24 กุมภาพันธ์ 2564

เมื่อท่านอ่านพระคัมภีร์ ท่านมุ่งจดจ่อค้นหาอะไร?

เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ หรือ อ่านพระวจนะของพระเจ้าเรามักทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า เราพยายามที่จะทำให้พระคัมภีร์เป็นเรื่องของเรา แล้วเปิดไปในแต่ละหน้าเพื่อค้นหาตนเอง เช่น เราต้องการที่จะรู้ว่าเราจะต้องกระทำอย่างไรในชีวิต หรือ ทำอย่างไรชีวิตจิตวิญญาณของเราจะเติบโต เราอ่านพระคัมภีร์เพื่อที่เราจะมีสันติสุข ความมั่นใจในชีวิต ความเข้มแข็งเติบโต ผมไม่ได้ว่าที่กล่าวมานี้ผิดนะครับ พระวจนะของพระเจ้าได้กระทำอะไรต่อมิอะไรในชีวิตของเรามากกว่านี้มากมาย  สิ่งเหล่านี้เป็นเพียง “ผลพลอยได้” สำหรับเราในชีวิตเท่านั้น

ขอให้เราเข้าใจให้ชัดเจนว่า ใช่... พระคัมภีร์ หรือ พระวจนะนั้นมี “เพื่อเรา” แต่แก่นหลักมิใช่ “เกี่ยวกับเรา” บ่อยครั้งที่คริสตชนอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ด้วยมุมมองที่มี “ตนเองเป็นศูนย์กลาง” จึงทำให้เราคิดถึงแต่ตนเอง สิ่งนี้ปิดบังสัจจะความจริงของพระเจ้า และ ความหมายที่แท้จริงของพระวจนะ น่าเสียใจว่า บ่อยครั้งนักที่เราหลงทางคลาดเคลื่อนจากจุดประสงค์ของพระคัมภีร์ ที่ต้องการให้เรารู้ถึง “พระเจ้า” ผู้ได้ดลใจให้เขียนพระคัมภีร์เล่มนี้ขึ้น

เป้าประสงค์แรกของพระคัมภีร์คือ เรารู้แล้วว่า พระคัมภีร์เป็นเรื่องราวที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้บันทึกเป็นพระคัมภีร์ พระคัมภีร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า วัตถุประสงค์ของพระคัมภีร์คือการทรงเปิดเผยของพระเจ้า ถึงคำสอนของพระองค์สำหรับเรา, พระลักษณะบุคลิกภาพของพระองค์, พระประสงค์ของพระองค์, แผนการของพระองค์, พระราชกิจของพระองค์ และวิถีทางของพระองค์ และยังรวมถึงแผนการที่พระองค์ได้จัดเตรียมและประทานความรอดแก่เราผ่านชีวิตและพระราชกิจของพระเยซูคริสต์

พระเจ้าเป็นผู้ขับเคลื่อนตัวหลักของทุกเรื่องราวในพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ดาวิดกับโกลิอัท (1ซามูเอล 17:1-49) ดาเนียลในถ้ำสิงโต (ดาเนียล 6:1-24) เปาโลและสิลาในคุกเมืองฟีลิปปี (กิจการ 18:16-40) แม้กระทั่งในเรื่องของเอสเธอร์ ที่ไม่ได้เอ่ยถึงพระนามของพระเจ้าเลย   พระองค์ทรงเป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องราวทุกเรื่องในพระคัมภีร์ พระหัตถ์ที่ทรงตระเตรียมและประทานสิ่งต่าง ๆ ก็เป็นพระหัตถ์เดียวกันที่ประทานความรอดสำหรับประชากรของพระองค์

แล้วเราจะอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ด้วยมุมมองที่พระเจ้าทรงเป็นแก่นหลัก หรือ เป็นศูนย์กลางของพระคัมภีร์ได้อย่างไร?

เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์หรือศึกษาพระวจนะของพระเจ้าให้เราจดจ่อมุ่งมองไปที่พระเจ้า

ก่อนที่เราจะสามารถระบุชัดลงไปว่า พระคัมภีร์ตอนนี้ “หมายความ” ว่าอย่างไร เราต้องสังเกตว่า พระคัมภีร์ตอนนั้น ๆ กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในขณะที่มีหลายเรื่องหลายประเด็นที่น่าสังเกตในพระคัมภีร์ตอนนั้น พระเจ้าต้องเป็นเรื่องที่เราจะต้องจดจ่อใส่ใจสังเกตเป็นสิ่งแรกในการศึกษาพระคัมภีร์ตอนนั้น ๆ ให้เราอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ด้วยการแสวงหาสัจจะที่ยกย่องและถวายเกียรติแด่พระเจ้า หลายท่านที่อ่านพระคัมภีร์จะใช้สีต่าง ๆ ขีดหรือทำเครื่องหมายที่มีความหมายสำคัญ เช่น จะใช้สีเน้นชัดคำ วลี หรือประโยคในพระคัมภีร์ทุกที่ที่แสดงถึงสัจจะเกี่ยวกับพระเจ้า   ซึ่งมีตัวอย่างที่แสดงถึงความสำคัญของพระเจ้าในประเด็นดังนี้ เช่น...

• พระลักษณะของพระเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้สอนเราเกี่ยวกับพระลักษณะเฉพาะของพระเจ้าอะไรบ้าง?

• พระประสงค์ของพระเจ้า เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับแผนการของพระเจ้าสำหรับโลกนี้  สำหรับประชากรของพระองค์ สำหรับแผนการแห่งความรอด และ ฯลฯ อะไรบ้าง?

• วิถีทางของพระเจ้า พระเจ้าทรงติดต่อสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างไร? แล้วพระองค์สื่อสารพระประสงค์ของพระองค์กับมนุษย์อย่างไร?

การตอบสนองต่อสิ่งที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้าจากการอ่านพระคัมภีร์

• กลับใจ เมื่อเราเผชิญหน้ากับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์เปิดเผยให้เราเห็นถึงความบาปผิดของเรา เราจะต้องหันหลังและหลีกหนีออกจากอะไรบ้าง?

• นมัสการ ยิ่งเราเรียนรู้เกี่ยวกับพระเจ้ามากขึ้นแค่ไหน เรายิ่งตระหนักชัดว่าพระองค์สมควรอย่างยิ่งที่เราจะยกย่องสรรเสริญ

• เชื่อ เราได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับพระเจ้าที่เราไม่เคยรู้มาก่อน? ที่ปรับเปลี่ยนมุมมองของเราที่มีต่อพระองค์ และเราเชื่อในสิ่งนั้นหรือไม่?

• เชื่อฟัง เมื่อมีความรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้า เกิดการกระตุ้นให้เรากระทำบางสิ่งบางอย่างที่พระองค์ต้องการให้เรากระทำหรือไม่?

แล้วท่านล่ะ ท่านต้องเผชิญกับการอ่านพระคัมภีร์ที่มีพระเจ้าเป็นแก่นหลักที่ท่านจะจดจ่อใส่ใจในการพระคัมภีร์หรือไม่?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น