12 พฤษภาคม 2558

ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไรถึงมีคุณค่า?

ขอ​ทรง​สอน​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​ให้​นับ​วัน​(ที่มีจำกัด)ของ​ตน
เพื่อ​พวก​ข้า​พระ​องค์​จะ​มี​จิต​ใจ​ที่​มี​ปัญญา(เพิ่มพูน) 
(สดุดี 90:12 มตฐ. ในวงเล็บผู้เขียนขยายความ)

สมัยครั้งเมื่อผมทำงานวิจัยเรื่องส่งเสริมการทำบัญชีครัวเรือนในชุมชน   เราได้ขอให้ทุกครัวเรือนบันทึกรายละเอียดรายรับ รายจ่าย และรายจ่ายหนี้สิน (เช่น รายการเงินผ่อน) ที่เราต้องรับผิดชอบในทุกเดือน   นอกจากจะทำให้เจ้าตัว และ คณะทำงานได้เห็นถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจในครัวเรือนแล้ว   ยังเป็นสิ่งท้าทายที่ชวนให้ชาวบ้านกลับมาคิดและวางแผนเกี่ยวกับเศรษฐกิจในครัวเรือนของตนใหม่   ตลอดจนการลงทุนทำอาชีพที่กำลังทำอยู่ด้วย

แต่เมื่อเรากำลังศึกษาเรื่องรายรับ-รายจ่ายครัวเรือนในหมู่บ้านหนึ่ง   พ่อหลวงของหมู่บ้านนั้นได้ตั้งข้อสังเกตว่า  “ถ้าเราลองพิจารณาดูรายการรับจ่ายของแต่ละบ้านแล้ว   เราบอกได้เลยว่า พ่อบ้านแม่บ้านในครัวเรือนนั้นเป็นคนที่มีนิสัย ในชีวิตประจำในอย่างไร...”

ใช่สินะ   รายการรับจ่ายสามารถบอกถึงนิสัยใจคอของเราได้อย่างดีว่าเจ้าของรายการรับจ่ายเป็นคนเช่นไร   แต่ถ้าลองให้เราทบทวนความจำและเขียนลำดับรายการที่เราทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่ามีอะไรบ้างแล้ว   จะแสดงให้เราเห็นถึง “ระบบคุณค่า” ได้อย่างชัดเจนในชีวิตของเจ้าของรายการสิ่งที่เขาทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น

ผู้ประพันธ์สดุดีข้างต้นได้ขอพระเจ้าทรงสอนให้ตนเองรู้จักที่จะ “นับ” วันเวลาชีวิตที่มีจำกัดของตน   ซึ่งเป็นวันเวลาที่พระเจ้าประทานให้แต่ละคน   ที่มีจุดเริ่มต้นและวาระสิ้นสุด    เพื่อที่จะพินิจพิจารณาใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ดูว่า   เราได้ทำอะไรบ้าง ก่อน-หลัง,  มาก-น้อยแค่ไหน   เพื่อที่จะมองย้อนเห็นชีวิตตนเองว่า เราใช้เวลาอย่างไร  และมีอะไรคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตประจำวันของเรา     ผมบอกได้เลยว่า  สิ่งที่พบนี้เป็นความจริงที่ผมไม่อยากยอมรับเลย   แต่ในเวลาเดียวกันเป็นเหมือนเสียงนาฬิกาปลุกให้ตนเองสะดุ้งตื่นจากความเคยชิน   จากการทำในสิ่งที่คุ้นชินที่มิใช่ความตั้งใจที่ผมต้องการจะทำจริง ๆ   ไม่ใช่สิ่งที่เป็นความหวัง  หรือสิ่งที่ผมเห็นว่ามีคุณค่าสูงสุดในชีวิต   แต่ความจริงก็คือ   ผมยังทำสิ่งนั้น อย่างนั้นทุกเมื่อเชื่อวันจริง ๆ

เมื่อพระเจ้าทรงสอนให้ผมกลับมานับ พินิจพิจารณาสิ่งที่ผมทำลงไปทำให้ผมได้คิด  ทำให้ผมเกิดปัญญา  คือปัญญาที่พระเจ้าทรงช่วยให้ผมเห็นความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของตนเอง   ปัญญาที่ผมได้มีโอกาสสะดุ้งตื่นจากชีวิตประจำวันที่ชินชาที่ผมไม่น่าจะทำเช่นนั้น   นี่เป็นปัญญาที่จุดประกายให้เกิดพลังภายในชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าอีกครั้งหนึ่ง

ที่สำคัญ  พระเจ้าทรงช่วยให้ผมได้ยินเสียงกริ่งเตือนภัยที่ประชิดตัวที่ผมไม่เคยนึกคิดมาก่อน  แต่กลับทำเป็นประจำ   จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ชีวิตเป็นเช่นนั้น ทำเช่นนั้นก็ได้   ผมพบว่านี่เป็นจิตใจที่มีปัญญาที่พระเจ้าประทานแก่ผม  เมื่อผมรู้จักการ “นับ” (พิจารณาใคร่ครวญ) วันเวลาชีวิตประจำวัน

รายการงานประจำวันที่เราไม่นึกคิดหรือตั้งใจแต่ก็ทำลงไปนั้น   มักเกิดมาจากการกระตุ้นกดดันจากสถานการณ์และพันธสัมพันธ์ที่มีรอบข้างชีวิตประจำวันของเรา   บางครั้งก็ถูกกระตุ้นด้วยความอยากหรืออารมณ์ความรู้สึกของตนเอง   เมื่อผมกลับมาทำรายการลำดับสิ่งที่ทำในแต่ละวันพบพฤติกรรมที่น่าตกใจของตนเองว่า   ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัยนี้   ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา  สิ่งแรกที่ผมทำคือ  เปิดเครื่องเช็คอีเมล และ สื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ   สิ่งนี้กลายเป็นสิ่งที่กระทำประจำวันด้วยความคุ้นชินที่ไม่นึกคิดหรือตั้งใจจะทำมาก่อน?   ไม่ใช่เป็นการผิดที่เราจะเปิดอ่านอีเมล หรือ สื่อสังคมออนไลน์

แต่ที่ผิดอย่างน่าตกใจคือ   สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นสิ่งสำคัญประการแรกในชีวิตประวันของเราในอดีตที่ผ่านมาคือการที่เราจะมีเวลาอยู่หน้าต่อหน้าด้วยความสนิทสนมกับพระเจ้า   และฟังเสียงแห่งพระปัญญาจากพระองค์   แต่เดี๋ยวนี้ ทุกเช้าวันใหม่เราสัตย์ซื่ออย่างเป็นนิสัยเข้าเฝ้า และ ฟังเสียงของอีเมลและสื่อออนไลน์เป็นสิ่งแรก   เราเข้าเฝ้าสื่อเหล่านี้ที่ไหนก็ได้  ไม่ว่าบนเตียงนอน  บนโต๊ะ  หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำ?

เมื่อมาถึงที่ทำงาน   ในอดีตสิ่งแรกที่เรานั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะทำงานของเรา   เราก้มหัวอธิษฐานทูลขอการทรงนำ   แต่ปัจจุบันนี้   ยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะทำงานของตน  ถูกเรียกให้ไปช่วยดูคำสั่งงานด่วนที่เข้ามา   ผู้ช่วยมาปรึกษาเรื่องลูกน้องสร้างปัญหาใหม่อีกแล้ว?   เราต้องกระโดดจากงานนี้   วิ่งไปให้ทันการประชุม  กว่าจะกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานครั้งแรกวันนี้ก็ปาเข้าไป 11 โมงแล้ว   “ตายจริง... เราลืมไปร่วมกลุ่มอธิษฐานตอนเช้า 15 นาทีประจำสัปดาห์”

เมื่อพระเจ้าสอนให้ผมรู้จักที่จะ “นับ” พินิจพิจารณาเวลาช่วงต่าง ๆ ในวันคืนแห่งชีวิตผมได้รับปัญญาเพิ่มพูนว่า   ที่ดูเหมือนว่า ในหลาย ๆ สถานการณ์แวดล้อมชีวิตประจำวันของเรา   เราเกือบจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์แวดล้อมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น   แต่พระเจ้าดลใจให้มีจิตใจที่สามารถสำนึกได้ว่า  ในทุกสถานการณ์ เหตุการณ์ และสถานที่   พระเจ้าสถิตเคียงข้างเราเสมอ   ไม่ว่าเราจะตกอยู่ในสภาพการณ์เช่นไร   เราอยู่หน้าต่อหน้ากับพระเจ้า   ไม่แตกต่างกับเวลาที่เรานั่งในพระวิหารของพระเจ้าในเช้าวันอาทิตย์เลย   

ใช่ครับ   ทุกวัน เราสามารถที่จะทำชีวิตประจำวันที่เราตั้งใจได้ครับ  ไม่จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้ชีวิตประจำวันถูกควบคุมโดยสถานการณ์แวดล้อมรอบข้าง   หรือ ตามเสียงอยากและตามอารมณ์ของเรา   แต่เราสามารถมีชีวิตประจำวันที่ตั้งใจในทุกสถานการณ์ชีวิต  ที่จะสำนึกว่าพระเจ้าอยู่เคียงข้าง  พระเจ้าอยู่หน้าต่อหน้าของเราในทุกสถานการณ์   เราจะขอพระปัญญาว่าเราจะคิด พิจารณา และตัดสินใจเช่นไรในแต่ละเรื่อง  แต่ละสถานการณ์   แต่ละชั่วโมงนาทีที่กำลังเคลื่อนไป   และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เคลื่อนดาหน้าเข้ามาหาเรา

เราจะไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นเข้ามาตัดสินใจชีวิตประจำวันแทนเรา   และจะไม่ยอมให้ความท้อแท้เกียจคร้านเข้ามาฉุดกระชากเราไว้    มีเป้าหมายชัดเจนในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา  และตระหนักถึงความจำกัดของวันเวลาที่เรามีอยู่   สำนึกว่าชีวิตประจำวันเป็นของประทานจากพระเจ้า   และ พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ และ แผนงานในชีวิตประจำวันที่พระองค์ประทานแก่เรา   ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังพร้อมเสมอที่จะหนุนเสริมเราในแต่ละสถานการณ์

ประสิทธิ์ แซ่ตั้ง
บ้านแม่แก้ดน้อย  สันทราย  เชียงใหม่
E-mail: prasit.barnabus@gmail.com
081-2894499

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น