27 มิถุนายน 2562

ติดตามพระคริสต์ไปในชีวิตประจำวัน

พระเยซูตรัสว่า “จงตามเรามาเถิด แล้วเราจะส่งท่านให้ออกไปเป็นผู้หาคนดั่งหาปลา”
(มาระโก 1:17 สมช.)

ในวัฒนธรรมสังคมยิวในสมัยพระเยซูคริสต์ การที่ใครจะเป็นสาวกของใครนั้น คน ๆ นั้นเป็นคนที่ตัดสินใจว่า ตนจะต้องตัดสินใจเลือกว่าจะติดตามและเป็นลูกศิษย์ หรือ เป็นสาวกของใคร แล้วเข้าไปสมัครฝากเนื้อฝากตัวกับอาจารย์คนนั้น อาจารย์ท่านนั้นอาจจะพิจารณา หรือ ทดสอบดูและตัดสินใจว่าจะรับคน ๆ นั้นมาเป็นศิษย์ หรือ สาวกของตนหรือไม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมตะวันออกในสมัยก่อน เช่น จีน อินเดีย และ ไทยเรา

แต่พระเยซูคริสต์กลับกระทำปฏิบัติสวนกระแสกับวัฒนธรรมในสังคมยิวสมัยนั้น   พระองค์เป็นผู้ริเริ่มว่า พระองค์จะเป็นผู้เลือกและเรียกใครให้มาติดตามเป็นสาวกของพระองค์   และพระเยซูคริสต์ยังใช้กระบวนการเลือกสรรสาวกวิธีเดียวกันนี้กับการทรงเลือกและเรียกผู้คนในสมัยปัจจุบันให้มาติดตามและเป็นสาวกของพระองค์

แต่คริสตชนส่วนมากในปัจจุบันมักคิดว่า การเป็นคริสตชนเป็นเรื่องของแต่ละคนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกว่าตนจะเชื่อในพระเยซูคริสต์ และคำสอนของพระองค์ไหม และก็มีส่วนเป็นความจริงอยู่บ้าง (ไม่เถียง?)  

แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง พระคริสต์ทรงเป็นผู้เรียกและเลือกเรา การที่เราเป็นของพระเยซูคริสต์เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้แสวงหาเราก่อน ทรงฉุดช่วยเราออกจากอำนาจแห่งความบาปชั่ว   ด้วยความรักและพระคุณ แล้วพระองค์ทรงเสริมสร้างเราให้มีความเชื่อศรัทธา จากนั้น เปลี่ยนแปลง เสริมสร้างให้การดำเนินชีวิตประจำวันของเราให้ตอบสนองสอดคล้องต่อความเชื่อศรัทธาของเราในพระองค์ เป็นการดำเนินชีวิตประจำวันที่ตอบสนองต่อจุดประสงค์แห่งการทรงเลือกและการทรงเรียกของพระคริสต์

ดังนั้น การเป็นคริสตชน จึงมิใช่  เราเป็นผู้ริเริ่มที่จะตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์  แล้วยอมรับบัพติสมา และหลายคนเข้าใจผิดพลาดว่า  ตนได้เป็นคริสตชนที่ได้รับความรอดที่สมบูรณ์แล้ว กระบวนการนี้คริสตจักรจึงได้สมาชิกมาเป็นคริสตชนที่ด้อยประสิทธิภาพ และ ไร้คุณภาพ เพราะเราจะพบว่า หลังจากการรับบัพติสมาแล้ว เขาก็เป็น “คริสตชนที่มีชีวิตเดิม ๆ”  ที่ปฏิบัติศาสนกิจ/พิธีตามวัฒนธรรมปฏิบัติของคริสตจักรเท่านั้น?

หัวใจ หรือ แก่นหลักของข่าวประเสริฐ หรือ พระกิตติคุณคือ แผ่นดินของพระเจ้ามาแล้ว  และกำลังค่อย ๆ สมบูรณ์ขึ้น การครอบครอง ปกครอง และ การปกป้องของพระเจ้าเกิดขึ้นเป็นจริงแล้วบนแผ่นดินโลกนี้ และกำลังขยายแผ่กว้างออกไป และพระคริสต์ได้เลือกและเรียกแต่ละคนให้ติดตามพระองค์ไปในชีวิตประจำวัน พร้อมกันนั้นพระองค์ก็ทรงเปลี่ยนแปลง เสริมสร้าง หนุนเสริมชีวิตที่ติดตามพระองค์ของเราแต่ละคน เพื่อที่แต่ละคนจะสานต่อร่วมงานในพระราชกิจแผ่นดินของพระเจ้าที่พระองค์ได้เริ่มต้นสถาปนาแล้ว และยังดำเนินการต่อไปร่วมกับสาวกทุกคนที่ติดตามพระองค์

ถ้าเราสำนึกในพระคุณของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์เป็นผู้ที่แสวงหาเราก่อน เป็นผู้ทุ่มทั้งชีวิตของพระองค์มากอบกู้ฉุดช่วยเราให้หลุดรอดปลอดภัยจากอำนาจของมารร้าย แล้วยังเสริมสร้างชีวิตทุกมิติของเราขึ้นใหม่ และให้เกียรติแก่เราแต่ละคนที่จะเป็นผู้สานต่อพระราชกิจของพระคริสต์บนโลกนี้ร่วมกับพระองค์ และสาวกคนอื่น ๆ ที่ติดตามพระองค์ การตอบสนองต่อพระประสงค์ของพระคริสต์ และ พระคุณของพระองค์จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราต้องสัตย์ซื่อในชีวิตฐานะสาวกของพระคริสต์

การสร้างสาวกเป็นพระราชกิจที่พระคริสต์ริเริ่มตามแบบของพระองค์ และยังกำลังสร้างสาวกของพระองค์ในปัจจุบัน แล้วชวนคริสตจักรมาเข้าร่วมในพระราชกิจนี้ ดังนั้น เราจึงไม่สร้างสาวกตามแบบ/วิธีที่เราต้องการ แต่ตามกระบวนการสร้างสาวกของพระคริสต์

คำถามที่สำคัญตอนนี้คือ ตัวเราเองได้รับการทรงสร้างให้เป็นสาวกพระคริสต์แล้วหรือยัง? และถ้าเรายังไม่ได้รับการทรงสร้าง แล้วเราจะร่วมสร้างสาวกพระคริสต์ได้อย่างไร?

เพื่อในสวรรค์เป็นอย่างไร ให้เป็นเช่นนั้นบนแผ่นดินโลก! ตามพระประสงค์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น