บ่อยครั้งเรามักตั้งเป้าหมายไว้แค่เพื่อวัดว่าเราได้บรรลุเป้าหมาย
ที่กำหนดไว้หรือไม่
แต่กลับละเลยมองข้ามผลข้างเคียงที่ได้รับจากการตั้งเป้าหมาย ซึ่งมีความสำคัญและคุณค่าที่มากกว่าแค่
“บรรลุเป้าหมาย”
สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
จากการกำหนดเป้าหมาย
ผมชอบการโค้ชชิ่ง มากกว่าการสอน การบรรยาย หรือ
แม้แต่การเทศนา
เพราะการโค้ชชิ่งทำให้ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตาผม เป็นกำไรชีวิตที่หาดูได้ยากครับ
ที่จะเห็นชีวิตของโค้ชชี่ของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และเห็นโค้ชชี่ได้เข้าใจเท่าทันตนเอง
ซึ่งที่เกิดจากแรงกระตุ้นให้เขาขับเคลื่อนมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย การเปลี่ยนแปลงชีวิตของโค้ชชี่เช่นนี้มีคุณค่ามากยิ่งกว่าการบรรลุเป้าหมายที่กำหนด เพราะชีวิตเกิดการเปลี่ยนแปลง พัฒนา ความคิดเกิดการเรียนรู้ มุมมองถูกปรับให้คมชัด ยิ่งกว่านั้นศักยภาพ ความสามารถ สมรรถนะเกิดการพัฒนา
แค่ขับเคลื่อนมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร?
มีความชัดเจน และ
ขับเคลื่อนจากระบบคุณค่า
เราพบเห็นทุกเมื่อเชื่อว่า ที่คน กลุ่มคน หรือ หลายองค์กร ที่ตั้งเป้าหมายสำคัญสำหรับตน แต่เมื่อถูกถามว่า
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเป้าหมายที่เขากำหนดขึ้น เรามักได้ยินได้ฟังคำตอบที่ผิวเผินซ้ำซาก เช่น
“เพื่อลูก เพื่อครอบครัว” “เพื่อพระเจ้า” “เพื่อจะมั่งคั่งร่ำรวย” และ
ฯลฯ
การที่เราจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง เราสามารถสังเกตและประเมินจากการกระทำของคน ๆ นั้น เช่น
หลายคนที่ตั้งเป้าหมายที่ต้องการลดความอ้วนให้มีทรวดทรงที่ดูดี แต่คน ๆ นั้นไม่ได้คิดต่อไปว่า
แล้วทำไมฉันถึงต้องลดความอ้วนให้มีทรวดทรงที่เหมาะสมล่ะ? แม้เขาจะมีเครื่องมือออกกำลังกายอย่างดีครบครัน หรือ
เป็นสมาชิกของ “ฟิตเนสคลับ” ที่มีชื่อเสียงก็ตาม คนกลุ่มนี้เราจะพบว่าจะล้มเลิกกลางคัน หรือ
แค่เริ่มออกกำลังกายไม่กี่ครั้งก็เลิกแล้ว
เหตุการณ์ที่ว่านี้จะพบมาก ๆ ก็ตอนเริ่มต้นปีใหม่ถึงเดือนกุมภาพันธ์ก็จะพบได้มากมาย
แต่ถ้าเราเกิดอาการป่วยหนักจนถึงขั้นเป็นโรคเจ็บป่วยเสี่ยงต่อการตายที่รออยู่ข้างหน้า และแพทย์บอกว่าสิ่งแรกที่จะต้องทำคือ
ลดน้ำหนักตัวลง 30 กิโลกรัม
ผมเชื่อว่า เราจะต้องจริงจังเข้มงวดกับการลดน้ำหนักนี้ให้ได้ “ทำไมล่ะ” เราถึงเข้มงวดจริงจังกับตนเองได้ถึงขนาดนั้น เพราะเรารู้แล้วว่า เราจะต้องตายถ้าไม่ทำเช่นนั้น
พลังที่ใช้ในการขับเคลื่อนลดน้ำหนักครั้งนี้อยู่ที่ “ระบบคุณค่า” เพราะเราตระหนักชัดและถูกกระตุ้นให้ลดน้ำหนักเป็นเรื่องของชีวิต
“ความเป็นความตาย”
เพราะการรู้แจ้งชัดเจนถึงว่า “ทำไมการทำเช่นนั้นมันถึงสำคัญต่อฉัน”
เป็นตัวกระตุ้นให้ทั้งจิตใจ จิตวิญญาณ และ ร่างกาย
สอดประสานรับมืออย่างสอดคล้องกันต่อการลดน้ำหนักตัวครั้งนี้
การที่เรามีความชัดเจนว่าทำไมเราถึงต้องทำสิ่งนี้ การที่ชัดเจนว่ามันสำคัญคอขาดบาดตายอย่างไรจะเป็นแรงกระตุ้นให้ความ
“ลังเล” “การผัดวันประกันพรุ่ง” หมดกำลังลง
ความรู้สึกที่ว่า “ทำก็ได้ ไม่ทำก็ไม่เป็นไร” ก็จะหมดแรงไปจากภาวะนี้
รู้ถึง “ปุ่ม” ที่เราสามารถ
“ควบคุม” ที่มีพลัง
เมื่อเรากำหนดเป้าหมายแล้วทุ่มเทให้ขับเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมายที่กำหนด เราจะรู้สึกว่า “ตนเอง” มีกำลังควบคุมให้บางสิ่งเกิดขึ้น หรือ
ตนเองกำลังควบคุมต้นเหตุที่ทำให้เกิดผล(ตามเป้าหมาย)
แต่การควบคุมนั้นมีสองมิติใหญ่ ๆ คือ การควบคุมภายในตัวเอง กับ
การควบคุมสิ่งที่อยู่แวดล้อมภายนอก หรือ
พูดง่าย ๆ คือ เราจะควบคุมชีวิตของเรา
หรือ เราจะควบคุมสภาพแวดล้อม หรือ อิทธิพลภายนอกที่ล้อมรอบตัวเรา จากประสบการณ์เราต่างพบความจริงว่า การควบคุมภายใน เรากำลังทำงานกับความคิดความรู้สึกของเรา และบ่อยครั้งเมื่อเริ่มต้น เราจะรู้สึกว่าเรามีพลังที่จะควบคุมภายในชีวิตของเรา ในเวลาเดียวกัน หลายครั้งที่เรายอมรับว่า
เราไม่สามารถที่จะควบคุมกระแสสภาพแวดล้อมภายนอกตัวเรา
ดังนั้น
ถ้าเป็นกรณีของเรื่องสุขภาพของเราเอง เช่น
การลดน้ำหนักที่เรากล่าวถึงข้างต้น
เรารู้ว่า เราไม่สามารถที่จะควบคุมกระแสสภาพแวดล้อมภายนอก แต่ต้องควบคุมจากภายในของเรา แต่ความจริงเราก็พบบ่อยครั้งว่า ถึงเราจะรู้ความจริงในเรื่องนี้ และเริ่มควบคุมจากจุดภายในชีวิตของเราเอง เราก็ยังพบกับการควบคุมตนเองให้ไปถึงเป้าหมายต้องล้มเหลว เช่น เลิกกลางคัน ผัดวันประกันพรุ่ง ทั้งนี้เพราะลึก ๆ ในความรู้สึกของเรา
เรายังไม่รู้สึกว่าการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้เป็นเรื่องที่สำคัญและมีคุณอย่างมากในชีวิตของตน
เรายังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิต ตามตัวอย่าง
ยังไม่ใช่เรื่องความเป็นความตาย
การกระตุ้นที่ทรงพลังให้เรามุ่งมั่นขับเคลื่อนให้ไปถึงเป้าหมายคือ การรู้ชัดเจนถึง “ปุ่ม”
ที่เราสามารถควบคุมให้เราขับเคลื่อนได้นั้นเป็นการควบคุมจาก “ปุ่ม”
ภายในชีวิตของเรา
แต่การที่จะมุ่งมั่นขับเคลื่อนอย่างจริงจังไปตลอดรอดฝั่งนั้น ต้องมีพลังกระตุ้นที่ทรงประสิทธิภาพคือ
พลังควบคุมจากภายในชีวิตของเราที่ถูกกระตุ้นหนุนเสริมด้วย “คุณค่า”
ที่จะได้รับของการเคลื่อนไปให้ถึงเป้าหมาย
เช่นในตัวอย่างข้างต้น
การลดน้ำหนักมีคุณค่าคือเป็นการรักษาชีวิตให้คงอยู่ต่อไปได้ หรือ
เป็นทางที่จะให้เรารอดพ้นจากการที่ต้องตาย เป็นต้น
ภาคภูมิใจ(ความรู้สึกมีคุณค่า)ในตนเองบนความเป็นจริง
ความภูมิใจในตนเอง หรือ
การรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง เป็นสภาวะจิตใจที่มีทั้งผลบวกและผลลบ ถ้าภูมิใจ และ
คิดว่าตนเองมีคุณค่าที่ไม่อยู่บนความเป็นจริงก็จะทำให้คนนั้นไปสู่การเป็นคนหลงตนเอง
หรือ บูชาตนเอง หรือ สำคัญผิดคิดว่าตนเองสำคัญแต่ผู้เดียว แต่ถ้าเป็นความภูมิใจ และ
รู้สึกตนเองมีคุณค่าบนภาวะความเป็นจริง
ก็เป็นการเสริมสร้างความมั่นใจ และ
พลังในการขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้าหมาย
แต่การที่ใครก็ตามที่มีความรู้สึกว่าตนมีคุณค่าต่ำ หรือ ด้อยคุณค่า
ก็จะทำให้คนนั้นมีชีวิตจิตใจตกอยู่ในภาวะที่ไม่มี “สุขภาวะ”
จำเป็นที่คนเราควรมีความรู้สึกภูมิใจและรู้สึกมีคุณค่าในตนเองไม่ว่าชีวิตในช่วงนั้นตกอยู่ในสภาพใดก็ตาม แม้ว่าเราจะตกอยู่ในภาวะที่ถดถอย พ่ายแพ้
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสะท้อนคิดว่า
ในภาวะเช่นนี้มีอะไรบ้างที่ยังก้าวหน้าสร้างสรรค์(แม้จะเป็นเรื่องที่น้อยนิด) นี่เป็นการเสริมสร้าง
“การรู้เท่าทันตนเองอย่างสร้างสรรค์”
แต่ต้องอยู่บนความเป็นจริงในชีวิตของตน
ตระหนักชัดว่า
เราสามารถมุ่งมั่นก้าวไปข้างในสิ่งที่เราต้องการ
ในระหว่างที่เรากำลังมุ่งมั่นก้าวไปสู่เป้าหมาย เราต้องสะท้อนคิดในสิ่งที่เราประสบพบเจอบนเส้นทางนั้น จะทำให้เราเห็นระบบการขับเคลื่อนที่ชัดเจนขึ้น และการค้นหาความก้าวหน้าสร้างสรรค์บนความเป็นจริงในแต่ละช่วงตอนของการขับเคลื่อนยังเป็นการหนุนเสริมเพิ่มพลังใจในระหว่างการขับเคลื่อน เป็นกระกระตุ้นให้เกิด
“ความมั่นใจในตนเอง” “ระบการควบคุมตนเอง” และ “ความพึงพอใจในชีวิต”
สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นในระหว่างที่เรากำลังมุ่นมั่นก้าวไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดไว้
อาการหลอนที่ไม่ถึงเป้าหมาย
อาการหลอนที่ไม่ถึงเป้าหมาย
เป็นอาการที่เราจดจำแต่สิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จแทนที่จะจำสิ่งที่ทำสำเร็จแล้ว นั่นหมายความว่า สิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จมันปรากฏ หลอกล่อ หรือ
บางครั้งถึงกับหลอกหลอนทั้งในพื้นที่จิตใต้สำนึก และ พื้นที่จิตสำนึกของเรา
ยังผลให้เรารู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จเหล่านั้น เช่น
บางท่านตั้งใจว่าต้องเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง จากนั้นก็รวบรวม บทความ ข้อมูล
วีซีดีจากทางอินเตอร์เน็ทมากมายไว้ในคอมพิวเตอร์ของตน ทำให้ต้องใช้พื้นที่ความจำมหาศาล แต่ก็ไม่ได้เปิดอ่าน เปิดฟัง หรือ
ทำอะไรกับสิ่งเหล่านั้นที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์
แต่มัน “กระทุ้ง” จิตสำนึกของเรา
หลอกหลอนความรู้สึกของเรา
หล่อหลอมความรู้สึกว่าไม่สำเร็จ(ติดลบ)มากขึ้น มันกระทุ้งย้ำเรา ครั้งแล้วครั้งเล่า และอันตรายที่ปล่อยให้อาการหลอนเกิดขึ้นบ่อย ๆ
ซ้ำแล้วซ้ำอีก
อาจจะกลายเป็นการก่อตัวกรอบคิดว่าตนเองว่า “ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ”
ในกรณีนี้ทางเลือกอีกทางหนึ่งที่เราอาจจะทำได้คือเลิกโหลดข้อมูล
บทความ วิซีดีในเรื่องเหล่านั้น โดยตัดสินใจว่าเราเลิกที่จะมุ่งขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่วางไว้(เขียนหนังสือหนึ่งเล่ม) เพื่อว่าจะเป็นการลด “ความกดดันทางจิตใจ” เพื่อเปิดพื้นที่ว่างในจิตใจที่จะแสวงหาว่าเราจะมุ่งมั่นทุ่มเทสู่เป้าหมายใหม่อะไรที่มีความสำคัญและคุณค่าสำหรับเรา แล้วเริ่มวางขั้นตอนกระบวนการที่มุ่งไปสู่เป้าหมายใหม่ดังกล่าวได้จริง
เป้าหมายที่เหมาะสม(สำหรับเรา)
ลักษณะเป้าหมายที่ดี นอกจากที่เป็นเป้าหมายที่ SMART คือ เป็นเป้าหมายที่เจาะจง
สามารถวัดได้
เหมาะสมกับเรา(เจ้าของเป้าหมาย) และ มีช่วงเวลาที่แน่ชัด ที่สำคัญเป็นเป้าหมายที่เราสามารถออกแรงควบคุมได้ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ
เป้าหมายที่เรากำหนดต้องไม่รบกวนหรือทำให้พื้นที่อื่น ๆ ในชีวิตของเราสับสนถูกกระทบกระเทือนจนยุ่งเหยิง
จากที่กล่าวข้างต้นแล้วว่า
เป้าหมายที่เรากำหนดต้องสอดรับไปด้วยกับระบบคุณค่าของเรา และจะต้องเหมาะสมกับเอกลักษณ์หรือความเป็นตัวตนเฉพาะของเรา เราต้องรู้เท่าทันว่าตัวเราเป็นใคร
แล้วเมื่อเราเข้ามาจัดการกับเป้าหมายดังกล่าวเราจะกลายเป็นคนแบบไหน? สอดคล้องกับตัวตนที่แท้จริงของเราหรือไม่?
งานนั้นมีคุณค่าความหมายสำหรับเราหรือไม่อย่างไร?
ประเด็นเหล่านี้เราจะต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน
การตั้งเป้าหมายจึงมิใช่เป็นเพียงปักธงว่าเราจะไปให้ถึงที่ไหนเท่านั้น แต่การที่จะตั้งเป้าหมายที่ดีมีประเด็นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของเรามากมายรอบด้าน
ประการสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เป้าหมายที่กำหนดกระตุ้นผลักดันให้เราเติบโตขึ้นหรือไม่?
ถ้าเป้าหมายนั้นเรามองไม่เห็นว่าจะหนุนเสริมให้เราเติบโตขึ้นเราคงต้องพิจารณาอย่างดีว่า
นั่นจะเป็นเป้าหมายของเราหรือไม่?
แต่สิ่งที่เราท่านตระหนักชัดเสมอแล้วว่า
การที่เราจะเติบโตขึ้นในชีวิตไม่ใช่เรื่องที่จะมีได้ด้วยความสะดวกสบาย
ต้องลำบากอดทน แต่มันคุ้มค่าอย่างยิ่งเสมอ
การตั้งเป้าหมายที่ดีไม่เพียงแต่มองที่เป้าหมายที่เราจะบรรลุความสำเร็จเท่านั้น
แต่คุณค่าของเป้าหมายมีมากมายรายทางที่มุ่งไปสู่เป้าหมาย
และกล้ากล่าวได้ว่าเมื่อรวมแล้วคุณค่าเบี้ยใบ้รายทางที่ไปสู่เป้าหมายอาจจะมีคุณค่ามากกว่าการสามารถบรรลุสำเร็จเป้าหมายหลายร้อยเท่าพันทวีทีเดียวครับ
จากประสบการณ์ของท่าน ท่านมีข้อแนะนำอย่างไรบ้างครับ?
ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย สันทราย เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น