01 กุมภาพันธ์ 2564

เราจะรับใช้หัวหน้า หรือ เจ้านายที่ยอดแย่อย่างไร?

ทุกวันนี้ เมื่อได้พบผู้คนที่ต้องทำงานในแต่ละวันมักจะได้ยินเสียงบ่นว่า เจ้านาย หรือ หัวหน้างานของเขาที่ต้องทำงานด้วยว่า “เป็นเจ้านายที่ยอดแย่” “เป็นหัวหน้าที่ยอดห่ว...” จากนั้นก็ตามด้วยความถามยอดฮิตว่า... แล้วจะให้เขาทำงานอย่างไรกับคนแบบนั้น?  

ผมขอประมวลคำแนะนำที่ได้จากประสบการณ์ของคริสตชนหลายท่านที่ให้หลักการรับมือในการทำงานกับ “เจ้านายที่ยอดแย่”  “หัวหน้าที่ยอดห่ว...” เป็น 5 ประการดังนี้

1) มีชีวิตที่ได้รับการทรงเรียกที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็น “แก่นกลาง” (ศูนย์กลาง)

นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดเมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตปกติทั่วไป เปาโลกล่าวว่าการงานที่เราทำทั้งสิ้นให้เราทำรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ทำต่อหัวหน้างานหรือนายจ้างแต่เป็นการทำงานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

“จงรับใช้ด้วยความเต็มใจราวกับกำลังรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่มนุษย์ เพราะท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ทุกคนที่ทำดี ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสหรือเป็นไท” (เอเฟซัส 6:7-8 อมธ.)

นั่นหมายความว่าในขณะที่เราทำงานใด ๆ เราทำงานด้วยใจจดจ่ออยู่ที่งานที่เราทำและมีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็น “แก่นกลาง” ของงานนั้นและในชีวิตของเรา เมื่อเราทำงานเราจะถามตนเองว่า   ทำไมพระเจ้าประสงค์ให้เราทำงานนี้?  

เราจะต้องทำงานนี้อย่างไรที่จะเป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
พระองค์ประสงค์ที่จะให้เราทำงานชิ้นนี้เสร็จเมื่อใด?
พระองค์จะทรงช่วยเราในการทำงานนี้หรือไม่? 
การทำงานนี้จะมีผลให้เกิดการสรรเสริญถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าอย่างไร?  
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเป็นคริสตชนหมายถึงการที่เรามีชีวิตและทำงานโดยมีพระเจ้าเป็นแก่นกลางในชีวิตและการงาน

2) การทรงเรียกให้เราเป็นคนที่ดีของพระองค์

การมีชีวิตที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลางหมายถึงการที่เราเป็นคนที่ดีและกระทำในสิ่งดี   เปาโลกล่าวว่า “...องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ทุกคนที่ทำดี...”  (ข้อ 8) พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “...พวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์”  (มัทธิว 5:16 มตฐ.)

3) มีพลังในการทำงานอย่างดีเพื่อหัวหน้า หรือ นายจ้างที่ไม่เห็นอกเห็นใจ

เปาโลประสงค์ที่จะให้กำลังใจแก่คริสตชน ด้วยแรงจูงใจที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นแก่นกลาง ให้ยืนหยัดในการทำดีเพื่อหัวหน้า หรือ นายจ้างของเราแม้เขาจะเป็นคนที่พร่องในความเห็นอกเห็นใจคนอื่น หรือ เป็นคนที่เอาแต่ใจตนเอง งกแต่ผลประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก เอาเปรียบลูกน้องและคนอื่นก็ตาม แล้วเรายังคงทำสิ่งที่ดีในหน้าที่การงานเมื่อเจ้านายไม่สนใจไม่ใส่ใจเรา หรือ ตำหนิต่อว่าร้ายเราได้อย่างไร? เปาโลตอบว่า เลิกคิดเกี่ยวกับเจ้านาย หรือ หัวหน้าของเรา   แต่เริ่มทำงานเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าในงานที่เจ้านาย หรือ หัวหน้ามอบหมายให้เราทำและรับผิดชอบ

4) ให้กำลังใจแก่ตนเองว่า การทำดีจะไร้ประโยชน์ก็หาไม่

ประโยคที่น่าทึ่งที่สุดจากข้อพระคัมภีร์ในตอนที่เราอ่านคือ “เพราะท่านรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่ทุกคนที่ทำดี”  เรามิได้ทำดีเพื่อหวังการปูนบำเหน็จจากนายจ้าง หรือ หัวหน้าของเรา แต่การดีทุกอย่างที่เรากระทำไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนพระเจ้าจะทรงเป็นผู้ปูนบำเหน็จในความดีที่เราทำ และนี่แสดงชี้ชัดว่าทุกสิ่งที่เรากระทำดีไม่ว่าเล็กหรือใหญ่แค่ไหนพระเจ้าใส่ใจและเห็นตลอดเวลา และพระองค์เป็นผู้ตอบแทนการกระทำของเรามิใช่มนุษย์ มิใช่นายจ้าง และ มิใช่หัวหน้า

5) สถานภาพของเราในสังคมโลกนี้จะเป็นเช่นไรก็ตาม จะไม่สามารถกีดกันขัดขวางของประทานตอบแทนจากเบื้องบน

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานผลตอบแทนในทุกสิ่งดีที่เรากระทำ “ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นทาสหรือเป็นไท” หัวหน้างานหรือเจ้านายของเราอาจจะมองว่าเราไม่ใช่คนสำคัญอะไร “เป็นเพียงแรงงานรับจ้าง” หรือ มองเราอย่างคนด้อยค่าราคาในสายตาของเขา บางครั้งมองข้ามหัวเราเหมือนเราไม่ได้อยู่ที่นั่น อย่าให้การกระทำเหล่านี้ของหัวหน้า หรือ นายจ้างทำให้เรารู้สึกแย่ท้อแท้ แต่เราพึงตระหนักชัดว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้และใส่ใจว่าเราอยู่ที่นั่น และรู้ถึงงานรับใช้ต่าง ๆ ที่เรากระทำด้วยความสัตย์ซื่อที่จะไม่ศูนย์เปล่า

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.emmaus@gmail.com; 081-2894499



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น