29 กรกฎาคม 2553

การให้อภัย

...ขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์
เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น (มัทธิว 6:12)

ฉันปลดแล้วปล่อยมันไป
ฉันให้อภัยแก่ตนเองและคนรอบข้าง
ฉันจึงเป็นไท
ฉันจึงอยู่อย่างสงบศานติ

เราคงเคยรื้อ ทำความสะอาด และจัดลิ้นชัก หรือ ตู้เสื้อผ้า
เพื่อจะได้ดูเป็นระเบียบ และ ที่สำคัญมีที่ว่าง
เพราะเราเลือกสิ่งที่ไม่ใช้แล้วออกจากลิ้นชัก หรือ ตู้เสื้อผ้า
เราจึงมีที่ว่างสำหรับใส่สิ่งใหม่ที่เราจำเป็นใช้ประโยชน์

เช่นเดียวกัน
เราสามารถเลือกที่จะเก็บรักษา หรือ ปลดแล้วปล่อย...
ความรู้สึก
ความคิด
อารมณ์...ที่ครอบงำเกาะกุมภายในเรา
ไม่ว่าจะเป็น...
ความรู้สึกเก่าๆ ที่สั่งสมกองทับกันไว้อย่างยุ่งเหยิง
ความขุ่นเคือง ความไม่พอใจ ที่กองสุม คุกรุ่น รอโอกาสลุกเป็นไฟ

สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราเลย
แต่กลับสร้างความรู้สึกหนักอึ้ง เร่าร้อนในชีวิต ในความคิด และมีผลกระทบต่อร่างกาย
สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นตัวฉุดรั้งดึงให้เราต้องถอยหลัง

ถ้าเราพบว่า เราไม่สามารถที่จะปลดและปล่อยให้มันออกจากชีวิตของเรา
ให้เราทูลขอต่อพระเจ้า ทูลขอพระคุณพระเมตตาจากพระเยซูคริสต์
ที่จะทรงช่วยปลดและปล่อยภาระหนักอึ้งแห่งการ “ไม่ยอมให้อภัย” ที่ทับถมในชีวิตของเรา
ให้เราถ่อมใจลงยอมรับการทรงช่วยจากพระองค์
ให้พระองค์ชะล้างสิ่งเหล่านั้นออกจากความคิด ความรู้สึก ในส่วนลึกชีวิตของเรา
ตระหนักสำนึกว่า... สิ่งเหล่านั้นมิใช่ “สัมภาระแห่งชีวิต” ที่เราต้องทนแบก

แล้วให้เรายอมให้อภัยแก่ตนเอง ยอมให้อภัยแก่คนอื่น
จากนั้น ให้เราเปิดชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และจิตใจของเรา...
รับศานติสุขจากเบื้องบน
รับความเป็นไทจากพระคริสต์
รับพลังชีวิตใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์
แล้วดำเนินชีวิตในวันนี้ไปด้วย ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนน้อม ใจที่มีศานติมั่นคงในพระคริสต์

“อย่าวินิจฉัยโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ได้ถูกวินิจฉัยโทษ
อย่ากล่าวโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ถูกกล่าวโทษ
จงยกโทษให้เขา และเขาจะยกโทษให้ท่าน (ลูกา 6:37)

23เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า
พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน

24จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน
แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน (มัทธิว 5:23-24)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น