือเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง มันเป็นต้นไม้ที่สูงตระหง่านพุ่งตรงเสียดแทงฟ้าเพราะมันมีรากหยั่งลึกประสานเกาะเกี่ยวกันอย่างหนาแน่น เปลือกไม้ของมันมีกลิ่นฉุน รสเปรี้ยว มีความเป็นกรดที่ขับไล่แมลงที่จะมากัดกินมัน มันยืนหยัดตระหง่านอย่างมั่นคงต้านลมพายุกระโชก และ ฝนที่ตกลงมาอย่างรุนแรง ที่มันยืนยงอยู่เช่นนี้ได้เพราะต้น “ซิไคว” เป็นต้นใหญ่ที่เจริญเติบโตขึ้นท่ามกลางหมู่ไม้นานาพันธุ์ และรากของมันนอกจากหยั่งลึกลงดินแล้วมันยังงอกประสานสอดแทรกเข้ากับรากของต้นไม้อื่นๆ ที่อยู่ล้อมรอบมันอย่างแข็งแรง ถ้าพายุจะโหมกระหน่ำให้ต้นซิไควล้มครืนได้ นั่นหมายความว่าต้นไม้ทั้งภูที่ยึดเกาะสานรากเข้าด้วยกันต้องล้มระเนระนาดพร้อมกันไปทั้งภูเขาแน่

ถ้าคริสตจักรเติบโตแข็งแรงจากส่วนลึกของชีวิต คือจากรากที่หยั่งลึกลงในพระวจนะและพระประสงค์ของพระเจ้าด้วยสามัคคีธรรมที่มีในชุมชนคริสตจักร คริสตจักรควรเป็นชุมชนที่เปิดกว้างสำหรับผู้คนที่ได้รับบาดแผลเจ็บปวดในชีวิต ผู้คนที่เกิดความสับสนยุ่งเหยิ่งในชีวิตแต่ละวัน อ้าแขนเปิดรับคนที่ถูกกีดกันให้ตกไปอยู่ที่ชายขอบสังคม ถูกปล้นศักดิ์ศรีความเป็นคนที่พระเจ้าประทานให้ คริสตจักรเปิดประตูชีวิตออกรับคนที่หลงหาย คนที่ล้ม คนที่ถูกขับออกนอกสังคม คริสตจักรจะต้องนำคนเหล่านี้เข้ามาในครอบครัวของพระเจ้า คนที่ต้องทนทุกข์จะต้องได้รับการเอาใจใส่

ทำไมหรือ? เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในชีวิตของเราทั้งหลาย หนุนเสริมให้เราซึ่งเป็นคริสตจักรรู้จักที่จะรักกรุณาอย่างที่พระคริสต์ทรงรักและมอบชีวิตให้ผู้คน ด้วยการประสานเกาะเกี่ยวรากแห่งชีวิตของเรากับรากของผู้คนในสภาพหลากหลายเข้าเป็นแผงรากเดียวกันจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่ได้ปกป้องให้คริสตจักรและผู้ยากไร้สามารถทนทุกข์ยืนหยัดตระหง่านในสังคมโลกนี้ได้ด้วยการมีรากฐานที่มีชีวิตที่สานเกาะเกี่ยวเข้าด้วยกันจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ รากแห่งชีวิตดังกล่าวที่หยั่งลงเพื่อดูดซับอาหารไปเลี้ยงต้นไม้แห่งคริสตจักรทั้งต้น และต้นไม้อื่นๆ ในสังคม และทำให้คริสตจักรและผู้ยากไร้ต่างได้สัมผัสกับรากฐานแห่งพระประสงค์ของพระเจ้า แล้วเกาะประสานรากแห่งชีวิตเข้าด้วยกัน

อย่างที่เปาโลเคยเปรียบเทียบชีวิตของคริสตจักรว่าเป็นเหมือนร่างกายไว้ว่า 14เพราะว่าร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว แต่ด้วยหลายอวัยวะ” (1โครินธ์ 12:14) และ คริสตจักรจะสานต่อพันธกิจจากพระเยซูคริสต์ และเหล่าอัครทูตในคริสตจักรสมัยเริ่มแรกแล้ว แน่นอนว่า จำเป็นที่คริสตจักรจะต้องเอาใจใส่ผู้เล็กน้อย คนด้อยโอกาส คนที่ถูกกีดกันและเหยียดหยามจากสังคมในสมัยนี้

อย่างเช่นในกิจการบทที่ 3 เปโตรและยอห์นเมื่อเข้าไปในพระวิหาร พบผู้คนมากมายหลายชนชั้น แต่ทั้งสองมุ่งหน้าเข้าไปหาชายง่อยที่ขอทานที่ประตูงาม และสานต่อพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ในนามคริสตจักรของพระองค์ เพื่อชายง่อยขอทานคนนี้จะได้รับการเยียวยาบาดแผลในชีวิต และมีชีวิตร่วมในความรอด พบกับคุณค่าและความหมายของชีวิตที่ได้รับการเยียวยาจากชุมชนคริสตจักรในสมัยเริ่มแรก และได้รับเข้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคริสตจักรด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น