14 กรกฎาคม 2562

เมื่อชีวิต พลั้ง-ผิด พลาด-พัง พระเจ้าเข้าแทรกแซง

การที่คนเราได้รับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต มีสาเหตุ 3 ประการใหญ่ ๆ ที่เราควรพิจารณา คือ

1. เราตัดสินใจกระทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเหตุของการเกิดความเจ็บปวด ลำบากในชีวิตของเรา   เรียกว่าเราตั้งใจทำบาป หรือ เราเลือกที่จะเดินไปในทางของความบาป

ตัวอย่างเช่น อาดัมและอีฟ, โยนาห์, บุตรคนเล็ก (ในคำอุปมาของพระเยซูคริสต์), หญิงที่ถูกจับได้คาหนังคาเขาที่ล่วงประเวณีแล้วผู้นำศาสนายิวจับมาให้พระเยซูตัดสินว่าจะให้ทำอย่างไร และ ฯลฯ อีกหลายคน ในทุกสถานการณ์ของคนในกลุ่มนี้พวกเขาตัดสินใจเลือกที่จะกระทำผิดชั่ว และแน่นอนเขาก็จะได้รับผล/ผลกระทบ จากความบาปชั่วที่เขาทำ  

แต่พระเจ้าทรงเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์ที่เลวร้ายในชีวิตของคนกลุ่มนี้ เข้ามากอบกู้ เสริมหนุน ให้เกิดสิ่งดีจากสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ พระเจ้าเข้ามาแทรกแซง “ฐานเชื่อกรอบคิด” (mindset) ของทุกคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้น และเปิดโอกาสให้เริ่มต้นชีวิตใหม่ตามฐานเชื่อกรอบคิดใหม่จากพระองค์ ในชีวิตที่เจ็บปวด  พ่ายแพ้  สูญเสีย และเสี่ยงตาย  เขาได้พบทางไปสู่ชีวิตใหม่  

2. สถานการณ์ อันเป็นผลพวงจากความบาปที่มนุษยชาติได้กระทำจนทำให้ระบบที่พระเจ้าทรงสร้างปั่นป่วน รวนเร ก่อเกิดผลเสียผลร้ายต่อสังคมมนุษย์ส่วนรวม เรียกว่า ผลของความบาปชั่วที่เจ้าตัวมิได้ตัดสินใจเลือกดำเนินชีวิตในทางที่ผิดบาปนั้น แต่เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผล และ ผลกระทบจากความบาปชั่วนั้นในชีวิตของตน ในกรณีนี้จะมีเสียงบ่นต่อว่า  ทำไมคนดีต้องได้รับความเจ็บปวด ทุกข์ยากลำบากในชีวิต 

ตัวอย่างเช่น โยเซฟ ที่ต้องถูกพี่ชายขายไปเป็นทาสในประเทศอียิปต์ เพราะพี่ไม่ชอบขี้หน้า อิจฉา เกลียดชัง กีดกัน และต้องการขจัดน้องที่ทำตัวสำคัญกว่าพี่ (ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง) แต่โยเซฟก็ต้องรับผล/ผลกระทบจากรากเหง้าความบาปชั่วของพี่  

แต่พระเจ้าทรงใส่ใจเข้ามาแทรกแซงสถานการณ์เลวร้ายของโยเซฟในทุกขั้นตอน  และในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้พระเจ้าทรงใช้เป็นโอกาสในการทำให้เกิดสิ่งดีขึ้นในชีวิตของโยเซฟ ครอบครัว และชุมชนโลกที่นั่นในสมัยนั้น และยังใช้เป็นกระบวนการในการเตรียม เสริมสร้างโยเซฟสู่การเป็นคนที่พระเจ้าใช้ได้อย่างเกิดผลตามพระประสงค์ของพระองค์

3. สาเหตุประการที่สาม เป็นสาเหตุที่เริ่มต้นจากข้อที่ 2 แล้วตามด้วยข้อที่ 1 เป็นอิทธิพล และ ผล/ผลกระทบจากอำนาจแห่งความบาปชั่วที่ครอบงำอย่างกว้างขวาง แล้วเราตัดสินใจเลือกที่จะไหลไปตามกระแสอิทธิพลแห่งความบาปชั่วนั้น

ตัวอย่างเช่น โมเสส ที่ตัดสินใจฆ่าทหารอียิปต์ที่ข่มเหงแรงงานทาสยิว เพราะฐานเชื่อกรอบคิดที่ตนได้รับการสั่งสอนอบรมมาจากวัง และ ฐานะของตนเป็นถึงลูกชายธิดาฟาโรห์ หรือ หลานชายฟาโรห์ สำคัญว่าตนมีอำนาจ หรือ ต้องการแสดงอำนาจให้เป็นที่ยอมรับในหมู่แรงงานทาสยิว แต่ผลพวงที่เกิดขึ้นกลับตาลปัตร ทางฝ่ายราชบัลลังก์กลับมองว่าโมเสสก็คือลูกของพวกแรงงานทาสยิว ที่พระธิดาฉุดช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ และมองการะทำครั้งนั้นว่า เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นตั้งตัวเป็นกบฏแข็งข้อ   ผลคือ โมเสสต้องหนีระหกระเหินไปยังถิ่นทุรกันดารมีเดียน  

แต่บนเส้นทางชีวิตนี้พระเจ้าเข้ามาแทรกแซง ทรงเรียกเขา และสร้างเขาให้มีฐานเชื่อกรอบคิดใหม่ และให้โอกาสใหม่แก่โมเสส โดยใช้เขาในงานใหญ่ของพระองค์ตามพระประสงค์ และ การทรงนำของพระองค์ตลอดเส้นทางแห่งความทุกข์ยากลำบาก   จนถึงฝั่งฟากตรงกันข้ามกับแผ่นดินแห่งพระสัญญา

พระเจ้าทรงมีพระเมตตา พระองค์เข้ามาแทรกแซงในทุกสถานการณ์ชีวิตของเรา   เพื่อปรับเปลี่ยน “ฐานเชื่อกรอบคิด” (mindset) ของเรา เพื่อที่จะทรงพลิกสถานการณ์ที่เรามองว่าเลวร้าย รุนแรง สิ้นหวัง ให้มีมุมมองใหม่ที่ช่วยให้มองเห็นถึงพระประสงค์ของพระองค์ในสถานการณ์ที่เราไม่พึงต้องการนั้น และเราแต่ละคนที่ตกในสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นต้องตัดสินใจเลือกว่า เราจะยอมรับ “ฐานเชื่อกรอบคิดใหม่” ที่พระเจ้าต้องการปรับเปลี่ยนให้เรา หรือเรายังคงต้องการยึดเกาะแน่น “ฐานเชื่อกรอบคิดเดิม” ของเราอย่างไม่ยอมปล่อย

ถ้าเราตัดสินใจยอมรับ “ฐานเชื่อกรอบคิดใหม่” จากพระองค์ พระองค์จะเดินเคียงข้างเราไปในทุกที่ทุกเวลา เป็นพระปัญญา และ พระกำลังหนุนเสริมเราไปสู่ผลดีที่จะเกิดขึ้นแก่เราตามพระประสงค์

แต่ถ้าเราตัดสินใจยึดเกาะแน่นใน “ฐานเชื่อกรอบคิดดั้งเดิม” อย่างไม่ยอมปล่อย   พระองค์ก็ยังติดตามเคียงข้างเราอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่า เราต้องเผชิญกับผล/ผลกระทบใหม่ที่เราอาจจะคาดไม่ถึง ในความเลวร้ายที่รุนแรงกว่าเดิมนั้น ในเวลาเช่นนั้น พระเจ้าพร้อมที่จะเป็นพระกำลัง และพระปัญญาแก่เรา และพร้อมจะช่วยปรับ “ฐานเชื่อกรอบคิดของเรา” ให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง การช่วยกู้เป็นพระประสงค์ และ เป็นของประทานจากพระเจ้าแก่เรา เราต้องเลือกที่จะรับ เมินเฉย หรือไม่รับ  

พระเจ้าไม่บังคับ ให้เราต้องรับของประทานจากพระองค์ครับ แต่พระองค์มีพระประสงค์ให้เราแต่ละคน “กลับใจใหม่” ครับ   คือ ยอมเปลี่ยน “ฐานเชื่อกรอบคิด” ที่เรามีอยู่ ให้เป็นฐานเชื่อกรอบคิดที่สอดคล้องตามพระประสงค์ที่ต้องการให้เกิดสิ่งดีในชีวิตของเราแต่ละคนครับ!

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น