พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับย่างก้าวของข้าพระองค์
เป็นแสงสว่างส่องทางของข้าพระองค์
(สดุดี 119:105 อมต.)
ก่อนที่จะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 1988
โทรทัศน์ในอเมริกาได้ออกอากาศถึงกีฬาที่โดดเด่นในโอลิมปิกครั้งนั้น คือ
กีฬาสกีของคนพิการทางสายตา ซึ่งเป็นการเล่นสกีคู่
โดยผู้เล่นคนหนึ่งจะสามารถมองเห็นและเป็นคนบอกว่าจะต้องเลี้ยวซ้ายหรือขวา
และทั้งสองต้องฝึกซ้อมในการเลี้ยวซ้ายหรือขวาด้วยกัน โดยเมื่อไปสกีบนลู่สกี
นักสกีที่มองเห็นจะต้องเป็นคนตะโกนบอกว่าให้เลี้ยวซ้ายหรือขวามากน้อยแค่ไหน
เพื่อนักสกีที่พิการทางสายตาจะรู้ว่าจะเลี้ยวซ้ายหรือขวามากน้อยอย่างไร
คำบอกซ้ายขวาของคู่นักสกีเป็นเครื่องบอกทาง หรือ
ชี้ทางสำหรับคู่นักสกีที่พิการทางสายตาให้รู้ว่าควรลดเลี้ยวไปทางไหนจนนักสกีทั้งสองสามารถที่ไปถึงเส้นชัยได้
นักสกีที่พิการทางสายตาต้องฟังคำบอกชี้ทางของเพื่อนคู่สกีอย่างจริงจังเพื่อจะรู้ว่าจะสกีไปทางไหน
นักสกีที่พิการทางสายตาต้องตัดสินใจเลือกว่าตนจะเชื่อคู่สกีของตนด้วยความไว้วางใจอย่างไร้เงื่อนไขเพื่อให้ถึงเส้นชัย หรือไม่ก็ต้องเลือกทำอย่างอื่นในสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เห็นที่อาจจะนำไปสู่ความหายนะในการแข่งขันนั้น
ชีวิตคริสตชนก็เป็นเฉกเช่นนั้น
บ่อยครั้งนักที่เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ “มืดแปดด้าน” มองไม่เห็นความจริงและทางออก แต่เมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายที่เราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน
พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นเครื่องชี้บอกทางแก่เราไปทีละก้าว ทีละขั้นตอน เราจะค่อย ๆ เห็นทางออกทีละก้าวแม้ชีวิตจะตกอยู่ท่ามกลางภาวะยุ่งยากซับซ้อนและมีความสับสนมากเพียงใดก็ตาม เราสามารถวางใจอย่างสิ้นสุดความคิดและจิตใจในพระวจนะของพระเจ้าที่เป็นสัจจะแห่งชีวิตและเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิตของเรา
ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
จงวางใจและกล้าที่จะทำตามพระวจนะของพระเจ้า อ่าน
ใคร่ครวญพระวจนะทุกวันเพื่อจะพบกับสัจจะที่จะนำทางชีวิตของเราในแต่ละวัน และจงให้พระวจนะเป็นแสงสว่างส่องทางชีวิตของเราแต่ละวัน เพื่อเราจะเห็นทางเดินไม่สะดุดล้ม แม้ในเวลาที่ชีวิตต้องเผชิญกับกับดัก หรือ
หุบเหวก็ตาม เพราะสัจจะของพระเจ้าจะเป็นแสงสว่างช่วยให้เราสามารถมองเห็นสิ่งกีดขวาง
และ หลุมพรางที่อยู่ข้างหน้า
ที่เราต้องเผชิญกับมัน
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น