08 กรกฎาคม 2562

พระคริสต์เปลี่ยน “ฐานเชื่อกรอบคิด” การทำงานของเราใหม่!

ถ้าเราตัดสินใจตามพระเยซูคริสต์   เราจะต้องลาออกจากงานเดิมหรือไม่?  

คำตอบคือบางรายอาจจะใช่  แต่ไม่แน่เสมอไปสำหรับทุกคน  ขึ้นอยู่ว่าเราได้รับการทรงเรียกจากพระคริสต์ให้ต้องเปลี่ยนงานใหม่หรือไม่มากกว่า แต่คนส่วนใหญ่แล้ว เมื่อตัดสินใจตามพระเยซูคริสต์ไปจะไม่ต้องเปลี่ยนงานใหม่ แต่พระคริสต์จะหนุนเสริมให้เราเปลี่ยนมุมมองงานที่เราทำใหม่ ด้วยการเปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) ของเราใหม่ ซึ่งเดิมเราประกอบอาชีพเพื่อมีรายได้ เพื่อจะยังชีพ เพื่อร่ำรวยมั่นคง แต่หลังจากติดตามพระคริสต์ฐานเชื่อกรอบคิดการทำอาชีพเปลี่ยนไป

ตัวอย่างที่ชัดเจน เราสามารถเห็นได้จากเปาโล อาชีพและความชำนาญของท่านคือการเย็บเต็นท์ขาย เมื่อท่านกลับใจและตัดสินใจตามพระคริสต์ไปในชีวิตประจำวันของท่านประกาศถึงสัจจะความจริงของข่าวประเสริฐ ท่านยังไม่ทิ้งอาชีพเย็บเต็นท์ แต่ฐานเชื่อกรอบคิดในการเย็บเต็นท์ของท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่จากพระคริสต์ ท่านเย็บเต็นท์เพื่อที่จะมีชีวิตประกาศสัจจะความจริงของข่าวประเสริฐให้แผ่กว้างออกไปให้กว้างไกลที่สุด เพื่อสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์บนแผ่นดินโลกนี้ตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์

อีกคนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ ศักเคียส  เขาเป็นคนเก็บภาษีให้รัฐบาลโรมัน หลังจากที่เขาพบกับพระเยซู พระองค์มีโอกาสใช้เวลากับเขาในบ้านของเขา ทำให้ฐานเชื่อกรอบคิดในชีวิตของเขาเปลี่ยนไป และมีผลกระทบต่อฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) ในงานอาชีพเก็บภาษีของเขาอย่างมากด้วย  

ศักเคียส ทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า  “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนยากจนครึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์โกงอะไรของใครมา ก็ยอมคืนให้เขาสี่เท่า” (ลูกา 19:8 มตฐ.)

น่าสังเกตว่า เขาไม่ได้กล่าวว่าเขาจะเลิกทำอาชีพเก็บภาษี แต่เขาได้เปลี่ยนมุมมองกรอบคิดในอาชีพเก็บภาษีใหม่  

ประการแรก เก็บภาษีด้วยความสัตย์ซื่อ  

ประการที่สอง แบ่งปันทรัพย์สินที่ตนมีครึ่งหนึ่งให้กับคนยากคนจน เพราะเขาต้องการสำแดงพระคริสต์ในชีวิตประจำวัน และได้เห็นคุณค่าของผู้ต่ำต้อยเล็กน้อยเหล่านี้ และนี่เป็นพระประสงค์ของพระคริสต์คือ “ให้คนอื่น”  (อย่างที่พระเยซูคริสต์บอกเศรษฐีหนุ่มให้กระทำเช่นนี้แล้วจะได้ชีวิตนิรันดร์ แต่เขาทำไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าควรกระทำ) 

ประการที่สาม ยังชดใช้ผู้ที่ตนเคยคดโกง 4 เท่า ถ้าพูดภาษาง่าย ๆ คือ ตั้งแต่นี้ต่อไปเขาจะเก็บภาษีอย่างสัตย์ซื่อ ทำอาชีพบนรากฐานพระวจนะ  มิใช่ทำอย่างเอาเปรียบ คดโกง เพื่อตนจะร่ำรวยต่อไป

ศักเคียส ใช้อาชีพการงานของตนในการสำแดงชีวิตสาวกที่ติดตามพระคริสต์ด้วยการปฏิบัติ เพื่อเป็นการสานต่อพระราชกิจของพระคริสต์ที่ได้เริ่มต้นไว้แล้วผ่านการงานอาชีพในชีวิตประจำวันของเขา เพื่อเป็นการเสริมสร้างชุมชนแห่งแผ่นดินของพระเจ้าบนโลกนี้ด้วยรักเมตตา เสียสละ ตามแบบอย่างของพระคริสต์ที่ยอมให้ชีวิต  เพื่อคนอื่นจะได้พบกับโอกาสใหม่ชีวิตใหม่

พระเยซูคริสต์มิได้ต่อต้านการทำงานอาชีพในสังคมโลกนี้ แต่พระองค์ปรับเปลี่ยนฐานเชื่อกรอบคิด (mindset) การทำงานอาชีพของเราใหม่ เพื่อใช้งานอาชีพในการรับใช้แผ่นดินของพระเจ้าผ่านการดำเนินชีวิตประจำวัน  

เพื่อให้แผ่นดินของพระเจ้ามาตั้งอยู่บนโลกนี้  ในสวรรค์เป็นอย่างไร  ให้เป็นเช่นนั้นบนแผ่นดินโลก

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น