01 กรกฎาคม 2562

ตามพระคริสต์ไปด้วยเชื่อและการกระทำ!

เมื่อครั้งพระคริสต์ทรงเรียกซีโมน(เปโตร)และแอนดรูว์ พระองค์ทรงเรียกเขา “จงตามเรามาเถิด”  โปรดสังเกตว่า พระคริสต์ไม่ได้เรียกเขาทั้งสองให้ “จงเชื่อศรัทธาในเรา” แน่นอนครับ  ทั้งสองจะไม่ตามพระองค์ไปถ้าเขามิได้เชื่อและเห็นว่า พระเยซูคริสต์มีคุณค่าเพียงพอที่เขาจะติดตามพระองค์  

เมื่ออ่านพระคัมภีร์ตอนนี้เราจะอ่านด้วยความระมัดระวัง ที่พระองค์เรียกให้ทั้งสองติดตามพระองค์มิใช่เรียกให้พวกเขามา “เชื่อ” พระองค์ แต่พระองค์ชวนเขาให้มาร่วม “ปฏิบัติการ” กับพระองค์ และจากประสบการณ์ที่เขาได้รับเมื่ออยู่กับพระองค์ต่างหากที่ทำให้เขา “เชื่อวางใจ” ในพระเยซูคริสต์

การติดตามพระคริสต์ตามการทรงเรียกของพระองค์ มิใช่การตอบสนองการทรงเรียกเพียง “เชื่อในพระองค์” แล้วกลับไปหาปลา และ ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ และในวันนี้พระองค์ทรงเรียกเราแต่ละคนให้ “ตามพระองค์ไป” มิใช่มาเรียนรู้เรื่องราวการทรงเรียก และคำสอนของพระองค์เท่านั้น แต่พระองค์ทรงเรียกเรา โดยมีพระประสงค์ให้เรา “ปฏิบัติการ” ในพระราชกิจที่ต้องการให้เราทำ

ในที่นี้ผมไม่มีเจตนาที่จะลดคุณค่าสำคัญของเรื่องความเชื่อ และ การรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์ หรือการที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ การที่แต่ละคนจะเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทรงเป็นพระผู้ช่วยเราเป็นเรื่องสำคัญ และส่วนต่อไปก็สำคัญด้วยเช่นกันคือ เมื่อพระองค์กอบกู้ไถ่ถอนเราให้หลุดรอดจากอำนาจบาปชั่วของมารร้ายแล้ว พระองค์ต้องการเข้ามาในชีวิตของเราเพื่อเปลี่ยนแปลง ฟื้นฟู และเสริมสร้างชีวิตของเราใหม่ให้มีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องตามพระประสงค์

ปัญหาเกี่ยวกับความเชื่อของคริสตชนในปัจจุบันคือ เราให้ความสำคัญของพระกิตติคุณเพียงส่วนแรกคือ การได้รับการกอบกู้ฉุดช่วยออกจากความบาปเท่านั้น แต่ไม่ใส่ใจส่วนต่อจากนั้นคือการรับการเปลี่ยนแปลงและเสริมสร้างชีวิตขึ้นใหม่จากพระคริสต์

เราแยก “ความเชื่อ” ออกจาก “ชีวิตและการปฏิบัติ”  

ทั้งสองเป็นเรื่องต่อเนื่องเชื่อมโยงเป็นเรื่องเดียวกัน แยกขาดจากกันไม่ได้ ดังนั้น คริสตชนไทยปัจจุบันจึงมีแต่ “ความเชื่อ”  แต่ขาดการ “เปลี่ยนแปลงในชีวิต และ การดำเนินชีวิต” ตามความเชื่อที่มีอยู่

เมื่อชีวิตไม่มี “ความเชื่อที่มีพลังปฏิบัติการในชีวิต”  ชีวิตคริสตชนจึง “เหมือนเดิม” เปลี่ยนแต่ศาสนา หรือ  หลักการความเชื่อเท่านั้น แต่ต้องบอกตรงไปตรงมาว่า “ความเชื่อแบบนี้” สวนกระแสกับพระประสงค์ของพระคริสต์ เพราะคริสตชนคนนั้นมิสามารถที่จะตอบสนองจุดประสงค์ของการทรงเรียก กลายเป็นคริสตชนที่ “ง่อยเปลี้ยเสียขา”

พระคริสต์มิได้ทรงเรียกเราเพียงเพื่อให้เราเชื่อว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น   แต่ทรงเรียกเราให้ไว้วางใจพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิตใจของเรา สารภาพความบาปผิดของเรา  รับการอภัยโทษโดยทางพระคุณของพระองค์ แล้วรับการทรงเสริมสร้างชีวิตเราขึ้นใหม่ตามพระประสงค์ เพื่อชีวิตของเราจะมีพลังขับเคลื่อนตอบสนองพระประสงค์ของพระคริสต์

พระคริสต์มิได้ทรงเรียกเราเพียงเพื่อเราจะเชื่อว่า พระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น   แต่พระองค์ทรงเรียกเราให้ยอมรับว่า พระองค์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตประจำวันของเรา ที่เราจะต้องมอบกายถวายทั้งชีวิตและดวงจิตให้กับพระองค์

พระองค์ทรงเรียกสาวกในชุดแรกเช่นไร พระองค์ก็ ทรงเรียกเราให้ติดตามพระองค์ไปในชีวิตประจำวัน ในวันนี้   เราไม่มีโอกาสที่จะเดินตามพระเยซูคริสต์เฉกเช่นสาวกรุ่นแรก แต่เราได้รับสิทธิพิเศษที่จะเดินติดตามพระคริสต์ไปในชีวิตประจำวัน  ในทุกสถานการณ์ที่เราเผชิญในวันนี้และแต่ละวัน ทั้งในชีวิตครอบครัว  ในชีวิตการงาน ในความเป็นประชาชนไทยของเรา  ในชีวิตคริสตจักร ในทุกมิติชีวิตของเราครับ

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น