แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก
เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์
(เอเฟซัส 4:15 มตฐ.)
เป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการให้เราคริสตชนแต่ละคนเติบโตขึ้น “เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป...”
(เอเฟซัส 4:14ข
มตฐ.) พระเจ้ามีจุดมุ่งหมายให้ชีวิตคริสตชนแต่ละคนเติบโตและมีวุฒิภาวะ
หรือ ชีวิตคริสตชนที่แข็งแรงและเกิดผล
หมายความว่า พระเจ้ามีจุดประสงค์ให้คริสตชนแต่ละคนมีชีวิตที่มีชีวิตประจำวันทุกวันเยี่ยงหรือตามแบบพระคริสต์
พระองค์ไม่มีพระประสงค์ที่จะให้ชีวิตคริสตชนของเรา
“ติดแหงก”อยู่แค่ “ทารกในความเชื่อ” ตลอดไป
อย่างที่มีมากมายในคริสตจักรของเราในทุกวันนี้ คริสตชนกลุ่มนี้ยังต้องพึ่งพิง
“ผ้าอ้อมและขวดนม” “แม่และพี่เลี้ยง”
เพราะพวกเขาตัดสินใจเชื่อเท่านั้น แต่ไม่เคยคิดที่จะเติบโตขึ้นในชีวิตคริสตชน การเติบโตขึ้นในชีวิตจิตวิญญาณของเรามิใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติหลังจากที่รับบัพติสมาแล้ว
แต่การที่จะมีชีวิตที่เติบโตขึ้นและมีชีวิตเยี่ยงพระคริสต์นั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องตัดสินใจ ตั้งใจที่จะรับการเสริมสร้าง
และเป็นเรื่องที่เราแต่ละคนจะต้องทุ่มเทอุทิศชีวิตของเราที่จะรับการเสริมสร้าง ฝึกฝน
ปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา
ถ้าใครที่ต้องการจะมีชีวิตที่เติบโตขึ้นให้เป็นเหมือนพระคริสต์ คน ๆ นั้นต้องตัดสินใจว่าตนต้องการมีชีวิตที่เติบโตขึ้นในพระคริสต์ แล้วทุ่มเทการดำเนินชีวิตและปฏิบัติในชีวิตประจำวันทุกวันให้เติบโตขึ้น และ
ต้องมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เพราะการเติบโตเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
ต้องใช้เวลาครับ
การเป็นสาวกพระคริสต์มิได้เป็นเพราะ
“เอาหัวจุ่มลงในน้ำ หรือ เอาน้ำมาพรมที่หัว” เท่านั้น
แต่ตัวชี้วัดว่าใครคนใดเป็นสาวกหรือไม่อยู่ที่คุณภาพชีวิตของคน ๆ นั้นสำแดงพระลักษณะของพระคริสต์
หรือ การดำเนินชีวิตเยี่ยงพระคริสต์ในชีวิตประจำวันหรือไม่ต่างหาก การเป็นสาวกคือการที่เรา “ลุกขึ้น”
จากจุดเดิมที่ชีวิตของเราเป็นอยู่ แล้ว
“ติดตาม” พระคริสต์ตลอดไปในชีวิตประจำวัน (ไม่ใช่ในคริสตจักรวันอาทิตย์เท่านั้น)
(ดูมัทธิว 9:9)
เมื่อสาวกคนแรกตัดสินที่จะติดตามพระคริสต์ เขาไม่ได้เข้าใจทุกเรื่องทุกอย่างในการดำเนินชีวิตที่เขาจะต้องมี แต่เขาตัดสินใจลุกขึ้นติดตามพระคริสต์ อย่างที่หลาย ๆ คนในพวกเราก็เป็นเช่นนั้น หลังจากนั้นสิ่งสำคัญคือ ผู้เชื่อแต่ละคนต้องตัดสินใจว่า
เราต้องการเติบโตขึ้นเป็นสาวกของพระองค์ คือ ดำเนินชีวิตประจำวันเป็นเหมือนพระองค์มากยิ่งขึ้นทุกวัน
และในส่วนนี้เองที่พระคริสต์ทรงมอบหมายให้เป็นบทบาทความรับผิดชอบของชุมชนคริสตจักร
ที่จะต้องเอาใจใส่และทุ่มเทในการเสริมสร้างผู้เชื่อแต่ละคนให้เติบโตขึ้นมีชีวิตประจำวันที่เป็นสาวกของพระคริสต์ “...และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้...”
(มัทธิว 28:20 มตฐ.)
คำถามที่ไม่น่าจะถามคือ...
แล้วคริสตจักรของเราได้ตอบสนองต่อพระมหาบัญชาในเรื่องนี้หรือเปล่า?
ถามใหม่ก็ได้ แล้วคริสตจักรปัจจุบันได้ตอบสนองพระมหาบัญชาอย่างครบถ้วนหรือไม่? หรือเลือกตอบสนองเป็นบางส่วนที่เราคิดจะตอบสนองเท่านั้น?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น